ปมนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ทำท่าจะลุกลามกลายเป็นประเด็นใหญ่มากขึ้นทุกวัน เพราะเพียงคล้อยหลังจากที่ นายมาร์ค เคนท์ อดีตเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันประจำอยู่ที่ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์ข้อความนิรนามผ่านเครือข่ายทวิตเตอร์ระบุเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งแปลสรุปใจความได้ว่า “ไม่เข้าใจว่าทำไมคนเราต้องใส่นาฬิกาถึง 25 เรือน ทั้งที่มีข้อมือแค่ 2 ข้าง” (อ่านรายละเอียดข่าว : ไม่รู้พูดถึงใคร! อดีตทูตอังกฤษข้องใจ มีข้อมือแค่2ข้าง ทำไมต้องใส่นาฬิกา25เรือน) ก็ปรากฏว่า สื่อยักษ์ใหญ่ของอังกฤษอย่า "Daily mail" ก็นำเรื่องดังกล่าวไปเป็นประเด็นนำเสนอเป็นรายงานพิเศษเผยแพร่ไปทั่วโลก
กระฉ่อนโลก!สื่อนอกกัด“นายพลโรเล็กซ์”
โดยเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ Daily Mail ของอังกฤษ ได้นำเสนอรายงานพิเศษเรื่อง “The Rolex general : Thailand's junta number two has been photographed with 25 different luxury watches worth $1.2 million since a 2014 coup, social media sleuths say" หรือแปลตามตัวอักษรว่า "นายพลโรเล็กซ์ : โลกออนไลน์แฉผู้นำหมายเลข 2 ของรัฐบาลทหารประเทศไทยกับภาพคู่นาฬิกา 25 เรือนมูลค่ารวม 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐ นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2557"
แฉยับนาฬิกาแบรนด์แนม25เรือน
โดยในรายงานชิ้นดังกล่าว ได้มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบพบการครอบครองนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร ที่นำออกมาใส่ตามวาระโอกาสต่างๆ ถึง 25 เรือน โดยแต่ละเรือนมีราคาแพงนับล้านบาท อาทิ Rolex , Richard Milles และ Patek Philippes ทำให้เกิดข้อสงสัยและกระแสเรียกร้องจากสังคมไทยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่า การครอบครองนาฬิกาหรูดังกล่าวมีที่มาที่ไปหรือความผิดปกติอย่างใดหรือไม่ โดยเฉพาะความเกี่ยวพันกับกรณีการทุจริตและความโปร่งใส ซึ่งสร้างความกดดันอย่างสูงให้กับรัฐบาล พร้อมกันนี้ในรายงานชิ้นดังกล่าว ยังได้ลงรายละเอียดนาฬิกาหรูทั้ง 25 เรือนที่มีการตรวจสอบพบอย่างละเอียด
ชี้ปัญหาลามหนักถึงอนาคต“บิ๊กตู่”
นอกจากนี้ รายงานชิ้นดังกล่าวยังระบุว่า ในมุมหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้พยายามเปลี่ยนตนเองจากนายพลที่มีมาดเข้มแข็งเมื่อครั้งนำกองทัพทำรัฐประหาร มาเป็นนักการเมืองเพื่อเตรียมพร้อมรับการเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีขึ้นในปลายปี 2561 แต่ประเด็นนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร กลายเป็น “เรื่องกวนใจ” ทั้งต่อรัฐบาล คสช. รวมถึงบรรดาผู้สนับสนุน ขณะที่กลุ่มการเมืองต่างๆในไทยซึ่งขัดแย้งกันมาตลอด ก็ต่างมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน
ซัดอ้างมาปราบทุจริตกลับทำตัวน่าสงสัยเสียเอง
ในรายงานยังระบุอีกว่า คสช. ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร เป็นบุคคลสำคัญอยู่ด้วย ได้ล้มรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยอ้างเหตุผลต้องการขจัดปัญหาคอร์รัปชัน แต่สุดท้ายกลับต้องมาประสบปัญหาข้อสงสัยเกี่ยวกับนาฬิกาหรูนี้เสียเอง รวมทั้งชี้ว่า ปฏิกริยาที่ประชาชนมีต่อเรื่องนี้ เป็นการสะท้อนว่าประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายการปกครองประเทศโดย คสช. และต้องการเห็นการเลือกตั้งเสียที
งามหน้า!"ดีอี"ช่วยเซ็นเซอร์สกัดเข้าเว็บ
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีการเผยแพร่บทความดังล่าว เพจชื่อดัง “ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน” ซึ่งนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบทุจริตในประเทศไทย ได้นำบทความชิ้นนี้มาเผยแพร่ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ของไทย ทำให้มีการแชร์และส่งต่อข้อมูลกันอย่างแพร่หลาย แต่ต่อมากลับปรากฏว่า มีการปิดกั้นหรือบล็อกไม่ให้ผู้ใช้ในประเทศไทย เข้าไปอ่านที่หน้าเว็บไซด์ดังกล่าว โดยปรากฏเป็นภาพโลโก้ของ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงการกระทำของดีอี เนื่องจากถูกมองว่า เป็นความพยายามเซ็นเซอร์เพื่อปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน
"ธีระชัย"ด่ายับยุคมืดแห่งข่าวสาร
โดย นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ถึงกลับออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กล่าวหาดีอีรับจ๊อบทำหน้าที่เซ็นเซอร์ข่าว ทั้งที่ข้อความในรายงานดังกล่าว ไม่ได้มีส่วนใดที่บิดเบือนหรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ถ้าจะเป็นภัย ก็แต่เฉพาะแก่ พล.อ.ประวิตร รัฐบาล และคสช. เท่านั้น จึงคิดว่า ดีอี ควรสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชี้แจงเหตุผลต่อสาธารณะ และถ้าเจ้าหน้าที่ปิดข่าวเพียงเนื่องจากมี คสช. ขอมา ก็ควรปรับปรุงระเบียบในการทำงาน และลงโทษผู้ที่ใช้อำนาจทางราชการไปปิดกั้นสิทธิพื้นฐานของประชาชน
ในยุคที่รัฐบาล คสช. โฆษณา Thailand 4.0 นั้น พฤติกรรมของกระทรวงดิจิทัลจะต้องไม่กลับไปเป็นยุคมืดแห่งข่าวสาร 0.0 เหมือนช่วงเวลาอัปยศของประวัติศาสตร์ชาติไทยในอดีต”
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเกิดกระแสวิพากษ์วิจารอย่างหนัก ทำให้ท้ายที่สุด ต้องมีการเปิดทางให้สามารถเข้าถึงหน้าเพจดังกล่าวได้ตามเดิมต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี