ฎีกาพิพากษา
จำคุก‘ธาริต’6เดือนปรับ1หมื่น
แจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จ
หวังเลี่ยงถูกตรวจสอบ
แต่ให้รอลงอาญาไว้2ปี
ห้ามนั่งเก้าอี้จนท.รัฐ5ปี
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาคดี อดีตอธิบดีดีเอสไอ “ธาริต เพ็งดิษฐ์” จงใจปกปิด-แสดงบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ สั่งจำคุก6 เดือน ปรับ 1 หมื่น แต่สารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี ห้ามดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่รัฐ 5 ปี
เมื่อวันที่ 19 มกราคม ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ผู้พิพากษาศาลฎีกาฯอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อม.177/2560 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ร้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ผู้คัดค้าน กรณีนายธาริตแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ นายธาริตให้การรับสารภาพ
ศาลฎีกาฯพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่นายธาริตและนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ คู่สมรส ไม่แสดงรายการทรัพย์สิน ประกอบด้วย เงินฝากธนาคาร 4 บัญชี มีเงินรวม 5 ล้านบาท เงินลงทุนในหุ้นบริษัท 2 แห่งมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท สิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน 2 แปลง รวม 2 ไร่ 50 ตารางวา ในอ.ปากช่อง จ.นครราชสีมามูลค่ากว่า 20 ล้านบาท และเงินฝากธนาคาร 2 บัญชีเป็นเงินกว่า 6 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในนามของนายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ หลานของนางวรรษมล ที่มอบหมายให้อยู่ในความครอบครองดังกล่าว เป็นการปกปิดไม่แสดงรายการทรัพย์สินของตนเองและคู่สมรสกรณีทุก 3 ปี ที่อยู่ในตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ป.ป.ช.ตรวจสอบ มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านายธาริตมีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สิน
องค์คณะผู้พิพากษาจึงมีมติเอกฉันท์ว่า นายธาริต ผู้คัดค้าน จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งต่อป.ป.ช.ทุก 3 ปี ที่อยู่ในตำแหน่ง จึงห้ามนายธาริตดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ 3 เมษายน 2560 อันเป็นวันที่นายธาริตพ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และให้ลงโทษตาม พรป.ป.ป.ช.มาตรา41 วรรคหนึ่ง และมาตรา119 พิพากษาว่า ให้ลงโทษจำคุก นายธาริต 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท คำให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท นายธาริตไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 2ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายธาริต พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ หลังมีคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 8/2557 เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2557 ให้ปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ได้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปก่อน หลังจาก ป.ป.ช.ตรวจสอบทรัพย์สินของนายธาริต กระทั่ง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2559 ด้วยมติเป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 ว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติขณะดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รวมมูลค่า 346 ล้านบาท ซึ่งป.ป.ช.ได้อายัดทรัพย์ที่มีชื่อของนายธาริต นางวรรษมล คู่สมรสและบุคคลที่เกี่ยวข้องถือครองแทนไว้ชั่วคราวก่อนหน้านี้กว่า 90 ล้านบาท แต่เนื่องจากทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติบางส่วนมีการโอน ยักย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อนทรัพย์สินทำให้ไม่สามารถติดตามทรัพย์สินได้ คงเหลือทรัพย์สินอีก 256,391,901 บาท ที่ให้บังคับคดีเอาจากทรัพย์สินอื่นของนายธาริต และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ คู่สมรส
ทั้งนี้ นอกจากยื่นฟ้องคดีอาญาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้วป.ป.ช. ยังส่งรายงานและสำนวนการไต่สวนของป.ป.ช.ให้อัยการสูงสุด เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ขอให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดิน พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ตามมาตรา 80 และ 83 ด้วย ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุด รับเรื่องไว้เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2559
จากนั้นอัยการสูงสุดโดยพนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 2 จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 ขอให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติของนายธาริต ตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งทรัพย์สินนั้นมีชื่อของนายธาริต นางวรรษมล คู่สมรสและญาติกว่า 340ล้านบาท โดยศาลแพ่งรับคำร้องของอัยการไว้ไต่สวนพยานแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนพยานฝ่ายอัยการ ผู้ร้อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี