"บิ๊กตู่"สั่งไทยนิยมต้องโปร่งใส มท.หวด"ผู้ว่าฯ-นายอำเภอ-ตำบล"ก่อนคิกออฟ อย่าให้ชาวบ้านครหา ย้ำยึด2หลัก"ขับเคลื่อน-โครงการ" เน้นสนองความต้องการปชช. หวังเลือกตั้งออกจากเขาวงกตได้คนดี-เก่ง
19 ก.พ.61 ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) มีการประชุมแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังจังหวัด อำเภอ ชุดขับเคลื่อนระดับตำบลทั่วประเทศ เพื่อให้รับทราบแนวทางการขับเคลื่อนฯ โครงการไทยนิยมฯ ให้ชัดเจน เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตามวัตถุประสงค์ของนโยบายรัฐบาล ก่อนลงพื้นที่ดำเนินการนัดแรกวันที่ 21 ก.พ.นี้ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะกรรมการ และเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการฯ โครงการไทยนิยมฯ เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของ มท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในการประชุม
โดย พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีนโยบายข้อสั่งการเพิ่มเติม ให้นำภาคส่วนอื่นๆ เข้ามาร่วมดำเนินการในโครงการไทยนิยมฯ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ภาคธุรกิจเอกชน หรือภาคประชาสังคมในจังหวัด อำเภอ ที่มีศักยภาพ เป็นต้น ที่จะช่วยให้การทำแผนงานโครงการตอบสนองประชาชน ไม่ให้เป็นการดำเนินการแต่เพียงภาครัฐอย่างเดียว
"ท่านนายกฯ ยังให้ ขอให้ทุกระดับช่วยให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องความโปร่งใส แต่กระทรวงมหาดไทยที่เราทำแผนงานโครงการ 2 - 3 ปีมานี้ ถือว่าสมบูรณ์ แทบจะไม่มีนัยยะในเรื่องความโปร่งใส แต่อาจมีบ้างที่ไม่โปร่งใส เช่น โครงการ ตำบลละ 5 ล้าน หมู่บ้านละ 250,000 บาท ก็ขอให้กำลังใจผู้ว่าฯ นายอำเภอ ที่เป็นหัวหอกในการดำเนินการ ให้ช่วยกันดู อย่าให้มีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้น ให้สมกับที่เราเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่ รัฐบาลหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ว่าฯ นายอำเภอจะบูรณาการงานไทยนิยมได้ อย่าให้ประชาชนกังวลใจว่ามันไม่โปร่งใส เราทำงานกันมาแล้ว ดูแลประชาชนมาหลายปี ก็เรียบร้อยดี ขอให้ช่วยกำกับให้ได้ ปลุกเร้าประชาชนให้มาร่วมกันให้ได้ เข้าใจว่าต้องเหนื่อย แต่ต้องทำให้ได้" รมว.มหาดไทย กล่าว
พล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวเน้นย้ำเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการไทยนิยมฯ ว่า เพื่อลงไปถ่ายทอดให้ตรงกัน ให้เข้าใจชัดเจน แบ่งเป็น 2 ด้าน คือ 1.การขับเคลื่อนแบบไทยนิยม หมายความว่า หลังทุกหน่วยงานทำแผนงานโครงการงบประมาณหมดแล้ว จะมีการกำกับตั้งแต่ระดับนโยบายลงไปผ่านหลายคณะกรรมการในพื้นที่ แต่ไม่ใช่โครงการเสร็จแล้วจะจบเลย รัฐบาลจะเร่งติดตามงานไปถึงระดับพื้นที่ต่อเนื่อง ดังนั้น ต้องบูรณาการทุกหน่วยงานให้เกิดผลกับประชาชน
2.โครงการไทยนิยม ในขณะนี้ทราบกันดีว่า หลายคนพูดถึงตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่ดี ไม่ว่าจะเป็น จีดีพี การส่งออก ลงทุน แต่ก็ยังมีปัญหาคือราคาผลิตผลทางการเกษตรยังไม่ค่อยดี เศรษฐกิจฐานรากยังไม่ค่อยดี จึงอยากให้แก้ไข ทางรัฐบาลจึงมีโครงการลงไป 2 เรื่องใหญ่ 1.ด้านเศรษฐกิจ โดยพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการโอท็อป การท่องเที่ยว ภาคการเกษตร เป็นต้น ที่เป็นเรื่องของแผนงานโครงการลงไปในพื้นที่ และ 2. 10 โครงการไทยนิยม เป็นเรื่องที่ต้องสร้างความรับรู้ให้ประชาชน สร้างความเข้าใจ มีงบฯลงไปอบรม เลี้ยงอาหาร ที่อยู่ในงบฯเพิ่มเติมปี 61 ใช้เวลา ประมาณ 3 - 4 เดือน
รมว.มหาดไทย กล่าวต่อว่า รัฐบาล รวมถึงนายกฯ หวังให้มีการร่วมมือในพื้นที่ และน่าจะเป็นจุดที่แก้ไขปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะการทำมาหากิน การเกษตร วิสาหกิจชุมชน รัฐบาลมุ่งหวังเต็มที่ ต้องการความตั้งใจที่จะทำให้ประชาชนที่ลำบาก ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น รัฐบาลพยายามนำเงินลงไปให้ แต่จะสำเร็จได้หรือไม่อยู่ที่พื้นที่ที่ดำเนินการให้ตรงความต้องการประชาชน มากกว่าความเหมาะสมของโครงการ เช่น น่าจะทำอย่างนี้ อย่างนั้น เราไม่เอา
"ผมได้เรียนนายกฯ แล้ว นายกฯ บอกว่า ถ้าติดปัญหาเกี่ยวกับหลักการของที่เกี่ยวกับงบประมาณ ขอให้สรุปขึ้นมา แล้วนายกฯ จะแก้ให้ แต่ต้องทำให้เกิดผลจริง ต้องดีขึ้น หวังว่าส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น เกษตร ท่องเที่ยว แรงงาน โอท็อป ต้องเน้นผลดีขึ้น ผู้ว่าฯ นายอำเภอ จะเป็นการพิสูจน์ว่าบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชนได้" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
รมว.มหาดไทย ยังกล่าวถึงโครงการต่างๆ ในไทยนิยมฯไม่ว่าจะเป็น สัญญาประชาคม ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง กฎหมายการบริหารราชการแผ่นดิน ประชาธิปไตยว่า ถ้าเปรียบเหมือนเอายาไปให้กินเลยคงยาก ต้องค่อยๆแทรกเข้าไป จะสามารถสร้างสิ่งที่ให้เขารู้ได้ ครั้งแรกต้องไปให้รู้ว่าประชาชนทุกคนควรมีหลักในการดำรงชีวิต ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาล9 เน้นสร้างความเข้าใจว่า สังคมจะอยู่ร่วมกันได้ต้องยึดกฎหมายเท่าเทียม รู้หลักในสังคมที่จะใช้กฎหมายไม่ใช่รู้แต่สิทธิอย่างเดียว ต้องรู้หน้าที่ด้วย ขณะที่ประเทศชาติจะดีได้ ต้องมียุทธศาสตร์ ต้องชี้แจงให้รู้ว่า เรามียุทธศาสตร์ ที่ให้ความสำคัญลงไปในพื้นที่
"ประเทศไทยมีดี มีสิ่งดีๆ ในประเทศ แต่เรายังติดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ก็ต้องมาแก้ ต้องทำให้ประชาชนเข้าใจ ว่าการเมืองที่ดี คือประชาธิปไตยที่ดีแน่ นำพาประเทศไปในทางที่ดีได้ มีชีวิตที่ดี การศึกษาที่ดี สาธารณสุขดี งานดี เศรษฐกิจดี เพราะการเมืองเองทำให้เกิดรัฐบาลที่กำหนดทุกเรื่อง ติดตาม แผนงาน งบประมาณ ต้องอธิบายให้รู้ว่าประชาธิปไตยเป็นเรื่องสำคัญ เช่น มีคนรับสมัครเลือกตั้ง ดีไม่ดี เก่งไม่เก่ง ประชาชนต้องรู้ ต้องเลือกเป็น เราต้องบอกเขาให้ได้ เมื่อมีรัฐบาลดีเก่ง ประเทศก็เจริญได้ เราต้องมีเลือกตั้งในเร็ววันนี้ คงไม่นาน ทุกคนก็เรียกร้อง อย่าให้มันวนกลับไปอีก เราวนกันอยู่อย่างนี้ แล้วเลือกตั้งก็ไม่เคยสำเร็จเลย ประเทศไปได้อีกเยอะ ขอให้อยู่บนกรอบความคิดเดียวกัน ผมเชื่อว่าประเทศไปได้ ทุกกระทรวงต้องทำงานร่วมกัน แต่ไม่ใช่แบบเจ้านาย ผู้บังคับบัญชา แต่ถือเป็นเพื่อนร่วมงานทั้งหมด" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี