เลขาฯป.ป.ช.แถลงสอบนาฬิกาหรู "บิ๊กป้อม" สอบพยาน 3 ปากเสร็จแล้ว แต่อุบรายละเอียดไว้ก่อน เผย "บิ๊กกุ้ย" โชว์สปิริตถอนตัวไม่ร่วมพิจารณา คาดสรุป ก.พ.นี้
24 ม.ค.61 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. แถลงถึงความคืบหน้าการตรวจสอบนาฬิกาและแหวนเพชรของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า เนื่องจากข่าวเกี่ยวกับเรื่องนาฬิกาและแหวนเพชรดังกล่าวได้ปรากฏข่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เป็นนาฬิกาจำนวน 25 เรือน สำนักงาน ป.ป.ช. จึงจำเป็นต้องให้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติม ซึ่งเป็นการชี้แจงครั้งที่ 3 ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีการชี้แจงผ่านสื่อว่า นาฬิกาไม่ใช่ของท่าน ก็เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบเพื่อยืนยันข้อมูล
ทั้งนี้ จากการที่สื่อนำเสนอข้อมูลนาฬิกาทั้ง 25 เรือนนั้น บางเรือนมีรูปที่ไม่ชัดเจน บางเรือนเห็นเพียงแค่สาย จึงต้องตรวจสอบว่าข้อมูลเท็จจริงเป็นอย่างไร มี 25 เรือนจริงหรือไม่ หรืออาจเป็นภาพซ้ำ ซึ่งความจริงแล้วอาจมีแค่ 15 เรือน และต้องตรวจสอบว่า เป็นนาฬิกาของใคร ใครเป็นเจ้าของ ส่วนการสอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้นสัปดาห์ที่ผ่านมาสอบพยานไปทั้งหมดแล้ว ยังเหลือพยานอีก 1 ราย ซึ่งเป็นพยานสำคัญ ขณะนี้อยู่ระหว่างเดินทางไปต่างประเทศ โดยจะกลับมาสัปดาห์หน้าและมีการนัดหมายที่จะไปรับฟังการชี้แจงในสัปดาห์หน้า นอกจากนั้น ได้มีหนังสือไปยังบริษัทตัวแทนจำหน่ายนาฬิกาภายในประเทศที่ปรากฏเป็นข่าว จำนวน 13 แห่ง เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวด้วย โดยอยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบจากบริษัทเอกชนดังกล่าวซึ่งยังตอบมาไม่หมด อย่างไรก็ตาม คิดว่าต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบสักพัก เพราะต้องตรวจสอบนาฬิกาทั้ง 25 เรือน ซึ่งคาดว่า ถ้ารวบรวมข้อมูลครบถ้วนเรียบร้อยข้อเท็จจริงยุติตามแผน ก็สามารถสรุปได้ภายในเดือน ก.พ.นี้
นายวรวิทย์ กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 23 ม.ค.61 ที่ผ่านมา ตนได้นำเสนอความคืบหน้าในการรวบรวมข้อมูลกรณีดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุม โดย พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ได้แถลงต่อที่ ประชุมว่า เมื่อสำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการแล้วเสร็จ และเสนอสำนวนการตรวจสอบทรัพย์สินคดีนี้ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.แล้ว พล.ต.อ.วัชรพล ขอถอนตัวจากการพิจารณาสำนวนการตรวจสอบทรัพย์สินคดีดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการสอบถามพยานพูดเป็นเสียงเดียวกันหรือไม่ว่า พล.อ.ประวิตร ยืมนาฬิกาเพื่อนมา นายวรวิทย์ กล่าวว่า ขอให้เรื่องเหล่านี้อยู่ในสำนวน หลังจากการตรวจสอบแล้ว ป.ป.ช.จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ขอให้รออีกสักหน่อย
เมื่อถามว่า ถ้านาฬิกาเป็นของบุคคลอื่น พล.อ.ประวิตร ไม่จำเป็นต้องแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินใช่หรือไม่ นายวรวิทย์ กล่าวว่า หากนาฬิกาเป็นของบุคคลอื่น พล.อ.ประวิตรไม่ต้องแสดง เพราะจะต้องแสดงเฉพาะทรัพย์สินที่เป็นของตัวเอง และคู่สมรส พร้อมบุตร หากทรัพย์สินเป็นของ พล.อ.ประวิตร ต้องถามว่าได้มาเมื่อใด ก่อนหรือหลังเข้ารับตำแหน่ง ถ้าได้มาก่อนจะมีคำถามว่า เหตุใดจึงไม่แจ้งในบัญชีทรัพย์สิน แต่ถ้ามาได้หลังเข้ารับตำแหน่งจะถือว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องแจ้ง ยืนยันว่า การแสดงรายการทรัพย์สินนั้น ต้องเป็นของตนเอง คู่สมรส และบุตร ทรัพย์สินที่จะยื่นนั้นต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเอง ส่วนทรัพย์สินที่ได้ครอบครองเฉยๆ ไม่จำเป็นต้องยื่น
เมื่อถามว่า หากเป็นของบุคคลอื่น จะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 103 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 เกี่ยวกับการให้หรือรับสิ่งของหรือไม่ นายวรวิทย์ กล่าวว่า ให้หรือไม่ยังไม่ทราบ เพราะเจ้าตัวยังไม่ได้บอกเลยว่าเป็นการให้ที่ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของตน
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จะเป็นบรรทัดฐานให้นักการเมืองคนอื่นๆ ใช้เหตุผลเรื่องการยืมมาเป็นข้ออ้างในอนาคตหรือไม่ นายวรวิทย์ กล่าวว่า จะต้องรอดูว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และ ป.ป.ช.ไม่ใช่ว่าจะเชื่อตามที่มีการกล่าวอ้างมา
เมื่อถามว่า กรณีการให้หรือรับ ถ้ามีราคาเกิน 3,000 บาท ปกติ ป.ป.ช.จะต้องตรวจสอบใช่หรือไม่ นายวรวิทย์ กล่าวว่า ป.ป.ช.จะดูให้ครอบคลุมทั้งหมด ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับกฎหมายมาตราใด เจ้าหน้าที่จะดูครอบคลุมและรอบด้านอยู่แล้ว รอให้เจ้าหน้าที่ได้วินิจฉัยก่อนแล้วกัน ส่วน พล.อ.ประวิตรจะยืมนาฬิกาใครมานั้นยังไม่ขอเปิดเผย เพราะ พล.อ.ประวิตรไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณชน
เมื่อถามว่า ได้มีการสอบถามไปยังบริษัทตัวแทนจำหน่ายนาฬิกาหรือไม่ว่า เจ้าของมีการซื้อ – ขายจริงหรือไม่ อย่างไร นายวรวิทย์ กล่าวว่า ตอนนี้บริษัทนาฬิกายังตอบมาไม่หมด ส่วนพยานปากสำคัญที่ระบุว่าจะมีการไต่สวนในสัปดาห์หน้าขอไม่เปิดเผย อย่างไรก็ตาม การรวบรวมพยานหลักฐานและตรวจสอบ ถ้าเป็นไปตามที่เรากำหนดไว้ คาดว่าจะสรุปและเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช. ได้ในเดือน ก.พ.นี้ ซึ่งในการรวบรวมพยานหลักฐานนั้นจะเป็นไปตามข้อเท็จจริงที่คณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงได้พิจารณา
เมื่อถามถึงเหตุผลที่ พล.ต.อ.วัชรพลขอถอนตัวไม่ร่วมพิจารณาเรื่องนี้คืออะไร นายวรวิทย์ กล่าวว่า โดยปกติแล้ว กรณีที่กรรมการป.ป.ช. จะไม่สามารถเข้าร่วมพิจารณาได้คือ มีส่วนได้เสียกับเรื่องนั้น แม้ พล.ต.อ.วัชรพลจะไม่ได้เข้าข่ายตามที่กฎหมายกำหนด แต่เพื่อให้เกิดความโปร่งใสจึงขอถอนตัวไม่ร่วมพิจารณากรณีนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี