สั่งตร.ชดใช้พันธมิตรฯ
ศาลปค.สูงสุดชี้ขาด
จ่ายเหยื่อแก๊สน้ำตา
รายละ7พันถึง4ล้าน
ศาลปกครองสูงสุดสั่ง สตช.ชดใช้ค่าเสียหาย 254 ผู้ชุมนุม พธม. รายละ 7 พัน ถึง 4 ล้านบาท จากเหตุสลายการชุมนุมหน้ารัฐสภา 7 ตุลาคม 51 ระบุปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ใช้แก๊สน้ำตาไม่มีคุณภาพ ยิงแนวตรงขนานพื้นไม่ถูกต้องตามหลักสากล ทนายชี้ ต้องจ่ายภายใน 60 วัน
วันที่ 31 มกราคม ศาลปกครองกลางได้อ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขดำที่ อ.280/2556 หมายเลขแดงที่ อ.1442/2560 ในคดีที่ นายชิงชัย อุดมเจริญกิจ กับพวก ผู้ฟ้องคดี และนายกร เอี่ยมอิทธิพล กับพวกผู้ร้องสอด รวมทั้งสิ้น 254 คน ฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และสำนักนายกรัฐมนตรี(สนย.) เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 กรณีสลายการชุมนุมบริเวณหน้ารัฐสภาเมื่อปี 2551
โดยคดีนี้ผู้ฟ้องคดี และผู้ร้องสอด ฟ้องว่า การสลายการชุมนุมที่หน้ารัฐสภาเมื่อปี 2551 ทำให้ผู้ชุมนุมได้รับความเสียหายแก่ชีวิตร่างกายและทรัพย์สิน ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำวินิจฉัยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปฏิบัติตามหลักมาตรฐานสากลในการสลายการชุมนุมจากเบาไปหาหนัก โดยใช้โล่กำบังผลักดัน ฉีดน้ำจากรถดับเพลิงแล้วจึงค่อยใช้แก๊สน้ำตา รวมทั้งต้องประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมทราบก่อน และการใช้แก๊สน้ำตาได้ยิงและขว้างไปยังผู้ชุมนุมโดยตรง รวมถึงยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และรถพยาบาล และการสลายการชุมนุมได้ใช้แก๊สน้ำตาที่ขัดต่ออายุการใช้งาน
นอกจากนี้ ข้อเท็จจริงยังรับฟังได้ว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้ร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) และมีมติสั่งการให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ผลักดันประชาชนที่ปิดล้อมรัฐสภาออกไปเพื่อให้แถลงนโยบายในวันดังกล่าวให้ได้ ซึ่งในขณะแถลงนโยบายเมื่อทราบว่ามีการสลายการชุมนุมทำให้ประชาชนบาดเจ็บนับร้อยคน แต่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ใส่ใจ หลังการประชุมสภาแล้วเสร็จเจ้าหน้าที่ในสังกัดผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ยังคงใช้กำลังและอาวุธสลายชุมนุม
โดย นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และ ผบ.ตร. ในขณะนั้นก็มิได้สนใจสั่งห้ามการกระทำละเมิดต่อกฎหมาย ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาต (ป.ป.ช.) เห็นว่า เป็นการกระทำความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และคณะกรรมการสิทธิมนุษย์ชนแห่งชาติมีความเห็นว่า เป็นการกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ได้รับอันตรายสาหัส ฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีและผู้ร้องสอด ศาลปกครองกลางจึงมีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 2 รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ฟ้องคดีและผู้ร้องสอดจำนวน 8,900-5,190,964.80 บาท พร้อมดอกเบี้ย
ขณะที่ ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 2 มีอำนาจหน้าที่ยับยั้งการชุมนุมที่เป็นไปโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายโดยปิดล้อมบริเวณรัฐสภาเพื่อไม่ให้รัฐบาลแถลงนโยบายได้ แต่ไม่ว่าการชุมนุมจะเป็นไปโดยสงบที่จะได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ หรือไม่ผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ก็ต้องปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมตามขั้นตอนและวิธีการที่เหมาะสม แต่การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีข้อบกพร่องในขั้นตอนการเตรียมการหารถดับเพลิงมาใช้ในการสลายการชุมนุมและวิธีการยิงแก๊สน้ำตา ประกอบกับแก๊สน้ำตาที่นำมาใช้ได้ซื้อมาเป็นเวลานานจึงมีประสิทธิภาพต่ำ ทำให้ต้องใช้แกสน้ำตาจำนวนมากเกินกว่าที่จะใช้โดยปกติทั่วไป ทำให้เกิดการปั่นป่วนชุลมุนและผู้ชุมนุมได้รับอันตรายเกิดความเสียหายแก่ชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของผู้ชุมนุม จึงเป็นการกระทำละเมิดที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ต้องรับผิดในความเสียหายดังกล่าว
ส่วนผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 นั้น มติ ครม. ที่ให้มีการประชุมแถลงนโยบายที่รัฐสภาเป็นไปตามปกติ ซึ่งหากมีเหตุการณ์ไม่สงบเรียบร้อย ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 สมควรติดตามสถานการณ์และเตรียมการเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหา นายกรัฐมนตรีและ ครม.จึงไม่ได้กำหนดขั้นตอนและวิธีการในการสลายการชุมนุม จึงไม่ได้กระทำละเมิดที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ต้องรับผิดต่อผู้ได้รับความเสียหาย สำหรับความรับผิดของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 นั้น การกระทำละเมิดสืบเนื่องมาจากการชุมนุมบางส่วนที่มีลักษณะทำให้ผู้อื่นเกรงกลัวซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่จะต้องระงับยับยั้งการกระทำดังกล่าว จึงให้ลดค่าเสียหายลงจากที่ศาลปกครองกลางกำหนด
ศาลปกครองสูงสุด จึงมีคำพิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง เป็นให้ สตช. ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ฟ้องคดีและผู้ร้องสอด รวมทั้งสิ้น 254 ราย และยกฟ้อง สนย. ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 โดยในส่วนค่าเสียหายนั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่าค่าเสียหายที่ศาลปกครองชั้นต้นกำหนดสูงเกินส่วน สมควรลดลงร้อยละ 20 จึงมีคำพิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ฟ้องคดีและผู้ร้องสอดแต่ละรายจำนวนตั้งแต่ 7,120-4,152,771.84 บาท พร้อมดอกเบี้ย นอกเหนือจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น
นายชิงชัย กล่าวว่า แม้ว่าค่าสินไหมที่ได้รับเทียบไม่ได้กับสิ่งที่สูญเสียไป ทุกวันนี้ยังต้องไปพบแพทย์เป็นระยะ แต่ไม่ได้รู้สึกกลัว หากมีการบริหารบ้านเมืองที่ไม่ถูกต้องก็จะไปร่วมเคลื่อนไหวอีก
นายตี๋ แซ่เตียว หนึ่งในผู้ฟ้องคดี กล่าวว่า พอใจมากที่ศาลให้ความยุติธรรม ที่ผ่านมาตนลำบากมาก จากอาการเจ็บป่วย แต่ก็พร้อมจะออกมาต่อสู้อีก หากมีการบริหารบ้านเมืองโดยไม่ถูกต้อง
นายบุญธานี กิตติสินโยธิน ทนายความ ระบุว่า ทาง สตช. ต้องชดใช้ให้กับผู้เสียหายภายใน 60 วัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี