เปิดละเอียดยิบแผนปฏิบัติการ"ไทยนิยม"เคลื่อนทัพใหญ่18ครั้งทั่วไทย มท.เตรียมชง"บิ๊กตู่"ตะลุยลงพื้นที่กล่อมชาวบ้านก่อนเลือกตั้ง รวมระยะเวลา5เดือน จับตาเจาะรังใหญ่เรดโซนอีสาน-เหนือ ตีฐานเสียงเพื่อไทย เผยนายกฯตั้งเป้าปี61แห่งการเปลี่ยนแปลงประเทศในทุกด้าน
28 ม.ค.61 รายงานข่าวจากกระทรวงมหาดไทย (มท.) แจ้งว่า ขณะนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน ได้วางกรอบปฏิบัติให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอทั่วประเทศ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้รับทราบถึงแนวทางในการขับเคลื่อนแนวทางของประเทศตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน
โดยจะเริ่มขับเคลื่อนตั้งแต่ในวันที่ 7 - 13ก.พ.นี้ ต่อด้วยวันที่ 14 - 23 ก.พ.ทางคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ในระดับจังหวัด อำเภอ และตำบล จะประชุมร่วมเพื่อถ่ายทอดการปฏิบัติงานร่วมกัน จากนั้นในช่วงวันที่ 1 มี.ค. - 20 พ.ค.61 จะเป็นการลงพื้นที่ปฏิบัติงานใน 81,064 หมู่บ้าน ชุมชน แบ่งเป็น 4 ระยะ ได้แก่ 1.วันที่ 1 - 20 มี.ค.61 วิเคราะห์ปัญหาความเดือดร้อน เยี่ยมเยียนรายครัวเรือน หรือบุคคล ค้นหาความต้องการของประชาชนในพื้นที่ เพื่อจัดทำโครงการเสนอ
2.วันที่ 21 มี.ค. - 10 เม.ย.61 สร้างการรับรู้และปฏิบัติตามสัญญาประชาคม
3.วันที่ 11 เม.ย. - 30 เม.ย.61 สร้างการรับรู้ ปรับความคิด เพื่อการมีส่วนร่วมในการพัฒนารอบที่ 1
และ 4. วันที่ 1 พ.ค. - 20 พ.ค.61 สร้างการรับรู้ ปรับความคิด เพื่อการมีส่วนร่วมในการพัฒนารอบที่ 2
อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินการทั้ง 4 ระยะนี้ จะเริ่มจากคณะกรรมการอำนวยการฯที่เป็นระดับนโยบาย ถ่ายทอดลงมาสู่คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ในระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ชุมชน รวมทั้งหมด 7,463 ทีม บูรณาการกันทุกกระทรวง ทบวง กรม ภาคเอกชน ภาคประชาชนรวมถึงหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ รมว.มหาดไทย ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนฯ ยังได้วางกรอบระยะเวลาเตรียมเสนอให้นายกฯตัดสินใจเพื่อเดินทางลงพื้นที่ไปขับเคลื่อนตามโครงการไทยนิยมยั่งยืนทุกสัปดาห์ทั่วประเทศ ให้ครบทั้ง 18 กลุ่มจังหวัด โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ.61 - 21 มิ.ย.61 มีรายละเอียดดังนี้
เดือน ก.พ.วันที่ 8 ก.พ.61 ลงพื้นที่ จ.เลย หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี และ จ.บึงกาฬ วันที่ 15 ก.พ.61 ลงพื้นที่ จ.สกลนคร นครพนม มุกดาหาร วันที่ 22 ก.พ.61 ลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด
เดือน มี.ค.วันที่ 8 มี.ค.61 ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีษะเกษ ยโสธร วันที่ 15 มี.ค.61 ลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน วันที่ 22 มี.ค.61 ลงพื้นที่ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ วันที่ 29 มี.ค.61 ลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์
เดือน เม.ย.วันที่ 5 เม.ย.61 ลงพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ชัยนาท ลพบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี วันที่ 11 เม.ย.61 ลงพื้นที่ จ.นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ วันที่ 19 เม.ย.61 ลงพื้นที่ จ.ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี วันที่ 26 เม.ย.61 ลงพื้นที่ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร
เดือน พ.ค.วันที่ 3 พ.ค.61 ลงพื้นที่ จ.ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง วันที่ 10 พ.ค.61 ลงพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด นครนายก สระแก้ว วันที่ 17 พ.ค.61 ลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ 24 พ.ค.61 ลงพื้นที่ จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชร พิจิตร
เดือน มิ.ย.วันที่ 7 มิ.ย.61 ลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช สงขลา สุราษฎร์ธานี ชุมพร พัทลุง 14 มิ.ย.61 ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต กระบี่ ตรัง พังงา ระนอง สตูล และวันที่ 21 มิ.ย.61 ลงพื้นที่ จ.ยะลา นราธิวาส ปัตตานี รวม 18 ครั้ง 76 จังหวัด รวมระยะ 5 เดือนเต็ม ในการดำเนินการ
เป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วงเดือน ก.พ. - มี.ค.61 ได้มีการเสนอให้นายกฯ ลงพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสาน กับภาคเหนือทั้งหมด อันเป็นที่เข้าใจกันว่า ทั้ง 2 ภาคดังกล่าว ถือเป็นฐานเสียงของพรรคการเมืองใหญ่อย่างพรรคเพื่อไทย และกลุ่มทางการเมือง คือ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือคนเสื้อแดง ที่ครองฐานเสียง อำนาจทางการเมืองในแถบดังกล่าว มาอย่างยาวนานในช่วง 10 กว่าปีให้หลังมานี้ ตามมาด้วยภาคกลาง ในเดือน เม.ย. , พ.ค.และภาคใต้ที่ส่วนใหญ่เป็นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ในเดือน มิ.ย.เดือนสุดท้ายของการลงพื้นที่
ด้าน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน ว่า รัฐบาลมีความตั้งใจว่า ปี 2561 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงประเทศในทุกด้าน ทั้งการทำงานของหน่วยราชการ เศรษฐกิจการค้าการลงทุน และการช่วยเหลือประชาชนในระดับฐานราก
ทั้งนี้ การพัฒนาความเจริญในทุกจังหวัดทั่วประเทศจะต้องอาศัยความร่วมมือของทุกส่วนตั้งแต่ระดับประเทศ จังหวัด อำเภอ จนถึงตำบล เพื่อลงไปขับเคลื่อนกับประชาชน โดยแต่ละจังหวัดต้องไปพิจารณาว่าศักยภาพที่เป็นจุดแข็งและปัญหาอุปสรรคของตนเองคืออะไร และจะต้อง นำสิ่งใดไปต่อยอดหรือปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า นอกจากนี้ นายกฯ ยังกล่าวด้วยว่า ปัญหาและอุปสรรคที่กรรมการทุกระดับจะลงไปแก้ไขนั้นครอบคลุมทุกมิติ เช่น ปัญหาปากท้อง การเกษตร ระบบชลประทาน ถนน ไฟฟ้า ประปา ฯลฯ โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เมื่อแต่ละจังหวัดรู้ว่าตนเองมีศักยภาพหรือปัญหาเรื่องใดแล้ว รัฐบาลจะส่งทีมงานลงไปเพื่อทำงานร่วมกับกรรมการระดับต่างๆ เพื่อร่วมกันวางแผนพัฒนาแก้ไขปัญหา
"การขับเคลื่อนของแต่ละจังหวัดจะสอดคล้องกับการลงพื้นที่ของนายกฯ เพื่อให้เห็นปัญหาที่แท้จริงและเก็บรวบรวมข้อมูลไปพัฒนาอย่างตรงจุดเช่นที่ผ่านมา คือ จ.กาฬสินธุ์ และ จ.แม่ฮ่องสอน โดยจะเน้นการทำงานแบบประชารัฐที่ภาครัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย และประชาชน เข้ามาร่วมกัน ซึ่งคณะทำงานในพื้นที่มีถึง 7,463 ทีม ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาที่ตอบโจทย์ของพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี