“บิ๊กอู๋”โต้ยิบละเว้นสอบโกงเงินคนไร้ที่พึ่ง แจงรับเรื่องร้องเรียนแล้วตั้งกรรมการสอบทันควัน เหตุตั้ง “พุฒิพัฒน์”นั่งปลัด พม.ทำก่อนถูกโยงพันทุจริต ลั่นโปร่งใส ตรวจสอบได้ “วิษณุ” ให้อดใจรอไม่กี่วันรู้ผล ชี้ทำเป็นแก็งซ้ำรอยงาบเงินทอนวัด มั่นใจสาวถึงตัวการใหญ่ แย้มถ้าพักงานไม่จำเป็นต้องใช้ม.44 ด้านองค์กรโปร่งใสฯประกาศดัชนีทุจริตโลก ปี 60 ไทยรั้งอันดับ 96 จาก 180 ประเทศ ได้ 37 คะแนนดีขึ้นกว่าปีก่อน
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงานกล่าวถึงกรณี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้ตรวจสอบขณะที่ตนเองเป็นรัฐมนตรีว่าการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบทุจริตเงินคนไร้ที่พึ่ง แม้ว่าสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)แจ้งเตือนมา จนเกิดการเปิดโปงตามมาว่า ตนย้ายมาที่กระทรวงแรงงาน 3 เดือนแล้ว อยู่ห่างจากข้อมูล อยากให้รอผลสอบ แต่กรณีท้วงติงว่าตนรับหนังสือจากสตง.แล้ววางเฉยนั้น ขอชี้แจงว่าหนังสือดังกล่าวมาถึงตนเดือน สิงหาคม 2560 แล้วสั่งให้นายไมตรี อินทุสุต ปลัด พม.ขณะนั้นสอบสวนข้อเท็จจริง และรายงานผลภายใน 7 วัน ถือว่าทำตามขั้นตอน
“บิ๊กอู๋”โต้ละเว้นสอบโกงเงินคนจน
“หนังสือร้องเรียนนั้น เป็นลักษณะบัตรสนเท่ท์ ที่ไม่ปรากฏชื่อผู้ร้องส่งไปยังสตง.พูดกว้างๆว่ามีทุจริต ผิดปกติในการเบิกจ่ายเงิน ทั้งนี้ในวงราชการนั้นบัตรสนเท่ห์เยอะมาก โดยเฉพาะช่วงแต่งตั้งโยกย้าย ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งให้สอบทันที” พล.ต.อ.อดุลย์กล่าว
แจงตั้ง“พุฒิพัฒน์”ก่อนมีร้องเรียน
และว่า ผลสอบข้อเท็จจริงออกมาและส่งถึงตนเดือนตุลาคม. 2560 พบแนวโน้มมีมูลผิดปกติ แต่อยู่ในระดับล่าง ตนสั่งให้ปลัดพม.ขณะนั้นทำตามขั้นตอนกฎหมาย เพราะเป็นเรื่องงบประมาณข้าราชการ ตนไม่ได้ไปยุ่ง อำนาจมาถึงรัฐมนตรีเป็นการจัดซื้อจัดจ้างที่เกิน 50 ล้านบาท แต่ระหว่างนั้นพอดีกับที่ตนย้ายมาที่กระทรวงแรงงาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเชื่อมโยงความผิดปกติดังกล่าวกับนายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ช่วงเป็นอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ แต่เหตุใดได้รับแต่งตั้งเป็นปลัดพม. พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า การแต่งตั้งทำก่อนมีเรื่องร้องเรียน ตอนนั้นถือว่านายพุฒิพัฒน์เป็นอธิบดีกรมใหญ่สุด ผ่านงานรอบด้าน มีอาวุโส ขึ้นด้วยความชอบธรรมในช่วงที่มีการพิจารณา ตนไม่กังวลเรื่องนี้ ตรวจสอบได้ เรายึดธรรมาภิบาล โปร่งใส
“วิษณุ”แย้มรออีกไม่เกี่วันรู้ผล
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีกล่าวเรื่องนี้ว่า พม.ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงตั้งแต่สมัยนายไมตรี อินทุสุต เป็นปลัดกระทรวงแล้วคือ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 พบมีทุจริตในบางพื้นที่ จึงตั้งคณะกรรมการสอบทางวินัยกับข้าราชการที่เกี่ยวข้องและอยู่ระหว่างตรวจสอบ ยืนยันเรื่องนี้ไม่มีช่องโหว่กฎหมาย ใครทุจริตก็เล่นงาน ข่าวนี้ระแคะระคายมาพอสมควร ขอให้ดูความเคลื่อนไหวอีกไม่กี่วันนี้
ชี้ทำเป็นแก็งซ้ำรอยอมเงินวัด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตั้งคณะกรรมการสอบมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 ทำไมผลสอบยังไม่ออกอีก นายวิษณุกล่าวว่า ผลสอบคงจวนจะออกแล้วบังเอิญนักศึกษามาเจอเขตนี้ต้องสอบเพิ่มอีก ถ้าเกิดคนที่ทำเป็นก๊วนเดียวกันและรีบมาเปิดโปงก่อนอาจมีการตัดตอนได้ และคณะกรรมการก็หวังว่าคนที่ถูกสอบจะให้การโยงไปถึงตัวการใหญ่ได้ ใครให้ความร่วมมือก็กันไว้เป็นพยาน ยอมรับว่า กรณีนี้เหมือนทุจริตเงินทอนวัดที่ทำเป็นขบวนการหรือเป็นแก๊ง ต้องลงมือสอบกันเป็นการใหญ่ ทั้งนี้ ถ้ามีความจำเป็นต้องพักงาน ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรา 44 มีมาตราอื่นที่ใช้พักงานได้ และตนไม่ได้พูดว่าต้องพักงานหรือไม่
ไทยรั้งอันดับ96ดัชนีทุจริตโลกปี60
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International : IT) แถลงผลคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ประจำปี 2560 ปรากฏว่า ประเทศไทย ได้ 37 คะแนน อยู่ในอันดับ 96 จากทั้งหมด 180 ประเทศ ร่วมกับบราซิล โคลัมเบีย อินโดนีเซีย ปานามา เปรู และแซมเบีย ส่วนประเทศได้คะแนนสูงสุดอันดับหนึ่งคือ นิวซีแลนด์ 89 คะแนน ส่วนโซมาเลีย 9 คะแนน รั้งท้าย
ทั้งนี้ หากจัดอันดับประเทศในอาเซียน สิงคโปร์ยังเป็นผู้นำที่ 84 คะแนน, ตามมาด้วย บรูไน 62 คะแนน, มาเลเซีย 47 คะแนน, ไทยและอินโดฯ 37 คะแนน, เวียดนาม 35 คะแนน, ฟิลิปปินส์ 34 คะแนน, เมียนมา 30 คะแนน, ลาว 29 คะแนน และกัมพูชา 21 คะแนน
ไทยดีขึ้นกว่าปีก่อน2คะแนน
หลังมีการเปิดเผยดัชนีทุจริตดังกล่า วนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)กล่าวว่า มี 2 ใน 3 ประเทศ จาก 180 ประเทศทั่วโลก ได้คะแนนต่ำกว่า 50 คะแนน โดยไทยได้ 37 คะแนน ดีขึ้น กว่าปีก่อน 2 คะแนน ขยับจากลำดับที่ 101 ขึ้นไปอยู่ลำดับที่ 96 จาก 180 ประเทศ
วัชรพลยังไม่พอใจลั่นปี64ต้องเกินครึ่ง
ขณะที่พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวในประเด็นนี้ว่า แม้อันดับของไทยจะดีขึ้น แต่เรามีเป้าหมายว่าในปี 2564 จะต้องได้คะแนนถึง 50 % โดยทุกภาคส่วนต้องเข้ามามีส่วนร่วมทำให้เป็นจริง จากนี้ ป.ป.ช.จะมีอนุกรรมการ เพื่อวิเคราะห์ที่มาของแต่ละคะแนนที่ลดลง 3 ดัชนี ประกอบด้วย ด้านการเมือง เศรษฐกิจ และการจัดการของรัฐบาล เพื่อดูว่ามีองค์ประกอบอะไรบ้าง เพราะการยกระดับคะแนน CPI ถือเป็นยุทธศาสตร์ชาติอยู่แล้ว ส่วนคะแนนที่ลดลง ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าเป็นผลมาจากการตรวจสอบคนในรัฐบาล การจำกัดสิทธิสื่อมวลชน ฯลฯ เมื่อเห็นคะแนนแล้ว ต้องเรียกเจ้าหน้าที่มารับทราบว่าต้องเน้นเรื่องเหล่านี้เป็นพิเศษ
โยนยธ.-ศอตช.ทำการบ้านแก้โกง
ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงดัชนีรับรู้การทุจริต (CPI) ปี2560 ของที่ไทยได้อันดับความโปร่งใส 37 คะแนน อันดับที่ 96 จาก 180 ประเทศว่า ไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลจะบอกว่าพอใจหรือไม่พอใจ ก็ต้องกลับไปดูว่ามีตัวใดที่ทำให้เราได้คะแนนต่ำหรือฉุดลง เพื่อไปแก้ที่จุดอ่อนจุดแข็งให้ถูกจุด เรื่องนี้กระทรวงยุติธรรม และศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(ศอตช.)ที่รวบหน่วยงานเกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามทุจริตต้องแจกการบ้านให้หน่วยงานเกี่ยวข้องไปแก้ไข ในส่วนรัฐบาลตั้งเป้าเรื่องป้องกันทุจริต แต่ไม่มีหน้าที่เรื่องการปราบปราม ต้องฟังจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)เป็นหลัก
รับสภาพปชต.ทำให้เสียคะแนน
“ยอมรับว่าปัจจัยเรื่องประชาธิปไตยถือเป็นตัวชี้วัดหนึ่ง และรู้มาตลอดตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งต้องยอมรับสภาพ หากต้องเสียคะแนนไป”นายวิษณุกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าคะแนนที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย มีผลมาจากกรณีเรื่องนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ไม่น่าเกี่ยวกับผลคะแนนเรื่องนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี