คสช.แจ้งจับรวด‘50คน’
สยบม็อบต้าน
หัวโจกหน้าเดิม-เสื้อแดง
ชุมนุมราชดำเนิน10กุมภา
‘ศรีวราห์’ยังค้นหาที่ซุก‘ปู’
ตั้งกมธ.ร่วมถกพรป.สส.-สว.
“คสช.” แจ้งความจับ 7 แกนนำม็อบคนหน้าเดิมฐานปลุกระดม ม.116 และร่วมชุมนุมเกิน5 คน กรณีชุมนุมราชดำเนิน 10 กุมภาพันธ์ พร้อมเอาผิดผู้ร่วมชุมนุมอีก 43 คน ค้นประวัติส่วนใหญ่พบเอี่ยวนปช. ขณะที่ตร.นำตัวสมุน“โกตี๋”ไปค้นหาซุกบึ้มอีก 2 ลูก ที่เมืองทอง แต่ไม่เจอ ด้าน“ศรีวราห์” ตามเช็คพิกัดที่อยู่“ปู”เผยประสานอินเตอร์โพลเป็นระยะ‘วิษณุ’ยันลุยยึดทรัพย์ได้เลย ขณะที่’สนช.’ตั้งกมธ.ร่วม3ฝ่าย ถก’พรป.สส-สว,’ใน15วัน
เมื่อวันที่ 15กุมภาพันธ์ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำโดย พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารปฏิบัติการประจำกองบัญชาการกองทัพบก ปฏิบัติหน้าที่คณะทำงานด้านกฎหมายส่วนงานการรักษาความสงบแห่งชาติ เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เมื่อวันที่ 13กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ 1.นายรังสิมันต์ โรม 2.นายสิรวิชญ์เสรีธิวัฒน์ 3.นายกาณฑ์พงษ์ประพันธ์ 4.นายอานนท์ นำภา 5.น.ส.ณัฏฐามหัทธนาและ6.นายสกฤษณ์ เพียรสุวรรณ หรือบุคคลอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดข้อหาร่วมกันมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ตั้งแต่ 5คนขึ้นไปและร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธี อื่นใด อันมิใช้เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดจะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริเวณข้างร้านสเต็กติดมันและถนนราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม.
คสช.แจ้งดำเนินคดี7แกนนำปลุกไล่รบ.
สำหรับพฤติการณ์ของคดีพบว่า ก่อนเกิดเหตุในคดีนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 6คนกับพวก ซึ่งเป็นแกนนำในการเคลื่อนไหวชุมนุมทางการเมือง ได้นัดชุมนุมทางการเมืองกับผู้ชุมนุมกันบริเวณถนนราชดำเนิน ในวันที่ 10กุมภาพันธ์61 เวลา 6.00น.ซึ่งนัดแนะกันในวันที่ชุมนุมบริเวณสกายวอล์ค และทางเฟซบุ๊กของกลุ่มแกนนำ ต่อมาตามวันเวลาดังกล่าวผู้ต้องหาทั้ง 6คน ได้ขึ้นปราศรัยกล่าวโจมตีการทำงานของรัฐบาล และคสช. ด้วยถ้อยคำรุนแรงและพยายามยุยงปลุกปั่นให้เกิดการชุมนุมขับไล่รัฐบาลและคสช.ทำให้ได้รับความเสียหาย จึงให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายเข้าร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 6คน หรือผู้อื่นที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดจนกว่าคดีจะถึงที่สุดต่อไป
ผู้ร่วมชุมนุมอีก43คนโดนด้วย
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พ.อ.บุรินทร์ ยังเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เพื่อแจ้งดำเนินคดีแกนนำเพิ่มอีก 1 คน คือ น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หลังตรวจสอบพบว่า เป็นแกนนำขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ได้ร่วมกระทำผิดกับผู้ต้องหาทั้ง 6คน นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบ นายภาวัต ผ่องใส กับพวกรวม 42คน ที่ร่วมชุมนุมในวันเกิดเหตุ จึงได้ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี ฐานมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมืองเกิน 5คน ขึ้นไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่3/2558 ลงวันที่ 1เมษายน58 ข้อ12 เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด จนกว่าคดีจะสิ้นสุด รายงานข่าวเปิดเผยว่า การดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยในครั้งนี้ เนื่องจากการตรวจสอบประวัติทั้ง 43คนพบว่า ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และเป็นบุคคลเป้าหมายที่จับตาความเคลื่อนไหวอยู่แล้ว
แก๊งโกตี๋อ้างมีบึ้ม2ลูกแต่หาไม่เจอ
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารจาก มทบ.11 ควบคุมคัว นายกฤษ์ชาพล พูลศิลป์ เครือข่าย นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ แกนนำกลุ่มเสื้อแดงปทุมธานี ผู้ต้องหาครอบครองวัตถุระเบิด เข้าตรวจสอบวัตถุระเบิดเพิ่มเติม หลังสอบสวนขยายผลผู้ต้องหาให้การว่า ได้ทิ้งลูกระเบิดชนิดเอ็ม79 จำนวน 2ลูก ไว้ข้างกำแพงด้านหลังอาคารที5 เมืองทองธานี ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยประสานเจ้าหน้าที่ชุดEOD ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณป่าหญ้ากว้างประมาณ 200ตารางวา โดยใช้เครื่องตรวจโลหะและจอบขุดบริเวณดังกล่าวประมาณ 2ชม.แต่ไม่พบวัตถุระเบิดดังกล่าว จึงถอนกำลังออกจากพื้นที่ และควบคุมตัวผู้ต้องหากลับไปยัง มทบ.11 เพื่อสอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากเกรงว่า จะมีประชาชนเก็บไป และเพื่อให้แน่ใจว่า จะมีวัตถุระเบิดซุกซ่อนที่ใดอีกหรือไม่ ก่อนจะส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
‘ศรีวราห์’ตามเช็คพิกัดที่ซ่อน’ปู’
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์กรณีปรากฏภาพ นายทักษิณ ชินวัตรและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กรุวปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า เรื่องนี้ได้ทำหนังสือถามไปยังกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ให้ตรวจสอบกรณีดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่รับรายงานกลับมา ต้องใช้เวลาสักระยะ
รอง ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า สำหรับฮ่องกงหรือประเทศอื่นๆที่มีกระแสข่าวปรากฏตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทาง สตช.ได้ประสานผ่านตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล ถ้าจะประสานสถานทูตประเทศต่างๆส่งให้กระทรวงการต่างประเทศของไทยเป็นคนดำเนินการ ตำรวจไม่มีอำนาจในส่วนนี้ ขณะนี้ตำรวจยังไม่มีข้อมูลว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ที่ฮ่องกงตามที่เป็นกระแสข่าว แต่ยืนยันว่า มีการประสานกับอินเตอร์โพลเป็นระยะ ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันที่อยู่ที่เป็นหลักแหล่งของอดีตนายกรัฐมนตรีได้
‘วิษณุ’ยันลุยยึดทรัพย์สินได้ทันที
ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการยึดทรัพย์สิน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ตนไม่ทราบความคืบหน้า เพราะเจ้าหน้าที่ไม่จำเป็นต้องมารายงานตนแล้ว หลังเคยเรียกกระทรวงการคลังและกรมบังคับคดี มาพูดคุย เนื่องจากมีคำสั่งมาตรา44 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการยึดทรัพย์ โดยยังไม่มีคำสั่งศาล เนื่องจากขั้นตอนปกติเขาจะทำหลังมีคำสั่งศาลและวันนี้แม้ศาลจะไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด แต่ถือว่าเจ้าหน้าที่มีอำนาจ
ส่วนที่ทีมทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ้างว่า ทรัพย์สินไม่สามารถขายทอดตลาดได้ เพราะหากชนะคดีรัฐไม่สามารถเยียวยา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ทุกอย่างมีคำอธิบายอยู่ในกฎหมายปกติ ซึ่งไม่ต่างจากยึดทรัพย์ตามคำสั่งศาล
ลางร้ายรบ.รถถอยชนอ่างบัวแตก
ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 08.30น.ได้เกิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจถอยรถชนกระถางอ่างบัวใบใหญ่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกบัญชาการแตกกระจาย ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นลางร้ายของรัฐบาลหรือไม่ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวพร้อมรับผิดชอบทั้งหมดซึ่งก่อนหน้านี้มีการนำอ่างบัวสีมาวางไว้ 10 ใบ ราคาใบละ 5 พันบาท เพื่อเสริมภูมิทัศน์ในทำเนียบ แต่รั่วไป 1ใบ ก่อนจะมาแตกอีก 1 ใบ
ติดโคมแดงรับตรุษจีน-ปัดแก้เคล็ด
ขณะที่พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ประดับโคมแดงประตูเข้าออกทำเนียบรัฐบาล เพื่อร่วมฉลองวันตรุษจีนและแสดงความยินดีกับคนไทยเชื้อสายจีน ไม่เกี่ยวกับการแก้เคล็ดจากกรณีอ่างบัวสีแตกในวันเดียวกัน แต่อย่างใด
‘สนช.’ตั้งกมธ.ร่วมถก2ร่างพรป.
ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีวาระสำคัญคือ การตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พรป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสส.และการตั้งกมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พรป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.หลังคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ส่งความเห็นแย้งร่างพรป.ทั้ง 2ฉบับมาให้สนช.ตั้งกมธ.ร่วม เนื่องจากยังมีประเด็นที่ไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
โดยร่างพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสส.ที่ประชุมได้ตั้งกมธ.ร่วม 11คน ประกอบด้วยตัวแทน สนช.5คน ได้แก่ นายวิทยา ผิวผ่อง นพ.เจตน์ศิรธรานนท์ นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ นายชาญวิทย์วสยางกูร นายสมชาย แสวงการ ตัวแทน กรธ.5คน ได้แก่ นายภัทระ คำพิทักษ์ นายธนาวัฒน์ สังข์ทอง นายนรชิต สิงหเสนี นายศุภชัย ยาวะประภาษ พล.อ.อัฏฐพร เจริญพานิช และตัวแทนกกต.1คน ได้แก่ นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต.
ส่วนร่างพรป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.ที่ประชุมตั้งกมธ.ร่วม 11คน คือ ตัวแทนสนช.5คน ได้แก่ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ พล.อ.อู้ด เบื้องบน พล.ร.อ.ธราธร ขจิตสุวรรณ นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน นายสมชาย แสวงการ ตัวแทนกรธ.5คนได้แก่ นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ นายอัชพร จารุจินดา นายอุดม รัฐอมฤต นายปกรณ์ นิลประพันธ์ นายอภิชาต สุขัคคานนท์และตัวแทนกกต. 1คนได้แก่ นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต.
โดยต้องพิจารณาทบทวนร่างให้เสร็จภายใน 15วัน นับจากวันที่ได้รับการแต่งตั้ง เพื่อส่งให้ที่ประชุมสนช.พิจารณาลงมติต่อไป โดยร่างพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสส.ประชุมนัดแรกวันที่ 19กุมภาพันธ์และร่าง พรป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.ประชุมนัดแรกใน เวลา 15.30 น.วันเดียวกัน
หอค้าเผยคอร์รัปชั่นรุนแรงขึ้น
ด้านมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีสถานการณ์คอรัปชั่นไทยเดือนธันวาคม2560 เทียบกับเดือนมิถุนายน2560 พบว่า สถานการณ์คอรัปชั่นไทยแย่ลง จากคะแนน53เหลือ52คะแนน
อนึ่งดัชนียิ่งมีค่าใกล้ 100 แสดงว่าสถานการณ์การคอร์รัปชั่นมีปัญหาลดน้อยลงหรือสถานการณ์ดีขึ้น และดัชนียิ่งเข้าใกล้ 0 แสดงว่า สถานการณ์คอร์รัปชั่นมีปัญหามากขึ้นหรือสถานการณ์แย่ลง
ทั้งนี้ นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจหอการค้าไทย ระบุว่า ประชาชนกังวลว่า สถานการณ์คอร์รัปชั่นจะกลับมารุนแรงขึ้น จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาลที่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนพยายามหาช่องว่างในการจ่ายใต้โต๊ะ
จากการสอบถามผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจกับภาครัฐจะต้องจ่ายเงินพิเศษ หรือเงินใต้โต๊ะ เพื่อให้ได้สัญญาหรือไม่นั้น ส่วนใหญ่ 54% ไม่ต้องจ่าย ส่วนอีก 24% ยังต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะ ซึ่งจ่ายเฉลี่ยที่ร้อยละ 5-15 ของเม็ดเงินโครงการ โดยหากประเมินวงเงินคอร์รัปชั่นจากงบประมาณรายจ่าย ค่าครุภัณฑ์ ที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งงบลงทุนวิสาหกิจ จากเงินงบประมาณปี 2561 ที่ 2.9 ล้านล้านบาท จะเกิดเป็นมูลค่าวงเงินคอร์รัปชั่นประมาณ 100,0000-200,000 ล้านบาท ที่หายไปจากระบบ และกระทบต่อจีดีพีให้ลดลง 0.41 - 1.23%
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี