ไก่ยังไม่โห่ "ชวลิต" ออกโรงแฉโครงการไทยนิยมใช้งบเงินกู้ ขี่ช้างจับตั๊กแตน ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แค่ค่าอาหาร พุ่ง 2,000 ล้านบาทไม่รวมค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะ ส่อไร้วินัยการเงิน การคลังผิดกม.ม.164
20 ก.พ. 61 นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้ตรวจสอบที่มาของงบประมาณโครงการไทยนิยมยั่งยืนแล้ว เป็นงบประมาณเพิ่มเติมปี 2561 โดยแหล่งที่มาของงบ เป็นเงินกู้ 100,000 ล้านบาท เป็นเงินจากภาษีประชาชน 50,000 ล้านบาท ซึ่งต้องไปจ่ายชดใช้เงินคงคลัง 50,000 ล้านบาท ใช้ในโครงการไทยนิยมจริง ๆ ถึง 100,000 ล้านบาท จึงควรใช้อย่างประหยัด โปร่งใส มีผลตอบแทนคุ้มค่ากับเม็ดเงิน แต่การณ์กลับตรงข้าม ไม่ได้ใช้งบอย่างประหยัด และคุ้มค่ากับเม็ดเงิน ซึ่งจะชี้ให้เห็นเป็นข้อ ๆ ได้ ดังนี้
1.โครงสร้างทีมขับเคลื่อนมีมากถึง 7,663 ทีม ไม่นับข้าราชการจากส่วนกลาง และฝ่ายบริหารที่จะลงไปตรวจเยี่ยม เข้าลักษณะขี่ช้างจับตั๊กแตน เฉพาะค่าอาหาร 2,000 ล้านบาท ไม่นับค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะอีกมหาศาล
2.รัฐบาลนี้ประกาศจะปฏิรูปประเทศ แต่ลักษณะการจัดทำโครงการกลับโบราณ ย้อนยุคมาก คือ ตั้งงบไว้ แล้วไปหาโครงการเอาข้างหน้าตามหมู่บ้านที่จะไปเยี่ยมเยียน เปรียบเสมือนแบล็งค์เช็คไว้แล้วไปเติมเงิน เติมโครงการเอาข้างหน้า นับว่าหาโครงการแบบลวก ๆ ในเวลาอันจำกัด ทั้งนี้ เพื่อให้ทันกับการใช้งบประมาณตามวงรอบงบประมาณเป็นหลัก ผลประโยชน์คุ้มค่าเป็นรอง ทั้งยังสุ่มเสี่ยงกับการทุจริต คอรัปชั่นได้ง่าย
ซึ่งถ้าเป็นเอกชน เป็นธนาคาร มีประชาชนมาขอกู้เงินโดยยังไม่มีโครงการ ยังไม่รู้ว่าโครงการนั้นจะมีผลตอบแทนอย่างไร คุ้มค่าหรือไม่ ธนาคารจะให้กู้หรือไม่ในทางตรงข้าม ทีกับพรรคการเมือง รัฐบาลออกกฎหมายควบคุมยุ่บยั่บ จนแทบจะออกนโยบายมาช่วยเหลือประชาชนได้ยากอย่างยิ่ง ทั้งยังต้องจัดทำรายละเอียดขออนุญาตต่อ กกต.อีกด้วย
“ในการคัดเลือกโครงการ เหตุใดไม่บูรณาการด้วยการใช้โครงการในแผนพัฒนาอำเภอ แผนพัฒนาท้องถิ่น หรือแผนพัฒนาจังหวัด ซึ่งผ่านการจัดทำประชาพิจารณ์และเรียงลำดับความสำคัญไว้แล้ว ทำไมจะต้องจัดทัพใหญ่โต ตีเกราะเคาะไม้ ให้สิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ จึงอาจกล่าวได้ว่าองคาพยพของทีมขับเคลื่อนที่ใหญ่โต เข้าลักษณะขี่ช้างจับตั๊กแตน การใช้งบสุรุ่ยสุ่ร่าย เข้าลักษณะตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ และตีปี๊บหาเสียงซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะเป็นเงินภาษีประชาชน ที่สำคัญเป็นเงินไปกู้มาเฉพาะอย่างยิ่ง การตั้งงบยอดรวมไว้ แล้วไปหาโครงการเอาข้างหน้า ตามตำบล หมู่บ้าน เปรียบเสมือนแบล็งค์เช็คไว้ แล้วไปเติมเงิน เติมโครงการเอาข้างหน้าดังกล่าวข้างต้น นับเป็นการใช้งบประมาณผิดวินัยการเงินการคลัง สุ่มเสี่ยงกระทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 164” นายชวลิต กล่าว
"ขอให้ผู้เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานทบทวนการจัดทำโครงการให้รอบคอบ เริ่มตั้งแต่งบค่าอาหาร 2,000 ล้านบาท ส่อผิดวัตถุประสงค์โครงการ หรือมีในวัตถุประสงค์โครงการหรือไม่ นอกจากนี้องค์กรในการตรวจสอบ ได้แก่ สตง. ควรให้คำแนะนำในการใช้งบประมาณให้ถูกต้องตามระเบียบของทางราชการอย่างเคร่งครัดต่อไป" อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี