เพื่อไทยคล้อยตามบิ๊กตู่
ทําฉันทานุมัติ
ร่วมกำหนดวันเลือกตั้ง
มาร์คเมินสุเทพตั้งพรรค
เปิดทางสมาชิกตามสบาย
นิด้าชี้ผลงานรบ.3ปี6เดือน
ทำงานดี-‘วิษณุ’เนื้อหอม
นิด้าโพลเผยปชช.มอง 3 ปี 6 เดือน รัฐบาล “บิ๊กตู่” ยังทำงานได้ดี ประทับใจการทำงาน “วิษณุ-สมคิด-บิ๊กป๊อก” พรรคเพื่อไทยชงรัฐบาลทำฉันทานุมัติกำหนดวันเลือกตั้งร่วมกัน พร้อมเสนอยกเลิกคำสั่งห้ามเคลื่อนไหว ในขณะที่ “อภิสิทธิ์” ไม่ห่วง “เทพเทือก” ตั้งพรรคใหม่ดูดสมาชิกพรรคไปหนุนบิ๊กตู่ นายกฯคนใหม่
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพลล์” ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “3 ปี 6 เดือน ของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ระหว่างวันที่ 19-21 ก.พ.2561 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน 1,250 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความพึงพอใจต่อการทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในการดำรงตำแหน่งครบ 3 ปี 6 เดือน ซึ่งผลสำรวจพบว่า ประชาชน ร้อยละ 20.16 ระบุว่า ทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ดีมาก เพราะมีการแก้ไขปรับเปลี่ยนระบบการบริหารงานได้ดี มีความเด็ดขาดในการทำงาน มีความโปร่งใส ส่วนร้อยละ 19.68 ระบุว่า ทำงานได้ไม่ค่อยดี เพราะการทำงานยังมีจุดบกพร่อง คือรัฐบาลไม่รับฟังความคิดเห็นของประชาชน และมีการปกป้องพวกพ้องการบริหารงานต่าง ๆ ล่าช้า ไม่สามารถทำตาม โรดแม็พได้
บอกรัฐบาลบิ๊กตู่ทำงานได้ดี
เมื่อถามถึงลักษณะการทำงานในรอบ 3 ปี 6 เดือน ของพล.อ.ประยุทธ์ ในด้านต่าง ๆ พบว่าด้านอุดมการณ์ในการทำงานประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 71.60 ระบุว่า มีอุดมการณ์และความตั้งใจทำงานเพื่อชาติและประชาชน รองลงมา ร้อยละ 24.24 ระบุว่า ไม่มีอุดมการณ์ คิดแต่จะทำงานเพื่อรักษาอำนาจของตนเองและ คสช. เท่านั้น ด้านความโปร่งใส ตรวจสอบได้ในการทำงานนั้น พบว่า ร้อยละ 55.28 ระบุว่า การทำงานมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ขณะที่ ร้อยละ 32.40 ระบุว่า การทำงานไม่มีความโปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจในเดือนส.ค.2560 พบว่า มีสัดส่วนของผู้ที่ระบุว่า การทำงานมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ลดลง
ประทับใจ”วิษณุ-สมคิด”
ส่วนความประทับใจในการทำงานของครม. รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ 5 อันดับแรก พบว่า อันดับ 1 ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 39.68 ระบุว่า ประทับใจในการทำงานของ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี รองลงมา อันดับ 2 ร้อยละ 38.72 ระบุว่าเป็น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี อันดับ 3 ร้อยละ 36.24 ระบุว่าเป็น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย อันดับ 4 ร้อยละ 34.56 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน และร้อยละ 34.48 ระบุว่าเป็น พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรม ซึ่งเมื่อเทียบกับกับผลสำรวจเมื่อปี 60ที่ผ่านมาพบว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหมได้รับคะแนนความประทับใจในการทำงานเป็นอันดับหนึ่ง
ค้านตั้งพรรคใหม่หนุนบิ๊กตู่
ด้านมหาวิทยาลัยสวนดุสิตเจ้าของ’สวนดุสิตโพลลล์’ได้เปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,185คน ช่วงวันที่ 21-24 ก.พ.นี้ หัวข้อ “พรรคการเมืองใหม่ในสายตาประชาชน” เนื่องจากมีกระแสข่าวการตั้งพรรคการเมืองใหม่ ส่งผลให้บรรยากาศทางการเมืองไทยคึกคัก โดยเฉพาะการจัดตั้งพรรคใหม่ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ถูกจับตาและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ซึ่งผลสำรวจ พบว่า ประชาชน ร้อยละ53.87 ไม่รู้ว่าจะมีการตั้งพรรคการเมืองใหม่ เนื่องจากไม่ได้ติดตามข่าวสารการเมือง ร้อยละ 46.13 รู้ เพราะอยากรู้ความคืบหน้า ติดตามข่าวเป็นประจำ
ขณะที่ ร้อยละ 58.95 ไม่เห็นด้วย หากมีการตั้งพรรคใหม่ เพื่อสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะพรรคการเมืองควรเป็นอิสระ เป็นกลาง มีนโยบายชัดเจน เน้นทำเพื่อประชาชน พัฒนาบ้านเมือง ไม่ควรสนับสนุนใคร ที่เป็นการสืบทอดอำนาจ ส่วนร้อยละ 35.37 เห็นด้วย เพราะเป็นสิทธิที่ทำได้ ทำให้มีพรรคใหม่ๆตัวเลือกมากขึ้น
พรรคเทพเทือกเป็นทางเลือกใหม่
ส่วนประชาชนคิดอย่างไรกับการที่มีการจัดตั้งพรรคมวลมหาประชาชน ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นั้น ประชาชนร้อยละ 45.69 เห็นว่าเป็นทางเลือกให้กับประชาชาชน ขณะที่ร้อยละ 38.25 มองว่า กระทบกับฐานเสียงพรรคประชาธิปัตย์
เมื่อถามว่าการจัดตั้งพรรคใหม่มีผลต่อการเมืองไทยอย่างไร พบว่าประชาชนร้อยละ 48.88 มองว่าเป็นการเพิ่มสีสันทางการเมือง บรรยากาศคึกคัก ร้อยละ 41.38 มีพรรคเพิ่มมากขึ้น หลายหลาย ประชาชนมีตัวเลือก และร้อยละ 35.23 มองว่า เกิดการแข่งขัน นำสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง อย่างไรก็ตามการตั้งพรรคการเมืองใหม่ ไม่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกส.ส.เพราะอยู่ที่นโยบายพรรคและตัวผู้สมัคร
ทำฉันทานุมัติกำหนดเลือกตั้ง
นายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองยังอึมครึม ต่างฝ่ายต่างยึดแนวคิดของตน ยังจูนกันไม่ค่อยติด แต่เชื่อว่ายังมีทางออกของประเทศที่เกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่ายวินวิน คือ 1.เปิดให้ประชาชนและพรรคการเมืองเข้ามามีส่วนร่วมในทางการเมืองมากขึ้น โดยการยกเลิกคำสั่งคสช.ที่ห้ามคนชุมนุมตั้งแต่ 5 คน และยกเลิกคำสั่งคสช.ที่ห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรม 2.คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)และรัฐบาลควรสร้างความชัดเจนทางการเมืองให้เกิดขึ้น เนื่องจากมีการเลื่อนโรดแม็พซ้ำๆ จนคนไม่เชื่อ ไม่ไว้วางใจ และเสนอให้รัฐบาลและคสช.สร้างฉันทานุมัติ 2561 ร่วมกันของฝ่ายต่างๆ ว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อใด การปล่อยให้กำหนดการเลือกตั้งคลุมเครือต่อไปไม่เป็นผลดีต่อใคร แม้แต่ รัฐบาลและคสช.เอง
และ3.เหตุผลของการรัฐประหารเรื่องหนึ่งคือ เพื่อสร้างความรักความสามัคคีในชาติ แต่ขณะนี้ยังไม่สำเร็จ ดังนั้นประเทศยังมีทางออกที่ดี ง่ายและตรง อยู่ที่ผู้มีอำนาจจะทำหรือไม่ การคุ้มครองสิทธิเป็นการแสดงออกที่เข้มแข็ง ไม่ใช่อ่อนแอ การทำให้บ้านเมืองกลับมาเป็นปกติสุขและสร้างความชัดเจนทางการเมือง ทุกคนมีแต่ได้
ก่อนหน้านี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.กล่าวว่าในอนาคตจะนัดทุกพรรคการเมืองเพื่อร่วมกันกำหนดวันเลือกตั้งเพื่อเดินหน้าประเทศไทย และถือเป็นวาระแห่งชาติ
‘มาร์ค’ ไม่กังวล สุเทพ ตั้งพรรค
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย มีแนวคิดที่จะจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปว่า นายสุเทพได้ประกาศลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไปนานแล้ว
และไม่มีความกังวลว่ากรณีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อสมาชิกพรรคที่ยังมีบางส่วนศรัทธาในตัวนายสุเทพ เพราะถือเป็นสิทธิของแต่ละคนที่จะตัดสินใจจะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อหรือไม่ ส่วนพรรคของนายสุเทพมีอุดมการณ์สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ถือว่าตรงกับอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์หรือไม่นั้น อุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องสนับสนุนหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
“สมชัย”แถลงตัดสินใจ26กพ.
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ปฎิเสธข่าวลาออกจากตำแหน่งกกต.และว่าไม่ใช่ทางออก
“วันที่ 26กุมภาพันธ์ เวลา 14.00น.ที่ผมบอกว่าจะแจ้งผลการตัดสินใจบางอย่างต่อผู้สื่อข่าวนั้น เป็นเรื่องการตัดสินใจส่วนตัว ไม่ใช่มติ กกต.และไม่ใช่เรื่องลาออก แต่เป็นการตัดสินใจเพื่อให้เกิดผลที่ดีที่สุดแก่ทุกฝ่ายและน่าจะทำให้การส่งต่องานระหว่างกกต.ชุดใหม่และชุดเก่า ไม่ว่าจะมาเมื่อใด หรือเข้าใกล้การเลือกตั้งเพียงใด จะช่วยให้การส่งมอบงานมีความราบรื่นมากขึ้น’ นายสมชัย กล่าว
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวอย่างไม่เป็นทางการว่า นายสมชัยน่าจะตัดสินใจลงสมัครรับคัดเลือกเป็นเลขาธิการกกต. เป็นการยอมลดตำแหน่งตนเองไปสู่ตำแหน่งหัวหน้าสำนักงาน ภายใต้การบังคับบัญชาของกกต.ที่เหลือ ซึ่งสามารถเป็นตัวเชื่อมระหว่างกกต.ใหม่และกกต.เก่า แต่ก็ขึ้นอยู่ว่ากกต.อีก 4คนที่เหลือจะตัดสินใจเลือกหรือไม่ เรื่องนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี