ศาลยกฟ้อง 4 จำเลยคดียิงระเบิด M 79 ใส่เวที กปปส.แจ้งวัฒนะ เมื่อปี 2557 เหตุพยานหลักฐานไม่เพียงพอ แต่ทั้งหมดยังมีโทษจำคุกตลอดชีวิตคดีระเบิดเวที กปปส.หน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ ตามคำพิพากษาศาลฎีกา
วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3988/2559 ที่พนักงานอัยการึคดีพิเศษฝ่ายอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายชัชวาล ปราบบำรุง อายุ 48 ปี, นายทวีชัย วิชาคำ อายุ 41 ปี, นายสุนทร ผิผ่วนนอก อายุ 52 ปี และนายสมศรี มาฤทธิ์ อายุ 43 ปี เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และพยายามก่อให้เกิดระเบิด
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อค่ำวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2557 จำเลยทั้งสี่กับพวกที่ยังหลบหนีได้ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน โดยใช้อาวุธปืนขนาด 40 มม. หรือระเบิดเอ็ม 79 ลูกระเบิดยิงชนิดสังหาร (เอชอี) ขนาด 40 มม อีกจำนวนหลายลูก และอาวุธปืนพกสั้น 9 มม. ยิงเใส่กลุ่มผู้ชุมนุม คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือ กปปส. ซึ่งกำลังชุมนุมอยู่ที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ จนเกิดระเบิด ทำให้ นายสุวรรณ์ แก้วพุฒ ได้รับบาดเจ็บที่ขา-สะโพก-ซี่โครงด้านขวาและต้นคอ และถูกที่ขาซ้ายกับไหล่ขวาของ นายณัฎฐวิช พูนวศินมงคล หรืออาคม แซ่เตียว ซึ่งเป็นผู้เข้าร่วมชุมนุมกับ กปปส.
จากนั้นเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ยังได้ร่วมกันก่อเหตุใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนยิงใส่ประชาชนทั่วไปที่อยู่หรือผ่านบริเวณห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาแจ้งวัฒนะ จากนั้นวันที่ 10 เมษายน 2557 จำเลยที่ 1-2 กับพวกหลายคนที่หลบหนีก็ยังร่วมกันใช้อาวุธปืนนั้นยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ที่ชุมนุมบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ ใกล้กับศูนย์ราชการอีก 2 ลูก ทำให้ นายยุทธนนท์ สงทอง ผู้ร่วมชุมนุมได้รับบาดเจ็บจากการถูกสะเก็ดระเบิดที่ต้นขาและหน้าท้อง
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 นายแล้วเห็นว่า พยานได้เล่าเหตุการณ์เป็นลำดับเชื่อมโยงกัน แต่พยานทั้งหมดนั้นเป็นเพียงพยานบอกเล่าภายหลังเกิดเหตุการณ์ทั้ง 3 ครั้งเท่านั้น ไม่ได้รู้เห็นเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นโดยตรง ส่วนพยานปากผู้เสียหายทั้งสามที่มาเบิกความ แม้จะเป็นประจักษ์พยานอยู่ในที่เกิดเหตุแต่ก็เบิกความเหมือนกันว่า ไม่เห็นคนร้ายและไม่ทราบว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใด
นอกจากนี้ คำเบิกความของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ประกอบบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุ รวมทั้งแผนที่และภาพถ่าย แสดงสถานที่เกิดเหตุเกี่ยวกับจุดที่สันนิษฐานว่าคนร้ายใช้ยิงลูกระเบิดชนิด M79 ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2557 ว่า เป็นบริเวณในซอยแจ้งวัฒนะ 12 ที่ห่างจากห้องน้ำชั่วคราวของกลุ่ม กปปส. ประมาณ 400 เมตร ก็ปรากฏข้อเท็จจริงว่าบริเวณดังกล่าวเป็นที่โล่งแจ้ง ประชาชนทั่วไปสามารถสัญจรผ่านได้ และยังมีจุดตรวจย่อยของทหารซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 250 เมตร ขณะที่จุดสันนิษฐานคนร้ายใช้ยิงลูกระเบิดชนิด M79 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2557 ว่า เป็นถนนเลียบคลองประปานั้น ก็ได้ความจากการซักค้านของทนายจำเลยว่า มีจุดตรวจร่วมทหารตำรวจ อยู่ห่าง 200-300 เมตร ส่วนจุดเกิดเหตุวันที่ 10 เมษายน 2557 ว่าเป็นบริเวณจุดกลับรถ หน้าบริษัทไปรษณีย์ไทยฯใกล้แยกหลักสี่นั้นได้ความจากคำเบิกความตอบคำถามค้านของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า การระบุจุดที่สันนิษฐานว่าคนร้ายใช้ก่อเหตุเป็นการเขียนขึ้นภายหลัง นอกจากนี้ยังได้ความว่าช่วงที่มีการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. มีการตั้งล้อยางรถยนต์กั้นบริเวณแยกหลักสี่ มุ่งหน้าถนนแจ้งวัฒนะ ไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไป หากบุคคลใดรวมถึงเจ้าพนักงานจะเข้าไปบริเวณดังกล่าว จะต้องได้อนุญาตจากการ์ดผู้ชุมนุม กปปส.
พยานทั้งหมดของโจทก์จึงเป็นเพียงคาดเดา และเป็นข้อสันนิษฐานของพนักงานสอบสวนกับผู้เกี่ยวข้องโดยไม่มีพยานหลักฐานใดบ่งเฉพาะยืนยันว่าเป็นการยิงจากจุดดังกล่าว ซึ่งหากยิงลูกระเบิดชนิด M79 จากจุดสันนิษฐานที่มีทหารที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธอยู่เป็นประจำ ถ้ามีเสียงดังจากลูกระเบิดก็ย่อมสามารถติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทันท่วงที อีกทั้งยังผิดวิสัยของคนร้ายด้วยว่าส่วนใหญ่จะปกปิดไม่ให้บุคคลอื่นล่วงรู้ ประกอบกับคดีนี้ก็ไม่ปรากฏว่าพบเครื่องยิงระเบิดชนิด M79 ที่ใช้ก่อเหตุทั้ง 3 ครั้ง เพื่อจะนำมาตรวจสอบหาลายนิ้วมือแฝง คงมีเพียงผลตรวจพิสูจน์เศษสะเก็ดระเบิดที่เกิดขึ้นทั้ง 3 ครั้งเท่านั้น และยังไม่ปรากฏว่าพบอาวุธที่ใช้ในกระทำความผิดในบ้านของจำเลยตามที่ตำรวจเคยเบิกความ
เมื่อโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานที่รู้เห็นตัวผู้กระทำความผิดมาเบิกความยืนยันว่า จำเลยทั้ง 4 เป็นคนร้าย อีกทั้งจำเลยก็ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาไม่พอฟังว่าจำเลยทั้งสี่เป็นคนร้ายที่ร่วมกันใช้เครื่องระเบิดชนิด M79 ในคดีนี้ จึงพิพากษายกฟ้อง แต่ให้ริบเศษสะเก็ดวัตถุระเบิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายชัชวาล ปราบบำรุง จำเลยที่ 1, นายทวีชัย วิชาคำ, นายสุนทร ผิผ่วนนอก และนายสมศรี มาฤทธิ์ จำเลยที่ 1-4 ถูกศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิตและลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2560 จากเหตุการณ์ระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ที่เวทีบิ๊กซี ราชดำริ ปี 2557 อีกด้วย ซึ่งขณะนี้จำเลยทั้งสี่คนถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
หมายเหตุ ภาพการชุมนุมประกอบข่าว ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาที่เกิดขึ้นตามข่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี