ปัดฝุ่นคดีเอื้อ‘ชินคอร์ป’
หมายจับ‘แม้ว’
ศาลฎีกาสั่งอัยการล่าจำเลย
อีก3สำนวนจ่อเข้าคิวเชือด
บิ๊กตู่แทงกั๊กนายกคนนอก
อ้างยังไม่มีใครมาเทียบเชิญ
ศาลฎีกานักการเมืองออกหมายจับอีก “แม้ว” เบี้ยวฟังคดีแปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคม ระบุ ไม่มาถือว่าจำเลยปฏิเสธฟ้องโจทก์ นัดตรวจพยานหลักฐาน10 กรกฎาคมนี้ นอกจากนี้ยังมีอีก3สำนวนจ่อคิวพิจารณา ขณะที่กลุ่มหมอ-นักวิชาการ ยื่นตั้งพรรค’ไทยธรรม’ จุดยืนไม่รีบเลือกตั้ง แต่พร้อมหนุนบิ๊กตู่ เป็นนายกฯ ขณะที่ประยุทธ์แทงกั๊กบอกยังไม่มีใครทาบทามนั่งนายกฯต่อ
ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศูนย์ราชการ ฯ ถ.แจ้งวัฒนะ เวลา 09.30 น. วันที่ 6 มี.ค.61 นายไพโรจน์ วายุภาพ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวน พร้อมด้วยองค์คณะผู้พิพากษา 9 คนคดีแปลงสัมปทานกิจการโทรคมนาคม คดีหมายเลขดำ อม.9/2551 ได้ออกบัลลังก์นั่งพิจารณาคดีครั้งแรก ภายหลังนายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด (อสส.)โจทก์ มอบอำนาจให้อัยการสำนักงานคดีพิเศษยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 21 พ.ย.60 ขอให้ศาลฎีกาฯ พิจารณานำคดีที่ได้ยื่นฟ้อง “นายทักษิณ ชินวัตร” อายุ 69 ปี อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 เป็นจำเลยตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.51 ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่รับสัมปทาน หรือเข้าเป็นคู่สัญญาในลักษณะดังกล่าว, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อประโยชน์สำหรับตัวเอง หรือผู้อื่น , เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152,157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4 ,100 ,122
กรณีการแปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคม เป็นภาษีสรรพาสามิต ด้วยการตราพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพาสามิต ( พ.ศ.2527) พ.ศ.2546 เอื้อประโยชน์ธุรกิจบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำให้รัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท เมื่อปี 2551
เปิดคดี’แม้ว’ตามพรบ.ฉบับใหม่
คดีนี้เคยถูกจำหน่ายออกจากสารบบความชั่วคราวเพราะจำเลยหลบหนีคดี และศาลฎีกาฯออกหมายจับตามขั้นตอนไปแล้ว ขึ้นมาพิจารณาต่อไป ตามกระบวนพิจารณา มาตรา 28 พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (วิ. อม.) ฉบับใหม่ พ.ศ.2560 ที่มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งบัญญัติว่า เมื่อสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทราบโดยชอบแล้วจำเลยไม่มาศาลและได้ออกหมายจับแล้ว ถ้าไม่สามารถจับจำเลยได้ภายใน 3 เดือนนับแต่ออกหมายจับ ให้ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีได้โดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลย แต่ไม่ตัดสิทธิจำเลยที่จะตั้งทนายความมาดำเนินการแทนตนได้ และไม่ตัดสิทธิจำเลยที่จะมาต่อสู้คดีเมื่อใดก็ได้ ก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา
โดยองค์คณะ 9 คนซึ่งประกอบด้วย นางอุบลรัตน์ ลุยวิกกัย รองประธานศาลฎีกา 1 , นายธนสิทธิ์ นิลกำแหง รองประธานศาลฎีกา คนที่ 2 , นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ รองประธานศาลฎีกา คนที่ 3 , นายโสภณ โรจน์อนนท์ รองประธานศาลฎีกาคนที่ 4 , นายวิชัย เอื้ออังคณากุล รองประธานศาลฎีกาคนที่ 5 ,นายพิศล พิรุณ ประธานแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา , นายไพโรจน์ วายุภาพ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานศาลฎีกา, นายประทีป เฉลิมภัทรกุล ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา , นายดิเรก อิงคนินันท์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานศาลฎีกา
‘ทักษิณ’ไม่โผล่-โดนหมายจับ
เมื่อถึงเวลานัด อัยการโจทก์ เดินทางมาศาล ขณะที่ฝ่ายจำเลยไม่มีผู้ใดมาศาล ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นัดพิจารณาคดีครั้งแรกอัยการโจทก์มาศาล โดยโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องในวันนี้ ส่วนจำเลยทราบนัดโดยชอบ แต่ไม่เดินทางมาและไม่แจ้งเหตุขัดข้องหรือขอเลื่อนนัดพิจารณาคดี จึงให้ออกหมายจับจำเลย โดยให้อัยการ โจทก์ติดตามดำเนินการจับกุมจำเลยและรายงานให้ศาลทราบทุกๆ 1 เดือน ทั้งนี้ จำเลยไม่เดินทางมาถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธไม่ได้กระทำผิดตามคำฟ้องโจทก์ จึงนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 10 ก.ค.นี้. เวลา 9.30 น. และให้แจ้งนัดให้จำเลยทราบตามที่อยู่ทะเบียนราษฎร์ที่แจ้งไว้ย่านจรัญสนิทวงศ์ หากไม่มีผู้รับให้ติดหมายนัดที่บ้านพักจำเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหมายจับให้มาฟังพิจารณาคดีที่ศาลออกให้วันนี้ เป็นหมายจับที่ออกใหม่ เนื่องจากเป็นการเริ่มเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีตามกฎหมายใหม่ โดยที่หมายจับใบเดิมในคดีนี้ศาลยังไม่ได้มีคำสั่งยกเลิกและยังไม่ถือว่าหมดอายุความ นอกจากคดีดังกล่าวแล้ว ยังมีคดีที่อสส.และป.ป.ช. ในฐานะโจทก์ยื่นฟ้องคดี และยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีลับหลังจำเลยตามวิ.อม.ใหม่ อีก 3 สำนวน ประกอบด้วย คดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย, คดีทุจริตการปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์ และคดีหวยบนดิน.
ตั้งพรรคไทยธรรมหนุนบิ๊กตู่
วันเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง( กกต.) ว่าถือ เป็นวันที่สามของการแจ้งเปิดให้กลุ่มการเมืองเข้าจดจองชื่อเพื่อการเตรียมจัดตั้งพรรคการเมืองโดยช่วงเช้าวันนี้มีกลุ่มไทยธรรม มายื่นจดแจ้ง เป็นพรรคที่ 45
นายอโณทัย ดวงดารา ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยธรรม กล่าวว่า เราในฐานะพรรคน้องใหม่ ที่ประกอบด้วยหมอและนักวิชาการรวมถึงนายทหาร มั่นใจว่าจะได้ที่นั่ง ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรอย่างน้อย 3 คน จากฐานเสียงเครือข่ายที่เข้าร่วมสนับสนุน รวมถึงเสียงจากคนรุ่นใหม่ และพร้อมที่จะสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
กระนั้นก็ตามเรา ไม่รีบร้อนจัดการเลือกตั้ง และอยากให้สถานการณ์บ้านเมืองเรียบร้อยตามระบบครรลองประชาธิปไตยก่อน
ชม”บิ๊กตู่”มีผลงานเพียบ
นายอโณทัย ยังกล่าวย้ำว่า พร้อมเสนอชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เข้าเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุผลจากผลงานบริหารประเทศของ รัฐบาล คสช. เช่น ยุทธศาสตร์ชาติ 20ปี,โครงการไทยนิยมยั่งยืน ที่เป็นโมเดลทำงานให้แก่คนรุ่นใหม่ นโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 และยังออกกฎระเบียบในการปฏิรูปบ้านเมืองให้เป็นระบบระเบียบ
“สาทิตย์”ย้ำเทือกไม่ลงสส.
ด้าน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำ กปปส. กล่าวถึง กรณีที่กลุ่ม กปปส.เตรียมจดทะเบียนพรรคการเมือง ว่า พรรคการเมืองที่จะตั้งขึ้นมาใหม่ เป็นเรื่องภารกิจของมวลมหาประชาชนที่ยังไม่จบ ที่ต้องการให้มีการปฏิรูปประเทศ และคงจะมีผู้ที่มีแนวคิดคล้าย ๆ กับการต่อสู้ของ กปปส. ที่จะตั้งพรรคการเมือง แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.พูดชัดแล้วว่า ไม่ได้เข้าไปมีตำแหน่งอะไรในพรรคการเมือง และคงไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง รวมทั้ง คงไม่ชวนใครให้พรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมงาน เพราะให้เกียรติพรรคที่เคยสังกัด ขณะที่ ส่วนตัวก็ยังทำกิจกรรมร่วมกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค
ห่วงพรรคใหม่ติดบ่วงเพียง
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟสบุ๊ค แสดงความห่วงใหญ่ในการจดตั้งพรรคใหม่ ต้องมีทุนประเดิม 1 ล้านบาท ภายใน 180 วัน ให้สมาชิกก่อตั้ง 500 คน ต้องมีส่วนร่วมในการสละเงินเป็นทุนประเดิมอย่างทั่วหน้า คือ ต้องไม่น้อยกว่า 1,000 บาทและไม่เกิน 50,000 บาท ต่อสมาชิกก่อตั้ง 1 คน แค่หาสมาชิกก่อตั้ง 500 คนก็เป็นเรื่องยาก ยังต้องให้สมาชิก 500 คนแรก มีส่วนในการเสียสละเงินเป็นทุนประเดิมขั้นต่ำ 1,000 บาท ยิ่งดูยากเย็นมากขึ้น
ประยุทธ์แทงกั๊กนายกนคนนอก
วันเดียวกันพล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หัวหน้า คสช.กล่าวถึงกรณีกลุ่มการเมืองหลายๆกลุ่มตั้งพรรคสนับสนุน คสช.ว่า ก็ตั้งไปแต่อยู่ที่จะเลือกกันหรือไม่ ซึ่งขอให้พิจารณาท่าทีและนโยบายว่าน่าเชื่อถือหรือไม่ในทุกพรรค ไม่ว่าจะพรรคเก่าหรือพรรคใหม่ ซึ่งตนเคยเตือนแล้วว่าต้องเลือกตั้งให้ได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีกลุ่มกปปส.ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เคยประกาศหนุนให้ตนเองเป็นนายกฯต่อ ไม่ตั้งพรรคการเมืองแล้วว่า ไม่ว่ากลุ่มใดจะสนับสนุนตนก็ขอบคุณ แต่จะทำอย่างอื่นไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลจะรักใครชอบใครก็เชียร์คนนั้น แต่จะได้หรือไม่ยังไม่รู้ เพราะตนเองไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ อีกทั้งขณะนี้ก็ยังไม่มีใครติดต่อตนเข้ามามีเพียงพูดผ่านสื่อเท่านั้น แต่หากขอมาว่าจะสนับสนุน ตนจะรับหรือไม่ก็ไม่รู้ เพราะเสนอได้พรรคเดียวใช่หรือไม่ ดังนั้นวันนี้จึงยังไม่รู้อะไรเลย เพราะยังไม่ไปถึงตรงนั้นและยังปลดล็อคไม่ได้
บอกยังไม่ถึงเวลาที่จะตอบ
เมื่อถามว่า ตามกฎหมายกำหนดไว้ว่าหากพรรคใดจะเสนอชื่อบุคคลที่จะมาเป็นนายกฯ จะต้องได้รับการยินยอมจากบุคคลที่ถูกเสนอชื่อด้วย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนบอกไปแล้วว่ายังไม่ถึงเวลาและยังไม่มีใครติดต่อเข้ามา ดังนั้นจึงอย่าเพิ่งเร่งโจมตีตน แต่ต้องให้เวลาทำงาน
เมื่อถามย้ำว่า ถ้ามีพรรคการเมืองติดต่อเข้ามา เพื่อให้เป็นนายกฯต่อไป จะรับใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “อย่าใช้คำว่า ถ้า ต้องดูนโยบายของแต่ละคน แต่ละพรรค ซึ่งผมก็คิดแบบประชาชน และประชาชนก็ต้องคิดแบบผมด้วย ว่าคนที่อยู่ในพรรคนั่นเป็นอย่างไร น่าเชื่อถือ โปร่งใสหรือไม่ และมีความรอบรู้หรือไม่ เพราะการเป็นรัฐบาลไม่ได้เป็นเฉพาะส.ส. ที่รับฟังปัญหาจากประชาชนและชาวบ้านที่มายื่นแผนงานโครงการกับรัฐบาล และคนที่เข้ามาต้องรู้เรื่องงบประมาณ รายรับ รายจ่าย แผนแม่บท ยุทธศาสตร์ชาติ ต้องไม่ใช่ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น โดยการปล่อยปะละเลย และเมื่อถึงเวลาเชิญพรรคการเมืองมาคุย ผมก็ต้องคุยเรื่องเหล่านี้ด้วย ไม่ใช่คุยเฉพาะกำหนดวันเลือกตั้งอย่างเดียว แต่ทุกอย่างต้องคุยว่าจะทำอย่างไรและเตรียมการอย่างไรบ้าง”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี