สั่งประกบ3กลุ่มป่วน
ล้มรบ.-คสช.
มี‘ทักษิณ-พท.’หนุน
หาทางสกัดท่อน้ำเลี้ยงด่วน
คนอยากเลือกตั้งโผล่โคราช
แม่ทัพภาค2เต้นแจงชาวบ้าน
“บิ๊กป้อม” เปิดวอร์รูม คุมเกมวิเคราะห์จับตา 3 กลุ่มป่วนรัฐบาล-คสช.เชื่อ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ระส่ำหลังลูกสมุนแปรพักตร์ไปอยู่ขั้วอำนาจใหม่ ดอดมาเอเชียแค่เช็คกำลังวางแผนเลือกตั้ง นายกฯ สั่งใช้กฎหมายฟันแกนนำคนอยากเลือกตั้ง ทุกครั้งที่ออกมาเคลื่อนไหว พร้อมสอบท่อน้ำเลี้ยงด้วย
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ มีรายงานข่าวว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม เรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคง ประเมินสถานการณ์การเมืองในห้วงสุดท้ายก่อนจะมีการเลือกตั้ง โดยที่ประชุมมองว่า สถานการณ์น่าเป็นห่วง มีความเคลื่อนไหวของ 3 กลุ่ม ในห้วงเวลาเดียวกัน ทั้ง การปรากฎตัว นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองอดีตนายกรัฐมนตรี ความเคลื่อนไหว กลุ่ม อดีต สส.พรรคเพื่อไทย (พท.) แกนนำมวลชน รวมถึงการชุมนุมแกนนำคนอยากเลือกตั้ง
โดยให้จับตาอย่างใกล้ชิดและตรวจสอบว่า ทั้ง 3กลุ่มนี้เชื่อมโยงกันหรือไม่ หลังพบข้อมูล มีกลุ่มการเมือง เคลื่อนไหว ล้อมรัฐบาลและคสช.มาก่อนหน้านี้
แฉทักษิณกังวลลูกทีมเปลี่ยนขั้ว
หน่วยงานความมั่นคง ประเมินว่า การปรากฎตัวของสองอดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อหวังผลทางการเมือง หลังมีกระแสข่าว อดีต ส.ส. แกนนำ มวลชน ของพรรคเพื่อไทย เปลี่ยนขั้วไปอยู่กับกลุ่มอำนาจใหม่ ในขณะ กลุ่ม อดีต ส.ส. เดินที่เดินทางไปพบในห้วงเวลาดังกล่าว เชื่อว่าเป็นการวางแผนเตรียมการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเร็ววันนี้
ขณะเดียวกันให้จับตาความเคลื่อนไหว แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ตรวจสอบท่อน้ำเลี้ยง ว่าการชุมนุมดังกล่าว มีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ และให้ใช้มาตราการกฎหมายตามปกติมาบังคับใช้ หากแกนนำละเมิดกฎหมาย นอกจากนี้เน้นย้ำเจ้าหน้าที่ อย่าสร้างเงื่อนไขทำให้เกิดความไม่เรียบร้อย
สั่งดำเนินคดีแกนนำอยากเลือกตั้ง
แหล่งข่าวจากหน่วยงานความมั่นคง เปิดเผยว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้เจ้าหน้าที่ ติดตามการชุมนุมกลุ่มแกนนำคนอยากเลือกตั้ง นำโดย นายรังสิมันต์ โรม , นายเอกชัย หงส์กังวาน, น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา, นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ที่ลานย่าโม จังหวัดนครราชสีมา ในเวลา 17.00น.ของวันที่ 18กุมภาพันธ์นี้ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. เน้นย้ำให้พิจารณาเอาผิดตามข้อกฎหมายเป็นหลักว่า ใครทำผิดกฎหมายไหน อย่างไร
“ยืนยันว่า ไม่ใช่จ้องเอาผิดแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง แต่ทุกกลุ่มทุกฝ่ายต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน การชุมนุมเย็นวันนี้ ต้องมาพิจารณาเข้าข่ายความผิดเงื่อนไขใดบ้าง เหตุการณ์เกิดขึ้นสถานที่ใด หากทำผิดเช่นเดียวกับการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ก็ละเว้นไม่ได้ ต้องแจ้งความดำเนินคดี จากนั้นรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำสำนวนและส่งฟ้องศาลต่อไป ระหว่างนี้หากทำผิดอีก ก็แจ้งความอีก” แหล่งข่าวจากหน่วยงานความมั่นคง ระบุ
ข้อหาร่วมกันมั่วสุมเกิน5คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ถูก คสช.แจ้งความดำเนินคดีที่ สน.นางเลิ้ง หลังชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ก.พ.2561 ที่ผ่านมา บริเวรข้างร้านสเต็กติดมัน และบริเวณถนนราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม. ประกอบด้วย 1.นายรังสิมันต์ โรม ,2.นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ,3.นายกาณฑ์ พงษ์ประพันธ์ ,4.นายอานนท์ นำภา, 5.นางสาวณัฏฐา มหัทธนา และ 6.นายสกฤษณ์ เพียรสุวรรณ 7.นางสาวชลธิชา แจ้งเร็ว
โดยทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิด ข้อหา ร่วมกันมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ที่มีจำนวนคนตั้งแต่ 5 คน ขึ้นไป และร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชน ด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธี อื่นใด อันมิใช้เป็นการกระทำ ภายในความมุ่งหมาย แห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชม โดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่อง ในหมู่ประชาชน ถึงขนาดจะก่อความไม่สงบ ขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อประชาชน ล่วงละเมิดกฎหมาย แผ่นดิน
แม่ทัพภาค2ดูแลความเรียบร้อย
พล.ท.ธรากร ธรรมวินทร แม่ทัพภาคที่2 เชื่อว่าประชาชนคงไม่ให้ความสำคัญอะไรมากนักกับผู้ชุมนุม แต่ตำรวจก็ต้องอำนวยความสะดวก ดูแลความปลอดภัย ทั้งในส่วนผู้ที่มาชุมนุมและประชาชนที่สัญจรไปมา
“ กองทัพภาคที่ 2 ได้ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนในภาคอีสาน เกี่ยวกับโรกแมป คสช.ที่นำไปสู่การเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง และย้ำให้ประชาชนได้เข้าใจว่า ทุกอย่างเดินตามโรดแมปที่รัฐบาลได้ยืนยันไว้ ส่วนมีการเลื่อนการเลือกตั้งจากเดือน พ.ย. 2561 ไป มี.ค.2562 เป็นเรื่องฝ่ายกฎหมายในการพิจารณา ยืนยันว่า กองทัพภาคที่2จะดำเนินการทุกอย่างให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยเป็นหลัก
จากการลงพื้นที่ คนอิสานเข้าใจถึงความจำเป็นเลื่อนการเลือกตั้ง จาก พ.ย.ปี 61 ไป มี.ค. 62 ว่า เป็นเรื่องของกฎหมาย รัฐบาล และคสช.ไม่มีเจตนาในการสืบทอดอำนาจ หรือ ยื้อการเลือกตั้งออกไป เพียงแต่เราต้องเพิ่มการชี้แจงหลายๆด้าน ยืนยันว่า รัฐบาลและ คสช.ยังคงมุ่งมั่นเดินตามโรดแมป
จับตาแกนนำฝ่ายการเมือง
แม่ทัพภาคที่ 2 ยังระบุอีกว่า ในส่วนแกนนำทางการเมืองในพื้นที่ภาคอิสาน เราติดตามความเคลื่อนไหวเป็นระยะอยู่แล้ว แต่ไม่ได้เพ็งเล็งอะไรเป็นพิเศษ เพราะเชื่อว่า ทุกท่านเคารพกฎหมาย ส่วนที่มีกระแสข่าว มีแกนนำภาคอิสานหลายคน เดินทางไปต่างประเทศ พบ นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องทางหน่วยเหนือ ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 รับผิดชอบงานในพื้นที่เท่านั้น
“นิกร”ชมนศ.อยากเลือกตั้ว
นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวชื่นชมนักศึกษาภายใต้กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ออกมาแสดงความคิดเห็น เพราะเราไม่เห็นเหตุการณ์แบบนี้มานานแล้ว ที่นักศึกษาจะรวมกลุ่มกันเพื่อเรียกร้องในสิ่งที่ต้องการ หากย้อนในอดีตเราก็จะเห็นการเรียกร้องที่บริสุทธิ์ผ่านกลุ่มเคลื่อนไหวที่เป็นนักศึกษา ซึ่งถือว่าวันนี้เป็นการจุดติดแล้ว จุดติดในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าเป็นการดึงคนออกมาเรียงร้อง แต่เป็นการจุดติดในด้านความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ทำให้คนรุ่นเก่ามีความอุ่นใจว่าจะส่งไม้ต่อให้กับใครไปในอนาคต
‘สนช.’ไม่เชื่อกม.ลูกถูกคว่ำ
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตนไม่เชื่อว่ากฎหมายลูกบางฉลับจะคว่ำ แต่ที่ผ่านมากระบวนการความเห็นไม่ตรงกันจนเป็นเหตุให้ตั้งกรรมการร่วม เป็นขั้นตอนบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าในที่สุดจะมีการแก้ไข เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ สิ่งสำคัญเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวม จึงไม่เชื่อว่า สนช.จะคว่ำกฎหมายลูก ขอบคุณนักการเมืองที่เป็นห่วง แต่ไม่ต้องเป็นห่วง ขอให้นักการเมืองเตรียมตัวลงเลือกตั้ง ไปหานักการเมืองที่ดี ๆ มาให้ประชาชนเลือก อย่าไปเลือกนักการเมืองที่ไม่ดี มาทำให้เกิดปัญหาทางการเมืองขึ้นอีก” พล.อ.สมเจตน์ กล่าว
โพลล์ชี้คนอยากเลือกตั้ง
สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “ประชาธิปไตยที่ประชาชนต้องการ” โดยทำการศึกษาตัวอย่างจากประชาชนทุกสาขาอาชีพ จำนวน 1,113 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 10 – 17 ก.พ. 61 พบว่า เมื่อถามถึงความรู้ประชาชนต่อประชาธิปไตย ประชาชนจำนวนมากกว่า 1 ใน 3 หรือ 36.6 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่า ไม่รู้ ไม่ทราบ และไม่ตอบ รองลงมาคือ 19.5 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าประชาธิปไตยคือ ความเสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติ ส่วน 18.8 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าประชาธิปไตย คืออิสระในการคิดการพูด ขณะที่ 13.5 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าประชาธิปไตยคือฟังเสียงคนข้างมาก ด้าน 6.9 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าประชาธิปไตยคือ ประชาชนรักสามัคคีกัน มีส่วนร่วม ในขณะที่ 3.3 เปอร์เซ็นต์ ระบุประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง และ1.4 เปอร์เซ็นต์ ระบุประชาธิปไตยเป็นเรื่องผลประโยชน์
ชอบประชาธิปไตยตอนนี้
เมื่อถามถึงความชอบต่อประชาธิปไตยแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้หรือเป็นแบบใด พบว่า 41.3 เปอร์เซ็นต์ ชอบประชาธิปไตยที่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่ 58.7 เปอร์เซ็นต์ต้องการประชาธิปไตยแบบสงบสุข แบบพอเพียงไม่มีคอร์รัปชั่น และบางส่วนระบุแบบไหนไม่รู้แต่ขอให้ดีขึ้นกว่านี้ เป็นต้น และเมื่อจำแนกตามเพศ พบว่า หญิง 42.2 เปอร์เซ็นต์ ชอบประชาธิปไตยที่เป็นอยู่ตอนนี้ ในขณะที่ชายมีอยู่ 40.3 เปอร์เซ็นต์ ส่วนกลุ่มที่ต้องการเปลี่ยนแปลงให้เป็นประชาธิปไตยแบบสงบสุขแบบพอเพียง ไม่มีคอร์รัปชั่น หรือแบบไหนไม่รู้แต่ขอให้ดีขึ้นนั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี