ความคืบหน้ากรณีการติดตามยึดอายัดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อชดเชยความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว โดยเบื้องต้นมีการยึดอายัดได้กว่า 30 รายการ รวมถึงบ้านพักในซอยนวมินทร์ 111 ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 110 ล้านบาท รวมอยู่ด้วยนั้น
โดยเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นายนพดล หลาวทอง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ออกมายอมรับว่า บ้านพักซอยนวมินทร์ 111 ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูก กรมบังคับคดียึดไปแล้ว ตามที่ กรมบังคับคดี ทำหนังสือตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2560 เพื่อแจ้งให้เจ้าของบ้านหรือผู้ครอบครองรับทราบว่า บ้านหลังนี้อยู่ในความดูแลของกรมบังคับคดี ซึ่งคนในบ้านก็ยังอยู่ได้จนกว่าจะมีการขายทอดตลาด
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทรัพย์สินยังไม่ได้เปลี่ยนมือ ยังถือเป็นกรรมสิทธิ์ของเราอยู่ ทีมทนายจึงได้ยื่นคำร้องในวันที่ 8 กันยายน 2560 เพื่อขอความคุ้มครองจากศาล ก่อนที่ศาลปกครองจะมีคำสั่งยกคำร้องโดยยังไม่เห็นชอบที่จะให้ความคุ้มครองในเรื่องนี้
ดิ้นแหลกฟ้องถอนคำสั่ง-ห้ามขายทรัพย์
“หลังจากนี้ทีมทนายก็จะยื่นคำร้องขอทุเลาต่อศาลปกครองใหม่อีกครั้ง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการทำคำร้อง แต่ยังกำหนดวันชัดเจนที่จะไปยื่นศาลไม่ได้ แต่จะยื่นแน่นอน เพราะกฎหมายเปิดช่อง และจะมีการยื่นร้องเรื่อยๆจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม เพราะกระบวนการก็ยังอยู่ในขั้นของการพิจารณาเพิกถอนคำสั่งที่ให้ชดเชยเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งทางศาลไม่ได้พิจารณาในเรื่องนี้ รวมถึงจะมีการร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ถูกอายัดและยึด และห้ามขายทรัพย์ด้วย”
แฉโดนอ่วมทั้งบ้าน-ที่ดิน-คอนโด-เงินฝาก
เมื่อถามว่า ขณะนี้ทรัพย์สินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ถูกยึดอายัดไปแล้วมีอะไรบ้าง นายนพดล กล่าวว่า มีหลายรายการ เท่าที่จำได้ คือ บัญชีเงินฝาก คอนโด และที่ดิน รวมประมาณ 30 รายการ ซึ่งบัญชีเงินฝากก็นำไปแล้วกว่า 10 รายการ อย่างไรก็ตามทรัพย์สินที่ถูกยึดอายัด ยังไม่มีการขายทอดตลาดหรือนำเข้าคลังแต่อย่างใด
“วิษณุ”ชี้ถ้าบ้านเป็นสินสมรสยึดได้เฉพาะส่วน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การยึดอายัดทรัพย์ที่เกิดขึ้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ สามารถมอบหมายให้ทนายความร้องขอทุเลาคำสั่งได้ ส่วนการยึดบ้าน จะต้องดูว่าเอกสารสิทธิ โฉนด หรือ น.ส.3 หรือ ส.ค.1 เป็นชื่อใคร และถ้าเป็นสินสมรส ก็จะสามารถยึดได้เฉพาะส่วนหนึ่งเท่านั้น
ไฟเขียวทรัพย์สินชิ้นไหนขายได้ก็ทำเลย
เมื่อถามว่าตามคำสั่งมาตรา 44 ยึดทรัพย์แล้วสามารถขายทอดตลาดได้เลยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า หากพิจารณาแล้วเห็นว่า ทำได้ ก็ทำเลย แต่หากพบว่า ยังเป็นสินสมรส ก็ไม่ควรทำ หรือพิจารณาแล้วเห็นว่ายังไม่ควรขายทอดตลาด เพราะอาจจะมีเรื่องเกี่ยวกับคดีตามมาก็อย่าเพิ่งทำ ซึ่งกรมบังคับคดีพิจารณาแล้วเห็นว่ายังไม่ควรขาย เพราะอาจจะมีการร้องขอให้ทุเลาคำสั่งยึดทรัพย์อีก ยืนยันว่าทุกฝ่ายทำอย่างพอสมควร ไม่ใช่จะเอาเป็นเอาตาย เพราะขณะนี้ก็มีคนอยู่อาศัย แต่อย่างน้อยที่ยึดคือไม่สามารถที่จะนำไปขายได้ แต่เมื่อใดที่เห็นว่าทำแล้วจะไม่มีปัญหากรมบังคับคดีก็จะพิจารณาขายทอดตลาด
ชี้ถ้าครอบครัวจะอยู่บ้านต่อต้องจ่ายค่าเช่า
เมื่อถามต่อว่า เมื่อกรมบังคับคดียึดบ้านแล้วคนในครอบครัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังสามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เข้าไปอยู่อาศัยได้ แต่ต้องขออนุญาตหรือเสียค่าเช่า เพราะมีหลายกรณีที่หลังจากรัฐยึดบ้านแล้วก็อนุญาตให้เข้าไปอยู่อาศัยได้ แต่เป็นการอยู่ในฐานะที่ได้รับการอนุญาตไม่ใช่เจ้าของ ดังนั้นเมื่ออยู่แล้วจะไปตกแต่ง ทาสี ดัดแปลง รื้อถอนไม่ได้
“คลัง”แง้มมีอีกเตรียมเช็คบิลเพิ่ม
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้มีการตั้งคณะทำงานสืบทรัพย์ และได้ส่งหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), กรมที่ดิน และสถาบันการเงินทุกแห่ง ให้จัดส่งรายละเอียดเกี่ยวกับทรัพย์สินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับมาให้กระทรวงการคลัง เพื่อส่งข้อมูลต่อให้กรมบังคับคดี โดยมีหลายหน่วยงานทยอยส่งข้อมูลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
“หลังจากหน่วยงานต่างๆ ส่งรายละเอียดเข้ามา กระทรวงการคลังก็ดำเนินการส่งต่อให้กรมบังคับคดีดำเนินการยึดทรัพย์ทั้งหมด แต่ในรายละเอียดคงไม่สามารถเปิดเผยได้” นายสมชัย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี