แฉใบสั่งคสช.โละทิ้งทั้งกระดาน
มติสนช.ล้ม7ว่าที่กกต.
รุมสับโนเนม-ไร้ผลงาน
ไม่เชี่ยวชาญการเลือกตั้ง
หวั่นตัวแทนศาลขัดรธน.
ต้องสรรหาใหม่ใน90วัน
สนช.คว่ำ 7 ว่าที่กกต.อ้างโนเนม-ไม่เชี่ยวชาญเลือกตั้ง-ผลงานไม่ประจักษ์ ซ้ำหวั่นยื่นร้องตัวแทนศาลฎีกาไม่ชอบด้วยรธน.แฉใบสั่ง“คสช.”ให้โละทิ้งต้องเริ่มสรรหาใหม่หมด กม.หน้าเดิมห้ามลงชิงเก้าอี้อีก“พรเพชร”เผยต้องหาใหม่ใน 90 วัน “เจตน์” ชี้กกต.เก่ายังทำหน้าที่ได้ “วิษณุ” กลับลำไม่ได้พูดปลดล็อกมิถุนายนแต่อาจเป็นกันยายน ก่อนปล่อยผีเลือกตั้งท้องถิ่น“บิ๊กป้อม”ยังปิดปากนาฬิกาหรู โฆษกกห.แจงจะพูดเรื่องงานเท่านั้น
เมื่อเวลา 11.35 น. วันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่รัฐสภาผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) คนที่ 1ทำหน้าที่ประธาน เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งคณะกรรมาธิการสามัญทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกกต.โดยมีผู้ได้รับการเสนอชื่อ 7คนประกอบด้วยตัวแทนจากคณะกรรมการสรรหา 5คนได้แก่ นายประชา เตรัตน์ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และอดีตผวจ.หลายจังหวัด นายเรืองวิทย์เกษสุวรรณ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) นายอิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ นางชมพรรณ์พงษ์เจริญ สุธีรชาติ ที่ปรึกษากฎหมาย บริษัท วรวิสิฏฐ์ จำกัดและหัวหน้าสำนักงานกฎหมายสุธีรชาติ และตัวแทนจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 2คนได้แก่ นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา นายปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา
ลงคะแนนคว่ำว่าที่กกต.ทั้ง7คน
จากนั้นที่ประชุมสนช.ได้สั่งให้ประชุมลับ เพื่อพิจารณารายงานลับของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 7 คน โดยใช้เวลากว่า 1ชั่วโมง กระทั่งเวลา 13.00น.เมื่อกลับมาเปิดประชุมอีกครั้ง โดยนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้สั่งให้สมาชิกสนช.ลงมติลับด้วยการเข้าคูหากาบัตรลงคะแนน ผลปรากฏว่าที่ประชุมสนช.ลงมติไม่เห็นความเห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 7 คน โดยนายฐากร ไม่เห็นชอบด้วยคะแนน 156 เห็นชอบ27 งดออกเสียง17 นายเรืองวิทย์ไม่เห็นชอบด้วยคะแนน 175 เห็นชอบ 10 งดออกเสียง 14 นางชมพรรณ์ ไม่เห็นชอบด้วยคะแนน 168 เห็นชอบ 16 งดออกเสียง 16 นายอิสสรีย์ ไม่เห็นชอบด้วยคะแนน 149 เห็นชอบ 30 งดออกเสียง21 นายประชา ไม่เห็นชอบด้วยคะแนน 125 เห็นชอบ57 งดออกเสียง86 นายฉัตรไชย ไม่เห็นชอบด้วยคะแนน 128 เห็นชอบ 46 งดออกเสียง 26 และนายปกรณ์ ไม่เห็นชอบด้วยคะแนน 130 เห็นชอบ 41 งดออกเสียง 29
ต้องสรรหาใหม่-หน้าเดิมห้ามจุ้น
ทั้งนี้ บุคคลทั้ง 7คนได้รับความเห็นชอบน้อยกว่ากึ่งหนึ่งจากสมาชิกสนช.ทั้งหมด หรือ124คน จากสมาชิกสนช.ทั้งหมด 248 คน ส่งผลให้ทั้ง7คนไม่ได้รับความเห็นชอบจากสนช.ให้ดำรงตำแหน่งกกต. ขั้นตอนต่อไปสนช.จะต้องรายงานการประชุมไปให้คณะกรรมการสรรหาและที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อดำเนินการสรรหาบุคคลมาให้สนช.ลงมติให้ความเห็นชอบใหม่อีกครั้ง โดยทั้ง 7คนดังกล่าวไม่สามารถกลับมาสมัครใหม่ได้ตามพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)พ.ศ.2560
ถกลับชะนักติดหลังเพียบทุกคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมลับมีการรายงานการตรวจสอบประวัติในเชิงลึกของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 7คน อย่างละเอียดพบว่า ทุกคนมีเรื่องถูกร้องเรียนหมด โดยนายเรืองวิทย์ ถูกสนช.รุมซักถามประวัติอย่างหนัก โดยเหตุผลที่สนช.ลงมติไม่เห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อทุกคน แม้ว่าทุกคนจะมีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากสนช.เห็นว่างานของกกต.ตามรัฐธรรมนูญใหม่มีภารกิจสำคัญเรื่องการเลือกตั้ง จึงอยากได้บุคคลมีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในการทำงาน โดยเฉพาะด้านที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งสมาชิกสนช.ส่วนมากยังไม่เชื่อมั่นในฝีมือของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 7คน ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของสาธารณชนและยังไม่เคยแสดงฝีมือการทำงานให้เป็นที่ประจักษ์
หวั่นยื่นตีความ2ตัวแทนศาลฎีกา
ขณะเดียวกันในส่วนของผู้ได้รับการเสนอชื่อจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 2คน อาจมีปัญหาเรื่องที่มาการสรรหาได้ดำเนินการถูกต้องหรือไม่ แม้สนช.จะได้รับหนังสือยืนยันจากศาลฎีกาว่า กระบวนการสรรหาดำเนินการอย่างถูกต้องแล้ว แต่สนช.เกรงว่า จะมีผู้ไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยขั้นตอนการสรรหาของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่า ดำเนินการอย่างถูกต้องหรือไม่ในภายหลัง ซึ่งจะเกิดความวุ่นวายตามมามากมาย ดังนั้นสนช.จึงอยากได้คนใหม่ที่ความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์และความตั้งใจที่ดีที่สุด จึงลงมติไม่เห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 7คน
ไม่เชื่อมั่นกระบวนการสรรหา
แหล่งข่าวจากสนช.เปิดเผยว่า สำหรับการลงคะแนนเลือก กกต.ทั้ง 7 คน ที่ผลออกมาเป็นการเซ็ตซีโร่ โดยที่ไม่มีใครได้รับการเห็นชอบของสนช.เลยนั้น เรื่องนี้เริ่มต้นจากบรรยากาศก่อนการประชุมสนช. มีการจับกลุ่มพูดคุยกันถึงการลงมติเลือก โดยมีกระแสข่าวสะพัดว่าให้ลงมติไม่เห็นชอบ 7ว่าที่กกต. โดยมีการถกกันประเด็นที่มีผู้ได้รับคัดเลือก 2คน ซึ่งมีปัญหาเรื่องที่มา ทำให้สนช. เกิดความไม่มั่นในใจการทำงานของคณะกรรมการสรรหา เพราะหากปล่อยผ่านคนที่มีปัญหา อาจทำให้ผู้สมัครคนอื่นถูกตั้งคำถามด้วยเช่นกันถึงคุณสมบัติ ดังนั้นจึงทำให้เป็นผลการลงคะแนนออกมาเป็นไม่มีใครได้รับความเห็นชอบ
‘การลงคะแนนของสมาชิกสนช.เป็นการตัดสินใจแบบกะทันหัน หลังจากที่มีการถกกันในการประชุมลับ ซึ่งการลงคะแนนแบบนี้ก็แสดงให้เห็นว่าสมาชิกสนช.ไม่มั่นใจในกรรมการสรรหา ไม่เชื่อมั่นในกรรมการสรรหา ไม่รู้ไปทำงานกันมาอย่างไร ถึงออกมาเป็นแบบนี้ได้” แหล่งข่าวระบุ
ใบสั่ง’คสช.’ให้คว่ำทิ้งทั้งหมด
ขณะที่ แหล่งข่าวจากสนช.อีกรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ยืนยันมีสัญญาณชัดจาก คสช.ให้คว่ำทั้ง 7คน โดย 2คนแรกที่สนช.ให้ความเป็นห่วงมาจากการสรรหาของศาลฎีกาที่ใช้วิธีลงคะแนนอย่างเปิดเผยถูกต้องหรือไม่ ขณะเดียวกันในส่วนการสรรหา 5คนจากกรรมการสรรหามีอยู่ 2-3คน ที่กังวลว่าจะทำงานไม่ได้เนื่องจากไม่มีประสบการณ์การทำงานด้านการเลือกตั้ง แต่ สนช.ก็ไม่สามารถเห็นชอบอีก 2คนที่เหลือ โดยหนึ่งคนที่แน่นอน คือ นายประชา เพราะไม่เช่นนั้นจะเป็นการไม่ให้เกียรติศาล จึงต้องคว่ำทั้งหมด 7 คน
‘เจตน์’ยันกกต.เก่ายังทำงานได้
ด้าน นพ.เจตน์ ศิรธารานนท์ สมาชิก สนช.กล่าวว่า การลงคะแนนเป็นผลมาจากการประชุมลับที่สมาชิกได้รับฟังการชี้แจงจากประธานและกรรมการสรรหาตรวจสอบประวัติ แต่เนื่องจากเป็นการประชุมลับจึงไม่สามารถบอกได้ว่าเนื้อหาการประชุมลับเป็นอย่างไร แต่หลังจากที่ฟังแล้วก็อาจจะมีสมาชิกที่ตัดสินใจรับรองและไม่รับรอง แต่หัวใจของเรื่องนี้ก็คือ แม้จะไม่ได้กกต.ทั้ง 7คนนี้ ก็ไม่มีผลต่อโรดแมปการเลือกตั้ง กกต.ชุดเก่ายังทำหน้าที่ต่อไป สามารถที่จะจัดการเลือกตั้ง หรือทำกฎหมาย ซึ่งกกต.ชุดเก่าก็จะทำหน้าที่ไปจนกว่าจะมี กกต.ชุดใหม่
‘พรเพชร’เผยสรรหาใหม่ใน90วัน
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.และกรรมการสรรหาบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต). แถลงหลังสนช.มีมติไม่เห็นชอบกับบุคคลที่ผ่านการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งกกต.จำนวน 7 คนว่า หลังจากนี้ต้องสรรหากกต.ทั้ง 7คนใหม่ โดยเลขาธิการวุฒิสภาจะส่งหนังสือไปยังประธานศาลฎีกาในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาและเพื่อดำเนินการสรรหาใหม่ทั้งในขั้นตอนของการสรรหา ขณะเดียวกันขอให้มั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อการเลือกตั้งอย่างแน่นอน เนื่องจากกกต.ชุดปัจจุบันยังสามารถดำรงตำแหน่งได้อยู่เมื่อถามว่า การสรรหาครั้งหน้าคณะกรรมการสรรหาจะใช้วิธีการเชิญบุคคลที่มีคุณสมบัติตามกฎหมายมาสมัครหรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่า ยอมรับตรงๆว่ายังไม่กล้าแต่จะใช้วิธีการเชิญชวนกลุ่มบุคคลที่มีคุณสมบัติแทน
‘วิษณุ’แจงปลดล็อคก่อนกันยายน
ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการปลดล็อกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ให้ดำเนินกิจการทางการเมืองและคำสั่งที่ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ว่า ตามที่ตนให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 21กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาไม่ได้บอกว่าจะปลดล็อกในเดือนมิถุนายน นี้ แต่ตนบอกว่าเดือนมิถุนายน จะทราบว่ามีการปลดล็อกเมื่อใด เพราะรู้วันเลือกตั้งระดับชาติแล้ว ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวจะมีการตกลงกัน เพื่อเตรียมปลดล็อก แต่ไม่ใช่ปลดล็อกเดือนมิถุนายนและเมื่อทราบทั้งวันเลือกตั้งระดับชาติและวันเลือกตั้งท้องถิ่นแล้ว ก็ต้องปลดล็อกให้อยู่แล้ว เพื่อให้ประชุมกรรมการบริหารพรรคการเมือง (กก.บห.)และดำเนินการหาเสียงได้ ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะปลดล็อกคำสั่งคสช.ทั้ง 2ฉบับ ก่อนเดือนกันยายนนี้ แต่ต้องมีพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งออกมาก่อนจึงจะดำเนินการหาเสียงได้
จัดเลือกตั้งท้องถิ่นปี61แน่นอน
นายวิษณุ กล่าวต่อว่า ข้อสำคัญที่ตนใช้คำว่าเดือนมิถุนายน คือ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พรป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และพรป.การได้มาซึ่งสว.ควรจะต้องประกาศใช้แล้วด้วย อย่างไรก็ตาม คาดว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นจะมีขึ้นบางระดับก่อนในปี2561 แต่การเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตนยังไม่เห็นว่าจะเกิดขึ้นได้ ส่วนองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่ใดจำนวนสมาชิกและเขตพื้นที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็จะจัดการเลือกตั้งได้ ไม่ยุ่งยากอะไร แต่ถ้าเขตเลือกตั้งเปลี่ยนทำให้รายชื่อประชาชนมีการเคลื่อนย้ายจนเกิดความยุ่งยาก ก็ต้องให้กกต.ชุดใหม่เป็นคนแบ่งเขต
ไม่ยืนยันกาบัตรสส.กุมภาพันธ์62
เมื่อถามว่าท้องถิ่นบางแห่งที่มีความพร้อมสามารถจัดการเลือกตั้งในเดือนสิงหาคมนี้ได้เลยใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ผมไม่ได้ตอบ นั่น นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการกกต.เป็นคนพูด โหรสมชัยดูฤกษ์ ถ้าให้ผมพูดตามใจผมปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ กกต.จะส่งร่างกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นมายังรัฐบาล เมื่อเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็จะส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาในเดือนมีนาคม จากนั้นเดือน เมษายน จะส่งเข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีเวลาพิจารณา 2เดือน จนถึงเดือนพฤษภาคม จึงนำขึ้นทูลเกล้าฯใช้เวลา 3เดือน ซึ่งจะครบในเดือนสิงหาคม เมื่อกฎหมายประกาศใช้ต้องจัดการเลือกตั้ง โดยให้เวลาอย่างน้อย 45วัน วันที่46 สามารถเลือกตั้ง โดยจะครบกำหนดกลางเดือนตุลาคม แต่ถ้าช่วงเวลาดังกล่าวใกล้กับวันเลือกตั้งระดับชาติก็ต้องมีการปรับ ส่วนหากไม่มีการคว่ำกฎหมายเลือกตั้ง สส.และสว.จะทำให้โรดแมปนิ่งและมีการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์2562 ใช่หรือไม่นั้น ใช่โรดแมปจะนิ่ง แต่ตนไม่ขอตอบว่าเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์2562
ไม่เห็นหนังสือจี้’บิ๊กป้อม’ไขก๊อก
นายวิษณุ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายต่อตระกูล ยมนาค ประธานอนุกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ด้านการป้องกันการทุจริต ในคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน คตช.แสดงความกังวลกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ถูกตรวจสอบเรื่องนาฬิกาหรู ว่า ไม่เห็นตัวหนังสือ เห็นจากหนังสือพิมพ์ ซึ่งนายต่อตระกูล มีสิทธิที่จะพูด เพราะเป็นคนพูดตรงไปตรงไปทุกรัฐบาลอยู่แล้ว เมื่อถามถึงการจะลาออกหรือไม่ลาออกจาก คตช.ขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประวิตร ใช่หรือไม่ รองนายกฯกล่าวว่า คำว่าลาออกอยู่ที่เจ้าตัว คำว่าให้ออกอยู่ที่คนอื่น
ปปช.เล็งให้ข่าวนาฬิกาถี่ยิ่งขึ้น
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) กล่าวถึงกรณีที่ ปปช.ได้ส่งหนังสือกลับไปยังพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เรื่องนาฬิกาหรู ว่า เรื่องดังกล่าวสามารถทำได้ เพราะเท่าที่พล.อ.ประวิตรรายงานเบื้องต้นมาคือการซักถามไปมันยังไม่ละเอียดพอ เลขาธิการปปช.จึงให้เจ้าหน้าที่ทำให้ละเอียด เพื่อให้การตอบกลับมามีความชัดเจนเป็นประเด็นๆได้ครบถ้วนตามรายละเอียดที่มีการแจ้งข้อมูลของนาฬิกาแต่ละเรือน
‘บิ๊กป้อม’ปิดปากนาฬิกาตามเคย
สำหรับความเคลื่อนของพล.อ.ประวิตร ยังเดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่กระทรวงกลาโหม(กห.) เพื่อต้อนรับนายเหวียน หาย บั่ง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทย และนาย แสง สุขะทิวง เอกอัครราชทูตสปป.ลาว เข้าพบเนื่องในโอกาสเข้ารับหน้าที่ใหม่ ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร ยังคงไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเช่นเดิม
กห.แจงจะพูดเรื่องเนื้องานเท่านั้น
ด้านพล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ช่วงนี้พล.อ.ประวิตรจะลดการให้สัมภาษณ์ลงเพื่อไม่ให้นำไปขยายผลตีความให้เกิดเป็นประเด็น แต่จะพูดเฉพาะกี่ยวกับเนื้องาน รวมถึงการขับเคลื่อนงานตามนโยบายรัฐบาลในการดูแลความมั่นคงและการรักษาความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้วันที่ 26กุมภาพันธ์ มีการประชุมสภากลาโหมที่มีพล.อ.ประวิตรเป็นประธานการประชุมตามปกติ
‘พิชัย’เจอเรียกปรับทัศนคติหนที่10
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย(พท.) เปิดเผยว่า ตนได้รับหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจลงวันที่ 20กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ให้เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันที่ 15มีนาคม ข้อหาฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตามประกาศ คสช.ฉบับวันที่39/2557 ผู้กล่าวหาคือพ.อ.วิจารณ์ จดแดง ทั้งนี้ ยังไม่ทราบว่าถูกกล่าวหาในรายละเอียดอย่างไร โดยครั้งนี้เป็นการเรียกครั้งที่10 ซึ่ง8ครั้งแรกเป็นการเรียกปรับทัศนคติ โดยในครั้งที่7 ถูกกักตัวอยู่ 7วัน อย่างไรก็ตาม ตนได้แสดงความคิดเห็นสะท้อนความเดือดร้อนของประชาชนทางเศรษฐกิจมาโดยตลอดและให้ข้อคิดและคำแนะนำกับคสช.ในการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี