ผ่านฉลุยร่างพรป.สส.-สว.
ใกล้เลือกตั้ง
สนช.คาดไม่ส่ง‘ตีความ’
แก้ถ้อยคำ‘มีชัย’ท้วงติงแล้ว
‘มาร์ค’เผย‘ธานี’พ้น‘ปชป.’
จุดยืนต่างสุเทพไม่หนุนบิ๊กตู่
“สนช.”เห็นชอบร่างพ.ร.ป.สส. 211 เสียงต่อ 0 งดออกเสียง 7 ขณะที่ร่างพ.ร.ป.สว.ผ่านฉลุย 202 เสียงต่อ 1 งดออกเสียง 13 “ทวีศักดิ์” ยันสนช.ไม่ยื่นตีความอีก อีกทั้งมีคัดค้านไม่ถึง25เสียง รวมถึงแก้ไขถ้อยคำที่มาสว.ใหม่ตามที่’มีชัย’ท้วงติงแล้ว ด้าน’มาร์ค’เชื่อมั่นอุดมการณ์พรรค เป็นตัวเลือกเข้ามาแก้ปัญหาประเทศ รับจุดยืนต่าง’สุเทพ’ไม่หนุน’บิ๊กตู่’เป็นนายกฯ ลั่นไม่มีเช็คชื่อสส.เผย’ธานี’คนเดียวพ้นสมาชิกพรรค
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่า มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ( สนช.) โดย นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญ(พรป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) ที่คณะกรรมาธิการร่วม 3ฝ่ายได้พิจารณาเสร็จแล้ว
โดย นายวิทยา ผิวผ่อง ประธานกรรมาธิการฯ รายงานสรุปว่า กรรมาธิการฯ ได้แก้ไขใน 8มาตรา อาทิ ไม่ให้ผู้สมัคร ส.ส.จัดมหรสพในช่วงเลือกตั้ง,ปรับเวลาลงคะแนนเลือกตั้งเป็น 8.00-17.00น.,เปลี่ยนการกำหนดงบหาเสียงจากเท่ากันทุกพรรคมาแบ่งเป็นขนาดพรรค 3กลุ่ม ตามจำนวนการส่งผู้สมัครและยังยืนยันให้ตัดสิทธิผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งลงสมัครกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สส.และสว.และห้ามดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองและผู้บริหารท้องถิ่น เป็นเวลา 2ปี นับแต่วันที่ไม่ไปใช้สิทธิ์
สนช.อภิปรายร่างพรป.สส.คึกคัก
ทั้งนี้ สมาชิก สนช.มีการอภิปรายซักถามตั้งข้อสังเกตกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะประเด็นการตัดสิทธิบางประการของบุคคลที่ไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง สส.โดย นายกล้านรงค์ จันทิก สนช.ตั้งข้อสงสัยในมาตรา 35 เรื่องถ้อยคำเกี่ยวกับการตัดสิทธิทางการเมือง ซึ่งถ้าตีความตามกฎหมายนี้ อาจแปลความได้ว่า ข้าราชการการเมือง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หากไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ต้องพ้นจากตำแหน่ง ขณะที่ ส.ส. ซึ่งต้องมีความรับชอบมากกว่า ถูกตัดสิทธิเพียงแค่ไม่สามารถสมัครรับเลือกตั้งได้ แต่ไม่พ้นจากตำแหน่งทันที ถือเป็นการเลือกปฏิบัติและอาจไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 40 ที่ว่าด้วยบุคคลย่อมมีสิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพเท่าเทียมกัน
เห็นชอบ211ต่อ0-งดลงมติ7เสียง
อย่างไรก็ตาม ที่สุดแล้ว สนช.ลงมติผ่านความเห็นชอบร่าง พรป.สส.ด้วยคะแนน 211 ต่อ0 งดออกเสียง7 หลังจากนี้ต้องส่งให้นายกรัฐมนตรีและพักไว้ 5วัน ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป ยกเว้นแต่จะมีการส่งร่างกฎหมายดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ จะส่งผลให้นายกรัฐมนตรีต้องชะลอการนำร่างขึ้นทูลเกล้าฯ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
ปรับแก้’ร่างพรป.สว.’4ประเด็น
ต่อมา เวลา 12.30น.ที่ประชุม สนช.เข้าสู่การพิจารณา ร่างพรป.การได้มาซึ่งสว. ตามที่ กมธ.ร่วมพิจารณาเสร็จแล้วทั้ง 4ประเด็นคือ 1.ลดจำนวนกลุ่มการสมัครจาก 20กลุ่ม เหลือ 10กลุ่ม โดยปรับแก้เป็นบทหลักมี 20กลุ่ม ส่วนบทเฉพาะกาล ให้มี 10กลุ่ม 2.แบ่งผู้สมัครแต่ละกลุ่มออกเป็น 2ประเภท คือ อิสระและการเสนอชื่อโดยองค์กร แก้เป็นบทหลัก รับสมัครแบบอิสระอย่างเดียว ส่วนบทเฉพาะกาล ให้รับสมัคร 2ประเภท คือ อิสระและการเสนอชื่อโดยองค์กร 3.วิธีการเลือกตรงและการเลือกไขว้ ปรับแก้เป็น ในบทหลักให้ใช้การเลือกตั้งและการเลือกไขว้ ส่วนบทเฉพาะกาล ให้ใช้การเลือกตรงเพียงอย่างเดียว และ 4.ปรับแก้ให้ กกต.ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
ผ่านฉลุย202ต่อ1ไม่ลงมติ13คน
นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ ประธานกม.ร่วม ชี้แจงว่า การกำหนดให้บทหลักต่างจากบทเฉพาะกาลไม่ได้มีปัญหา ในรัฐธรรมนูญก็มีอยู่หลายเรื่อง เช่น ในส่วนของสว.ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจำนวน อำนาจหน้าที่ และวิธีการเลือก ที่หลายฝ่ายติดใจการแบ่งวิธีสมัครสว.เป็น 2วิธีนั้น จึงไม่เป็นปัญหา เชื่อว่า การเลือกสว.2 แบบนี้จะทำให้ได้ สว.ที่สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม หลังใช้เวลาอภิปรายกว่า 1ชั่วโมง ที่ประชุม สนช.มีมติเห็นชอบด้วยคะแนน202 ต่อ 1 งดออกเสียง13 ก่อนส่งให้นายกฯนำขึ้นทูลเกล้าฯก่อนบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
‘ทวีศักดิ์’คาดไม่ต้องส่งศาลตีความ
ด้าน นายทวีศักดิ์ สูทกะวาทิน สมาชิก สนช.ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญร่วม 3ฝ่ายเพื่อพิจารณาร่างพรป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.กล่าวถึงกรณีที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ทักท้วงกรณีการแยกผู้สมัครสว.เป็น 2ประเภทอาจขัดรัฐธรรมนูญและสนช.ควรยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า วันนี้กฎหมายผ่านแล้ว ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง อย่างไรก็ตาม หากดูร่าง พรป.ที่กรรมาธิการวิสามัญร่วม 3ฝ่ายฯปรับแก้แล้วที่ประชุมสนช.มีมติเห็นชอบนั้นจะพบว่า มีการปรับแก้ถ้อยคำตามที่ นายมีชัย แสดงข้อห่วงกังวล โดยในส่วนการแยกสมัครสว.2ประเภทนั้น กรรมาธิการวิสามัญร่วม 3ฝ่ายฯ ได้ปรับแก้คำใหม่ โดยให้ที่มา 2ทางของสว.นั้น เป็นอิสระเหมือนกัน ทั้งสมัครด้วยตนเองอย่างอิสระและการให้นิติบุคคลเสนอชื่อโดยอิสระ ซึ่งน่าจะสอดคล้องตามรัฐธรรมนูญ อาจไม่ต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว
ค้านไม่ถึง25เสียงไม่น่าส่งศาลได้
พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร สนช.กล่าวยหลังที่ประชุมสนช.มีมติผ่านร่างพรป.สสงและสว.ในวาระ 3 ซึ่งก่อนหน้านี้บางฝ่ายกังวลว่า อาจขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและอาจนำไปสู่การยื่นศาลรัฐธรรมนูญอตีความ ว่า ผู้จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความได้ต้องเป็นสนช.ที่ไม่เห็นด้วยกับการโหวตในวันที่ 8มีนาคมนี้ แต่เท่าที่ดูภาพรวมการลงมติก็ผ่านไปได้ด้วยดี มีผู้ไม่เห็นด้วยไม่ถึง 25เสียงด้วยซ้ำ จึงไม่แน่ใจว่าจะมีสมาชิกรวมตัวกันได้ 25คน เพื่อยื่นตีความในประเด็นดังกล่าวหรือไม่ ขณะที่ สนช.ก็คุยกันแล้วว่า ไม่น่าจะขัดรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม หากมีผู้ไม่เห็นด้วยก็สามารถไปยื่นได้ เมื่อถามว่า หากกฎหมายบังคับใช้แล้ว ประชาชนไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความภายหลัง จะทำให้กระทบต่อโรดแมปการเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.สิงห์ศึก กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต แต่ในส่วนของ สนช.คิดว่า ไม่มีผลกระทบต่อโรดแมป
‘มาร์ค’ชูอุดมการณ์ให้ปชช.เลือก
วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากกลุ่ม กปปส.แยกออกไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ ว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ การแข่งขันกับตัวเอง โดยตนมีความเชื่อมั่นในอุดมการณ์พื้นฐานของพรรคฯ เชื่อมั่นในประสบการณ์ที่เคยทำงานให้กับบ้านเมือง ทั้งในฐานะฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน อีกทั้งได้เตรียมการมาระยะหนึ่งว่า ความเปลี่ยนแปลงในเชิงของการพัฒนา หรืออาจจะเรียกว่าการปฏิรูป ทำอย่างไรให้พรรคประชาธิปัตย์สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้ว่า เราเป็นที่พึ่ง เป็นนักการเมืองที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนและรักษาระบบได้ รวมไปถึงความสามารถในการแก้ปัญหาพื้นฐานของประชาชน ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง รวมทั้งการวางแนวทางโครงสร้างให้ประเทศมีความเจริญก้าวหน้าซึ่งสิ่งนี้เป็นภาระที่ใหญ่
เห็นต่างสุเทพไม่หนุนบิ๊กตู่นายกฯ
เมื่อถามว่า หากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการมูลนิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ ตั้งพรรคการเมืองจริงความสัมพันธ์ของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคที่เขาจัดตั้งจะเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบว่า จะตั้งพรรคโดยใครหรือไม่ อย่างไร แต่ถ้าบอกว่า จะเป็นพรรคการเมืองโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ตรงนี้คงเป็นจุดต่าง เพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ นโยบาย บุคลากรของตนเองที่เสนอเป็นทางเลือกให้กับประชาชนอยู่แล้ว เมื่อถามว่า มีพรรคการเมืองไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ อย่าง นายปิยบุตร แสงกนกกุล นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกคนเป็นทางเลือกเพิ่มขึ้นมา ถือเป็นเรื่องดีที่มีทางเลือก ส่วนทางเลือกนั้นจะตรงหรือไม่ตรงใจประชาชนแต่ละคนอย่างไร ก็เป็นสิทธิ์ของประชาชนที่จะเลือก แล้วก็ต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับพรรคการเมืองต่างๆ ก่อนที่จะตัดสินใจ
ปัดเช็คชื่อสส.-‘ธานี’พ้นแค่คนเดียว
เมื่อถามถึง ข่าวที่ นายอภิสิทธิ์ สั่งให้เช็คชื่อสมาชิกพรรค นายอภิสทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ใช่นักเรียนที่ต้องเข้าแถวเช็คชื่อ เรื่องนี้ไม่มี แต่กฎหมายกำหนดว่าวันที่ 1-30เมษายน สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประสงค์จะเป็นสมาชิกพรรคต่อไปถูกคำสั่ง คสช.ให้งมายืนยันตัวตนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นภายในสิ้นเดือนเมษายนก็ต้องรู้อยู่แล้วว่า มีใครมายืนยันสมาชิกบ้าง เท่าที่ตนทราบ ยกเว้น นายธานี เทือกสุบรรณ อดีต สส.สุราษฎร์ธานี ซึ่งบังเอิญ นายธานี พ้นสมาชิกพรรคตอนที่ไปบวช แต่คนอื่นที่เป็นอดีต สส.หรือผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ก็ยังไม่มีใครที่ได้มาแสดงเจตจำนงที่จะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์
‘บิ๊กป้อม’เผยยังไม่ขอประชุมพรรค
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีที่พรรคการเมืองใหม่ที่เพิ่งขอจัดตั้งพรรคได้ขอ คสช.เปิดประชุมพรรคแล้วหรือไม่ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการขออนุญาตมา ส่วนหลักเกณฑ์นั้นให้ กกต.พิจารณา เพราะกกต.เป็นผู้ส่งเรื่องต่อให้ คสช.พิจารณา ผู้สื่อข่าวถาม กรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานกลุ่มไทยซัมมิท สื่อสารผ่านเฟสบุ๊คไลฟ์จนมีการตั้งข้อสังเกตเหมือนเป็นการหาเสียงว่า ถ้าเป็นการหาเสียงทำไม่ได้ แต่ถ้ายังเป็นแค่คล้ายๆ กับหาเสียง ก็ไม่ถือเป็นการหาเสียง วันนี้เขายังไม่จัดตั้งพรรคยังไม่ได้เปิดประชุมพรรค อย่าไปอะไรมาก เอาพอประมาณ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี