สนช.ปูดใบสั่ง คสช. ฉีกหน้า 7 ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็น กกต. สั่งล้มกระดานสรรหาใหม่หมด ปมห่วงที่มา 2 ผู้แทนศาลฎีกาไม่ถูกต้อง แถมอีก 3 รายมือไม่ถึง กลัวทำงานไม่ได้ เลยตัดสินใจโละหมดนาทีสุดท้าย “สมชัย” ยันไม่กระทบโรดแมปเลือกตั้ง แต่เดือน ก.ค. อาจป่วน เพราะ กกต.ชุดเก่าต้องพ้นเก้าอี้ 1 ราย
เมื่อเวลา 11.35 น. วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (ก.ก.ต.) จำนวน 7 คน ประกอบด้วยบุคคลที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหา 5 คน ได้แก่ นายประชา เตรัตน์ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย, นายเรืองวิทย์ เกษสุวรรณ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ, นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.), นายอิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ และ นางชมพรรณ์ พงษ์เจริญ สุธีรชาติ หัวหน้าสำนักงานกฎหมายสุธีรชาติ ส่วนอีก 2 รายเป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ได้แก่ นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และ นายปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา
สนช.โหวตล้มกระดานสรรหา7กกต.
โดยที่ประชุม สนช. ได้สั่งให้มีการประชุมลับ เพื่อพิจารณารายงานการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 7 คน โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง กระทั่งเวลา 13.00 น. ที่ประชุมจึงได้เปิดให้ลงมติโดยเป็นการลงมติลับด้วยการเข้าคูหากาบัตรลงคะแนน ผลปรากฏว่า ที่ประชุมมีมติไม่ให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 7 ราย ด้วยคะแนนเสียงที่ท่วมท้น ดังนี้
ผงะ!เปิดผลคะแนนยิ่งกว่าสอบตก
นายฐากร ไม่เห็นชอบด้วยคะแนน 156 เห็นชอบ 27 งดออกเสียง 17, นายเรืองวิทย์ ไม่เห็นชอบด้วยคะแนน 175 เห็นชอบ 10 งดออกเสียง 14, นางชมพรรณ์ ไม่เห็นชอบด้วยคะแนน 168 เห็นชอบ 16 งดออกเสียง 16, นายอิสสรีย์ ไม่เห็นชอบด้วยคะแนน 149 เห็นชอบ 30 งดออกเสียง 21, นายประชา ไม่เห็นชอบด้วยคะแนน 125 เห็นชอบ 57 งดออกเสียง 86, นายฉัตรไชย ไม่เห็นชอบด้วยคะแนน 128 เห็นชอบ 46 งดออกเสียง 26 และ นายปกรณ์ ไม่เห็นชอบด้วยคะแนน 130 เห็นชอบ 41 งดออกเสียง 29
ประวัติศาสตร์คว่ำยกชุด-อดสมัครใหม่
ทั้งนี้การที่ สนช. ไม่ให้ความเห็นชอบผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อไปเป็นกรรมการขององค์กรอิสระ ถือเป็นครั้งแรกที่โหวตคว่ำยกชุด โดยขั้นตอนต่อไป สนช. จะต้องรายงานการประชุมไปให้คณะกรรมการสรรหาและที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อดำเนินการสรรหาบุคคลมาให้ สนช. ลงมติให้ความเห็นชอบใหม่อีกครั้ง ขณะที่ทั้ง 7 คนดังกล่าว จะไม่สามารถกลับมาสมัครใหม่ได้ตาม พ.ร.ป.กกต. ฉบับใหม่
แฉเบื้องหลังไม่เชื่อมือจัดเลือกตั้งได้
รายงานข่าวระบุด้วยว่า สาเหตุที่ สนช. มีมติไม่ให้ชอบหมดทุกคน แม้ทั้ง 7 คนจะมีคุณสมบัติครบตามรัฐธรรมนูญ แต่เนื่องจาก สนช. เห็นว่า งานของกกต.ตามรัฐธรรมนูญใหม่ มีภารกิจสำคัญเรื่องการเลือกตั้ง จึงอยากได้บุคคลที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการทำงาน ซึ่งสมาชิก สนช. ส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อมั่นในฝีมือของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 7 คน ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของสาธารณชน และยังไม่เคยแสดงฝีมือการทำงานให้เป็นที่ประจักษ์
ห่วงที่มา2ตัวแทนศาลฎีกามีปัญหา
ขณะเดียวกันในส่วนของผู้ได้รับการเสนอชื่อจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 2 คน อาจมีปัญหาเรื่องที่มาการสรรหาว่ามีการดำเนินการอย่างถูกต้องหรือไม่ แม้สนช.จะได้รับหนังสือยืนยันจากศาลฎีกาว่า กระบวนการสรรหาดำเนินการอย่างถูกต้อง แต่สนช.เกรงว่า จะมีผู้ไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยขั้นตอนการสรรหาของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาในภายหลัง ซึ่งจะเกิดความวุ่นวายตามมามากมาย
ดังนั้นสนช.จึงอยากได้คนใหม่ที่ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และความตั้งใจที่ดีที่สุด จึงลงมติไม่เห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 7 คน
จับกลุ่มรุมจวกยับ“กรรมการสรรหา”ห่วย
“การลงคะแนนของสมาชิกสนช. เป็นการตัดสินใจแบบกะทันหัน หลังจากที่มีการถกกันในการประชุมลับ ซึ่งการลงคะแนนแบบนี้ก็แสดงให้เห็นว่าสมาชิกสนช. ไม่มั่นใจในกรรมการสรรหา ไม่เชื่อมั่นในกรรมการสรรหา ไม่รู้ไปทำงานกันมาอย่างไร ถึงออกมาเป็นแบบนี้ได้” แหล่งข่าวระบุ
ยอมรับมีใบสั่งคสช.ล้างไพ่เลือกใหม่
ขณะที่แหล่งข่าวจากสนช. อีกรายหนึ่ง ยอมรับว่า มีสัญญาณชัดจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้คว่ำการสรรหาทั้ง 7 คนจริง เพราะ 2 เหตุผล คือ 1.ตัวแทนจากศาลฎีกา 2 คน มาจากการสรรหาโดยใช้วิธีการลงคะแนนอย่างเปิดเผยถูกต้องหรอืไม่ และ 2.มีความกังวลว่าผู้ได้รับการเสนอชื่อประมาณ 2-3 คน อาจทำงานไม่ได้ เพราะไม่มีประสบการณ์ด้านการเลือกตั้ง
แต่ขณะเดียวกันฝ่าย สนช. เอง ก็ไม่สามารถให้ความเห็นชอบอีก 2 คนที่เหลือได้ และเกรงจะถูกมองว่าไม่ให้เกียรติศาล จึงมีความเห็นว่าต้องคว่ำให้หมดทั้ง 7 คน
วางกรอบสรรหาใหม่90วัน
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. และกรรมการสรรหาบุคคลผู้ดำรงตำแหน่ง กกต. แถลงหลังการลงมติของ สนช. ว่า หลังจากนี้จะต้องดำเนินการสรรหากกต.ทั้ง 7 คนใหม่ โดยเลขาธิการวุฒิสภาจะส่งหนังสือไปยังประธานศาลฎีกาในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหา เพื่อดำเนินการสรรหาใหม่ทั้งในขั้นตอนของการสรรหาโดยคณะกรรมการสรรหา และที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ซึ่งจะต้องดำเนินการสรรหาใหม่ให้เสร็จภายในกรอบเวลา 90 วัน และขอให้มั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อการเลือกตั้งอย่างแน่นอน เนื่องจากกกต.ชุดปัจจุบันยังสามารถดำรงตำแหน่งได้อยู่
กกต.จี้เคลียร์ให้ชัดใครมีปัญหาอะไร
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. กล่าวว่า สนช.ควรมีคำอธิบายว่าผู้สมัครทั้ง 7 คน มีปัญหาเรื่องใด จะได้เป็นประโยชน์ต่อคณะกรรมการสรรหาและที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ที่จะต้องดำเนินกระบวนการสรรหาใหม่ เพื่อที่จะได้รู้ว่ามีจุดอ่อนใด เพราะถ้าไม่มีเหตุผลเลยก็จะเป็นปัญหาต่อกระบวรการสรรหาในครั้งหน้าได้
สรรหาใหม่ครึ่งปี-ชุดเก่าหมดวาระอีก1
อย่างไรก็ตามการสรรหาใหม่คงต้องใช้เวลา 5-6 เดือน กว่าจะมี กกต.ใหม่ แต่ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดผลกระทบใดต่อโร๊ตแมปการเลือกตั้ง เพราะ กกต.ชุดปัจจุบันยังคงทำหน้าที่ต่อไป ยกเว้นว่าจะมี กกต.ลาออก 2 คน ซึ่งจะทำให้เหลือองค์ประชุมแค่ 3 คน ซึ่งจะไม่สามารถพิจารณเรื่องสำคัญต่างๆได้ ประกอบกับในเดือนกรกฎาคมนี้ นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.จะมีอายุครบ 70 ปี ซึ่งตามรัฐธรรมนูญจะต้องพ้นจากตำแหน่งทันที เว้นแต่มีคำสั่ง คสช.ให้อยู่ปฎิบัติหน้าที่ต้่องไป เหมือนที่ คสช.มีคำสั่งให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดที่ครบวาระไปแล้ว อยู่ดำรงตำแหน่งต่อไปจนว่าจะมีชุดใหม่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่า คสช.จะมีความเห็นอย่างไร และไม่สามาถยืนยันได้ว่าจะมี กกต.คนใดลาออกหรือไม่
คาดอาจกระทบเลือกตั้งท้องถิ่น
"ถ้านับไป 6 เดือนจากนี้ก็จะเป็นช่วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งก็จะล้ำเข้าไปในโซนของการเลือกตั้งท้องถิ่น ถ้ามีจริงอย่างที่รัฐบาลตั้งใจจะให้มีขึ้น ซึ่งก็จะค่อนข้างมีปัญหา เพราะการรับมอบงานอาจไม่ราบรื่น ขณะเดียวกัน กกต.ชุดปัจจุบันก็อาจจะต้องคิดหนัก ว่าการที่ตัวเองต้องเข้าไปรับผิดชอบการเลือกตั้งท้องถิ่นจะเหมาะสมหรือไม่ เพราะไมได้เป็นตัวจริง แล้วถ้าพิจารณาเรื่องร้องเรียนไปจนเกิดเป็นปัญหาคดีความที่ต้องไปขึ้นศาลในฐานะส่วนบุคคล เมื่อพ้นจากตำแหน่ง จะรับไหวหรือไม่ เพราะไม่ใช่เรื่องสนุกของคนทำงาน ที่เมื่อออกจากงานแล้วต้องไปขึ้นศาลในนามของบุคคล” นายสมชัยกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี