4 ก.พ.61 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 พร้อมด้วยตัวแทนญาติ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลสร้างความปรองดองก่อนความขัดแย้งจะบานปลาย พร้อมทั้งหาข้อยุติคนหายในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535
คำแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่ครอบครัวญาติวีรชนพฤษภา 35 มีมติเร่งรัดให้รัฐบาลโดยกองทัพบก คืนวีรชนผู้สูญหายและหาข้อยุติสำหรับเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 และจากสถานการณ์ความขัดแย้ง ขอให้รัฐบาลเร่งสร้างสามัคคีในหมู่ประชาชน คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา35 ขอเรียกร้องให้รัฐบาลคืนวีรชนผู้สูญหายในเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 และหาข้อยุติให้แก่เหตุการณ์ เพื่อสร้างบรรทัดฐานทางสังคมและเป็นบทเรียนอนุสติแก่สังคมในการสร้างการปรองดองที่ยั่งยืนต่อไป ตามที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เคยกล่าวไว้เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่า หากเมื่อตนเองเป็นรัฐบาลผู้มีอำนาจโดยตรงแล้วจะดำเนินการเรื่องนี้ให้ คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 จึงขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ เพื่อให้มีการกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนไม่ปล่อยยืดเยื้อต่อไป
การที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยึดอำนาจมาจากนักการเมืองโดยประกาศการปฏิรูปประเทศ และเร่งรัดขจัดนักการเมืองและข้าราชการที่มีพฤติกรรมทุจริตและคอรัปชัน เพื่อสร้างกระบวนการยุติธรรมให้เป็นมาตรฐานเดียวและขอเวลาในการทำงานเพียงไม่นานจะคืนความสุขให้นั้น ตลอดเวลากว่า 3 ปี ที่ประชาชนให้เวลา คสช.ในการทำงานเพื่อได้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว แต่ คสช.กลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความไว้เนื้อเชื่อใจของสาธารณชน ไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาคอรัปชัน โดยเฉพาะมีความพยายามที่จะยืดระยะเวลาของการอยู่ในอำนาจออกไป จึงถือว่าเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ประชาชนเริ่มหมดศรัทธาที่เคยมีต่อ คสช.เสียแล้ว
ทั้งนี้ กว่า 3 ปีที่ คสช.ใช้อำนาจในการบริหารประเทศนั้นถือว่าเพียงพอและมากเกินไปแล้ว ถึงเวลาแล้วที่ภาคประชาชนจะส่งสัญญาณให้ คสช.ได้ทบทวนตัวเองและรีบลงจากอำนาจไปโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ได้เฝ้าติดตามความขัดแย้งและความรุนแรงทางการเมืองมาโดยตลอด หากผู้มีอำนาจไม่รักษาสัจจะวาจาที่มีต่อประชาชน ขอได้โปรดอย่าเสียสัตย์เพื่ออำนาจอีกเลย และไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหตุการณ์พฤษภา 2535 จึงมีข้อเรียกร้องดังนี้
1.นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ต้องประกาศเป็นสัญญาประชาคมให้ชัดเจนเป็นครั้งสุดท้ายว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งได้เมื่อไหร่ และต้องไม่เลื่อนโรดแมปอีก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนในประเทศและนานาชาติ
2.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต้องพิจารณาตนเองด้วยการลาออกจากตำแหน่งกรณีไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินนาฬิกาหรู เพื่อสร้างบรรทัดฐานทางจริยธรรม มีความสง่างามทางการเมือง เสียสละเพื่อประเทศชาติและลดการเผชิญหน้าทางสังคม
3.รัฐบาลสามารถใช้อำนาจทางบริหารตาม มาตรา 21 พ.ร.บ.องค์กรอัยการ พ.ศ.2553 ชลอหรือระงับการดำเนินคดีนักโทษทางการเมืองและนักโทษทางความคิดทั้งหมด เพื่อขจัดความขัดแย้ง สร้างการปรองดองสมานฉันท์ในหมู่ประชาชน
4.ไม่ใช้อำนาจพิเศษในบทเฉพาะกาลตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเปิดโอกาสให้ประชาชนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เพื่อให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมทางการเมือง
คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คสช.จะตระหนักถึงสถานการณ์ที่อ่อนไหว ไม่ใช้อำนาจแบบพร่ำเพรื่อนำไปสู่การเผชิญหน้าทางสังคมโดยนำตัวเองไปเป็นคู่ขัดแย้งสร้างเงื่อนไขความรุนแรงเสียเอง ซึ่งหากเกิดวิกฤติครั้งนี้จะรุนแรงกว่าเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ กลายเป็นเคออสทางการเมือง จึงขอให้เร่งพิจารณาตามข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อดังกล่าว เพื่อขจัดความขัดแย้ง คืนความสุขให้ประเทศชาติโดยเร็ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี