ประเด็นปัญหากฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับคือร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.นั้น ส่อเค้าว่าจะกลายเป็นระเบิดการเมืองลูกใหญที่อาจจะนำไปสู่วิกฤติการณ์ทางการเมืองในอนาคตเลยทีเดียว
ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2561 นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ. ) ได้ทำหนังสือบันทึกความเห็นยื่นต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อให้ส่งร่างพ.ร.ป.ทั้งสองฉบับส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
เปิดบันทึกมีชัยชี้จุดตายกม.ลูกที่มาสว.
โดยหนังสือของนายมีชัย ระบุว่า ในร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. กรธ.ปรึกษาหารือกันแล้ว มีความห่วงกังวลอย่างมาก ในส่วนที่เกี่ยวกับ1.วิธีการสมัครที่แบ่งออกเป็นสองวิธีคือ การสมัครด้วยตนเอง กับการสมัครด้วยการแนะนำจากองค์กร และ 2.การเลือกในระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ โดยให้ผู้สมัครแต่ละวิธีแยกกันเลือกเป็นบัญชีสองประเภท
เนื้อหาดังกล่าวทำให้ผลการเลือก ไม่ใช่การเลือกกันเองระหว่างผู้สมัครทั้งหมด เพราะเป็นการแบ่งโควตาระหว่างผู้สมัครอิสระกับองค์กรแนะนำ ซึ่งการให้องค์กรเป็นผู้กลั่นกรองก่อนนั้น ทำให้ประชาชนไม่สามารถเลือกสมัครได้อย่างเสรีทุกกลุ่มจึงไม่ตรงตามเจตนารมณ์ มาตรา 107 ของรัฐธรรมนูญ ที่มุ่งให้ผู้สมัครเลือกกันอย่างเท่าเทียม ภายใต้กฎเดียวกัน และไม่ได้มุ่งหมายให้แยกประเภท
หวั่นร้องเรียนภายหลังพังทั้งระบบ
"กรธ.เห็นว่า ปัญหาไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมีความสำคัญ หากมีผู้ร้องเรียนภายหลังจะทำให้การเลือกวุฒิสภาต้องเสียไปทั้งหมด และจะกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่อาจดำเนินการต่อไปได้" นายมีชัย ระบุ
2ประเด็นร่างกม.สส.เสี่ยงขัดรธน.
นายมีชัย ยังระบุด้วยว่า ส่วนในร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มีข้อห่วงกังวล 2 ประเด็นคือ 1.มาตรา 35 การตัดสิทธิเป็นข้าราชการการเมือง หากไม่ไปเลือกตั้ง เพราะการที่ผู้ใดจะเข้ารับตำแหน่งไม่ใช่สิทธิ แต่เป็นเสรีภาพ จึงกังวลว่าเป็นการเขียนเกินขอบเขตการจำกัดสิทธิตามมาตรา 95 วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญ และ2.การให้บุคคลอื่นหรือกรรมการประจำหน่วย ลงคะแนนแทนผู้พิการ และให้ถือเป็นการออกเสียงโดยตรงและลับ
ยกคำวินิจฉัยศาลรธน.ที่9/2549โมฆะ
"กรธ.กังวลว่า จะขัดต่อมาตรา 85 ของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ ส.ส.มาจากการลงคะแนนโดยตรงและลับ การกำหนดแบบนี้ จึงเป็นการยอมรับว่า การลงคะแนนดังกล่าวไม่ตรงและลับ อีกทั้งเคยมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 9/2549 ที่ระบุหลักการเลือกตั้งโดยลับว่าจะต้องดำเนินการเลือกตั้งโดยไม่ให้ผู้ใดทราบเลยว่าผู้ลงคะแนนตัดสินใจเลือกใคร" นายมีชัย ระบุ
เปิดคำวินิจฉัยฉบับประวัติศาสตร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 9/2549 นั้น มีเนื้อหาโดยสรุปว่าศาล รัฐธรรมนูญมีมติ 8 ต่อ 6 ชี้การเลือกตั้งส.ส.เมื่อวันที่ 2 เมษายน 49 มิชอบพร้อมกับสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่
โดย 1 ใน 2 ประเด็นที่ทำให้โมฆะคือกกต.ได้กำหนดการจัดคูหาในลักษณะที่บุคคลภายนอกสามารถสังเกตเห็นได้ว่าผู้เลือกตั้งใช้สิทธิเลือกตั้งหมายเลขใด อันเป็นการละเมิดหลักการลงคะแนนเลือกตั้งซึ่งต้องดำเนินการโดยลงคะแนนโดยตรงและลับ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 104 วรรค 3
สนช.เมินคำเตือนยื่นตีความสว.ร่างเดียว
ด้านนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.แถลงว่า สนช.เข้าชื่อมายังตนแล้ว นำโดยนายกิตติ วสีนนท์ เป็นผู้รวบรวม สนช.ได้ 30 รายชื่อ โดยจะยื่นตีความเฉพาะร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.ฉบับเดียว เพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจเพราะถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะหากมีใครไปยื่นให้ศาลตีความหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้จะทำให้กฎหมายล้มทั้งยืนได้เนื่องจากเกี่ยวพันกับกระบวนการได้มาซึ่ง ส.ว.ชุดใหม่ สนช.จึงจำเป็นต้องดำเนินการคาดจะยื่นต่อศาลได้ภายวันที่ 19 มีนาคมนี้
อ้างกม.สส.ไม่ขัดรธน.แต่ขัดใจกรธ.
ส่วนร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.นั้น สนช.ทั้งหมดยืนยันว่า 2 ประเด็นที่ กรธ.ทั้งกรณีตัดสิทธิเป็นข้าราชการการเมืองหากไม่ไปเลือกตั้งกับให้มีผู้ช่วยเหลือผู้พิการในขณะเข้าหูหาเลือกตั้งนั้นไม่มีเนื้อหาส่วนใดที่ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ แต่อาจต่อเจตนารมณ์ของ กรธ. โดยยืนยันว่า หากยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญจะกระทบต่อโรดแมปเลือกตั้งแน่นอนเพราะไม่มีเวลา90 วันมารองรับเหมือนร่างพ.ร.ป.ส.ว. และแทนที่ร่าง พ.ร.ป.ส.ส.จะถึงมือนายกฯตามกระบวนการ แต่ต้องดีเลย์เพราะต้องยื่นศาลและรอจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย
ชี้ช่องยื่นหลังประกาศราชกิจจาได้
นอกจากนั้นประเด็นที่ กรธ.แย้งมานั้นก็เป็นประเด็นเฉพาะกลุ่มไม่มีผลทำให้กฎหมายต้องตกไปทั้งฉบับ และหากเห็นว่า กระทบสิทธิบุคคลนั้นก็สามารถไปยื่นได้หลังจากกฎหมายประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว โดยเฉพาะกกต.บางคนที่อยากให้สนช.ยื่นให้ศาลวินิจฉัยในตอนนี้ เพราะกลัวว่าประเด็นเรื่องคนพิการจะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะนั้น ก็สามารถยื่นได้ทันทีหลังกฎหมายประกาศใช้ เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง และจะไม่ทบต่อกระบวนการการเลือกตั้ง เพราะยังอยู่ในช่วง 90 วันก่อนนับหนึ่ง 150 วัน กระบวนการเลือกตั้ง
ไปตายดาบหน้าถ้ายื่นหลังเลือกตั้ง
เมื่อถามว่า หากมีมือดีไปร้อง พ.ร.ป.ส.ส.ต่อศาลรัฐธรรมนูญหลังจากกระบวนการการเลือกตั้ง 150 วันเริ่มไปแล้วนั้น นายพรเพชร กล่าวว่า ต้องดูเจตนาในการยื่น เพราะหากเห็นว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญแล้วทำไมไม่ยื่นตั้งแต่วันที่กฎหมายประกาศใช้ อย่างไรก็ตามยืนยันว่า ร่าง พ.ร.ป.ส.ส. สนช.จะไม่ยื่นตีความ ดังนั้น จะส่งร่างไปให้นายกฯอย่างช้าภายในวันที่ 19 มีนาคมนี้เช่นเดียวกัน
"มหรรณพ"เถียงหัวชนฝาไม่ขัดรธน.
ขณะที่ นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ สมาชิก สนช. กล่าวว่า สนช.ยืนยันจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่างกฎหมายลูกเพียงฉบับเดียวคือ ร่าง พ.ร.บ.การได้มาซึ่ง ส.ว.เท่านั้นเพราะซาวเสียง สนช.แล้ว ไม่มีใครจะยื่นตีความร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้งส.ส.ประเด็นที่กรธ.ยังสงสัยเรื่องการตัดสิทธิข้าราชการการเมือง หากไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และการให้คนพิการ ผู้สูงอายุมีผู้ช่วยเข้าไปกาบัตรลงคะแนนในคูหาเลือกตั้งได้นั้น ไม่ถือว่าขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ
อ้างกระทบสิทธิไม่กี่เปอร์เซ็นต์
"กระทบสิทธิคนไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ไม่ใช่ประเด็นกระทบสิทธิคนส่วนใหญ่ของประเทศ จึงไม่จำเป็นต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญ" นายมหรรณพ กล่าว
ทั้งนี้ ประเด็นที่ สนช.แก้ไขให้ตัดสิทธิการเป็นข้าราชการการเมือง หากไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งโดยไม่มีเหตุอันควร เพราะเห็นว่า ข้าราชการการเมืองควรเป็นแบบอย่างที่ดีในมาตรฐานเดียวกับ ส.ส.และ ส.ว.หากนอนหลับทับสิทธิก็ไม่สมควรมารับใช้ประชาชน
คาดโรดแมปคงเดิมเลือกตั้งกพ.62
นายมหรรณพ กล่าวว่า ส่วนการยื่นตีความร่าง พ.ร.บ.การได้มาซึ่ง ส.ว.นั้น ไม่ใช่แท็กติกยื้อเวลาเลือกตั้งแน่นอน โรดแมปเลือกตั้งยังเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เหมือนเดิมตามที่นายกรัฐมนตรีพูดไว้ เพราะยังมีเวลาเหลือเฟือให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย คงใช้เวลาเต็มที่ไม่เกิน 90 วัน ซึ่งได้เผื่อเวลาไว้แล้วในส่วนการขยายเวลาบังคับใช้กฎหมาย 90 วันในร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.
เปิด3ประเด็นยื่นตีความร่างกม.สว.
ทั้งนี้ประเด็นร่างกฎหมายลูก ส.ว.ที่จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ คือ บทเฉพาะกาลที่มีการแก้ไขให้มีที่มา ส.ว.2 ประเภท วิธีสรรหา ส.ว.ด้วยการเลือกตรงจากคนกลุ่มอาชีพเดียวกัน และการลดกลุ่มผู้สมัคร ส.ว.เหลือ 10 กลุ่มอาชีพที่ สนช.เห็นว่า ไม่ขัดรัฐธรรมนูญแน่นอน แต่ที่ยื่นตีความเพื่อให้เกิดความชัดเจน เหตุผลที่แก้หลักการเดิม กรธ.เรื่องการเลือกไขว้ ส.ว.นั้น เนื่องจากเห็นว่า จะเป็นช่องทางให้เกิดการฮั้ว ซื้อสิทธิขายเสียงมากมายเหมือนที่เคยเกิดขึ้นตอนเลือกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นบทเรียนที่มีให้เห็นมาแล้ว เมื่อใช้วิธีเลือกไขว้ จึงควรเปลี่ยนวิธีสรรหา ส.ว.เพื่อลดโอกาสการซื้อสิทธิ์ขายเสียง
สมชายล่ารายชื่อสนช.ครบแล้ว25คน
นายสมชาย แสวงการ เลขานุการกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการยื่นความร่างพ.ร.ป.ที่มาสว.ว่า ขณะนี้ได้รายชื่อครบ 25คน จากนั้นจึงจะยกร่างคำร้องในประเด็นที่สงสัยว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ น่าจะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ในสัปดาห์หน้า เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญคงใช้เวลาไม่เกิน 3เดือนในการวินิจฉัย
ขู่ใครยื่นตีความกม.สส.ต้องรับผิดเอง
นายสมชาย กล่าวว่า ส่วนร่างพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ที่ไม่ได้ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความนั้น ได้บอกกับสนช.ไปว่า หากใครจะยื่นให้ตีความก็ต้องรับผิดชอบด้วย เพราะจะทำให้มีผลกระทบต่อโรดแมป เลือกตั้ง การพูดเช่นนี้ไม่ได้ขู่ แต่ถ้าไปยื่นตีความจะมีผลกระทบต่อโรดแมปเลือกตั้งแน่นอน เพราะต้องเสียเวลาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไม่เกิน 3 เดือน ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะนำร่างกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ ทำให้โรดแม็ปเลื่อนออกไป
พูดไปได้ถ้าเสียสิทธิก็แค่คน3กลุ่ม
ส่วนในอนาคต หลังจากที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปแล้วมีผู้ไปยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ก็คงไม่เกิดปัญหาอะไรมากมาย เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า ประเด็นใดขัดรัฐธรรมนูญก็จะตกไปเฉพาะประเด็นนั้นๆเช่นกัน เท่าที่ดูประเด็นที่มีข้อสงสัยมีผลกระทบเฉพาะแค่ข้าราชการการเมือง ผู้สูงอายุ และคนพิการเท่านั้น หากมีปัญหาก็จะเสียสิทธิแค่เฉพาะคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ไม่กระทบกับสาระสำคัญที่ทำให้กฎหมายตกทั้งฉบับ
"ปชป."จับพิรุธเกมยื้อกม.ลูก
นายประมวล เอมเปีย อดีต ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกตว่า น่าคิดว่าในการพิจารณาหารือร่วมของปรมาจารย์ด้านกฎหมายและนักกฎหมายชั้นยอดที่เข้าไปเป็นกรรมาธิการ3ฝ่ายในการปรับปรุงแก้ไขร่างกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.และร่างกฎหมายการได้มาซึ่ง ส.ว.ให้แล้วเสร็จ ไม่ให้ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญก่อนเสนอต่อสนช.ให้พิจารณาเห็นชอบ ซึ่งสนช.ร้อยละ99 ไม่ขัดข้อง และมีมติเห็นชอบผ่านสภาฯออกมาทั้งสองฉบับ
สับเละไม่ละอายใจกันบ้างหรือไง
นายประมวล กล่าวว่า ดังนั้น ตนขอถามว่า ระหว่างนั้น เหตุใดนายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานกรธ.ไม่ออกมาท้วงติงกฎหมายที่ตัวเองนั่งรับผิดชอบอยู่ว่า อาจจะมีปัญหาขัดรัฐธรรมนูญ แต่กลับมาส่งซิกหลังสนช.มีมติโหวตผ่านไปแล้ว เช่นนี้หมายความว่าอย่างไร เพราะ มีการรวมชื่อสนช. จาก41 คนให้ได้25 คนจากคนที่ขาดการประชุม และคนที่งดออกเสียง เหมือนแบ่งหน้าที่กันทำ โดยส่วนใหญ่โหวตผ่านตามซิกผู้มีอำนาจ อีกส่วนรอรวมชื่อร้องให้ศาลตีความตามเสียงทักท้วง ทั้งที่คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ขาดการประชุมไม่มาพิจารณาในวันโหวต แล้วยังมีหน้ามาเข้าชื่อส่งให้ศาลตีความ ไม่ละอายแก่ใจหรืออย่างไร
ถ่มน้ำลายรดฟ้าตกใส่หน้าตัวเอง
"ในเมื่อวันประชุมพิจารณากฎหมายสองฉบับนี้พวกคุณยังลา ยังขาดประชุม แล้ววันนี้มารับลูกรวมชื่อ รับใช้อำนาจโดยไม่สนใจสังคม จะเขียนด้วยมือแล้วจะลบด้วยปากหรืออย่างไร เข้าตำราถ่มน้ำลายรดฟ้าให้หล่นมาใส่หน้าตัวเองเช่นนั้นหรือ หากจะใช้แทคติกหรือ อภินิหารทางกฎหมายแบบนี้ บอกกันตรงๆดีกว่าว่า เขาจะให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปอีก 5 ปี 10ปีนักการเมืองส่วนใหญ่ต่างทำใจกันได้นานแล้ว แต่ขอให้รัฐบาลเร่งลงมือแก้ปัญหาปากท้องครอบครัวชาวบ้านที่กำลังลำบากทั่วหน้าให้ได้ก่อนดีกว่า รวมทั้งปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นที่เบ่งบานเกือบทุกวงการที่ผุดขึ้นไม่แพ้รัฐบาลที่ผ่านมา หากไม่เชื่อผมลองลงพื้นที่ถามชาวชลบุรีดูก็ได้ว่า เป็นข้อเท็จจริงหรือไม่" นายประมวล กล่าว
"วิรัตน์"จวกสนช.ต้องรู้ว่าขัดหรือไม่ขัด
ส่วนนายวิรัตน์ กัลป์ยาศิริอดีต ส.ส.สงขลาและหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้สนช.ต้องรู้ตระหนักว่ากฎหมายลูกต้องไม่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ผ่านการทำประชามติ การเขียนกฎหมายลูกจึงต้องให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญอีกทั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ก็เข้ามาให้ความเห็นและร่วมเป็นกรรมาธิการสามฝ่าย จน สนช.มีมติโหวตผ่านร่างกฏหมายหมวดเลือกตั้งทั้งสองฉบับนี้ไปแล้ว แต่กลับมามีข้อสงสัยในการกระทำของตัวเองว่า ที่มีมติโหวตไปแล้วนั้นอาจจะมีประเด็นขัดหรือแย้งต่อแล้วรัฐธรรมนูญ
ชี้มิบังควรนำร่างที่มีปัญหาขึ้นทูลเกล้าฯ
"กรณีนี้เป็นเหตุสร้างความเคลือบแคลงสงสัยต่อประชาชนในบทบาทโดยรวมของสนช.ยิ่งทำให้สังคมยิ่งขาดความเชื่อมั่น และที่สุดไม่เป็นผลดีกับใครทั้งสิ้น เพราะที่ผ่านมาฝ่ายการเมืองได้แสดงความคิดเห็นท้วงติงมาโดยตลอด ซึ่งเมื่อกฎหมายผ่านแล้วและกำลังจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ อาจจะเป็นสิ่งมิบังควร" นายวิรัตน์ กล่าว
ถามถ้าขัดรธน.แล้วใครจะรับผิดชอบ
และว่าบริบทเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าสนช.ไม่ได้ใส่ใจสาระแห่งรัฐธรรมนูญ จนเกิดข้อครหาว่า มีใบสั่ง หรือรับคำสั่งจากผู้มีอำนาจหรือไม่ และที่รัฐบาลและสนช.ต่างระบุว่า แม้ส่งร่างกฎหมายนี้ให้ศาลตีความก็จะไม่มีผลกระทบต่อโรดแมปจัดเลือกตั้งนั้น ถามว่า หากศาลรับเรื่องไว้วินิจฉัย จะใช้เวลานานเท่าใดเพราะยังไม่มีใครกล้ายืนยันเวลาที่แน่ชัด และหากศาลวินิจฉัยว่าร่างกฎหมายนี้ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญจริงจนมีผลทำให้ต้องกลับมายกร่างใหม่ทั้งฉบับจะใช้เวลาอีกเท่าไหร่ ที่สำคัญผลเสียหายที่เกิดขึ้นใครจะรับผิดชอบ ขอให้ สนช. ชี้แจงต่อสังคมให้กระจ่างด้วย
"นิพิฏฐ์"ฟันธงยื่นจริงเลื่อนเลือกตั้งแน่
เช่นเดียวกับ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เห็นว่า ถ้าสนช.ยื่นจริงการเลือกตั้งจะเลื่อนไปจากกุมภาพันธ์ 2562 และคนที่เขาคิด เขาสงสัย ก็มีสิทธิ์จะคิดได้ หลายครั้งผู้มีอำนาจพูดเรื่องวันเลือกตั้งแล้วไม่เป็นไปตามคำพูด จนกระทั่งมีคนเอาไปล้อเลียนว่า ผู้มีอำนาจเป็นพีน็อคคิโอ ประชาชนเขามีสิทธิไม่เชื่อ เพราะการคาดการณ์ว่ามีเลือกตั้งในปี 2562 เป็นการนับโดยที่คิดคำนวณว่าจะไม่มีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความกฎหมายกันกลางทาง ขนาด นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ยังวิเคราะห์ว่า ต้องใช้เวลาในการตีความกฎหมาย หากมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญขึ้นมาจริงๆ แม้จะมีการขยายเวลาร่าง พ.ร.ป ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ออกไป 90 วัน ก็ตาม ซึ่งก็มีเหตุผลที่เขาจะคิดได้
เข้าทางขึ้นอยู่กับความพอใจผู้มีอำนาจ
"หากเลวร้ายไปกว่านั้น ถ้าหากศาลตีความมาแล้วว่า มีบางประการที่ขัดรัฐธรรมนูญ ส่วนที่ถูกตีความก็เป็นโมฆะ และต้องร่างกันใหม่ ผลก็คือไม่รู้ว่าจะเกิดการเลือกตั้งขึ้นเมื่อใด เพราะถ้าร่างกฎหมายกันใหม่ ก็ต้องเข้ากระบวนการใหม่ โดยไม่ได้มีกำหนดเวลาไว้ด้วย คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้มีอำนาจ ยิ่งเดี๋ยวนี้ก็พูดยาก เพราะผู้มีอำนาจทำตามอำเภอใจ ถ้าเขาเลือกว่าให้เลือกตั้งช้าก็ช้า แต่ถ้าเขาเลือกให้เลือกตั้งเร็วก็เร็ว" นายนิพิฏฐ์ กล่าว
ตบปากวิษณุพูดเรื่อยเปื่อยเอาตัวรอด
นายนิพิฏฐ์ กล่าวถึงกรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุว่า ไม่อยากชี้โพรงให้กระรอกในเรื่องนี้ เพราะกระรอกมีหลายตัว ว่า นายวิษณุ ก็พูดสนุกสนานไปเรื่อย พอจวนตัวก็ยกสำนวนมาพูด อย่างเช่นเอาเรื่องบุพเพสันนิวาสมาเตะลูกออกไปทางอื่น เมื่อเราเป็นผู้ใหญ่ต้องพูดความจริง แต่วันนี้กลับเป็นสังคมแห่งการหลอกลวง นายวิษณุเป็นนักกฎหมาย กลายเป็นว่าจะไปสอนคนรุ่นใหม่ให้เข้าใจไปว่า ผู้มีอำนาจจะพูดอย่างไรก็ได้
เขาเรียกว่าอภินิหารทางกฎหมาย
"นายวิษณุ กับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.เป็นถึงมือหนึ่งด้านกฎหมายของประเทศ พอแสดงพฤติกรรมกลับไปกลับมาไม่พูดความจริงแบบนี้ทำลายวิชาชีพนักกฎหมายไปด้วย เรื่องนี้ทั้ง กรธ.และ สนช.ร่างกฎหมายแล้วไม่มั่นใจการกระทำของตนเอง จนจะส่งให้ ครม.ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ ทั้งที่เสียงโหวตของ สนช.เองเป็นเอกฉันท์นั้น ทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นเขาเรียกว่าอภินิหารทางกฎหมาย โดยไม่มีใครไปทำอะไรเขาได้ เพราะทุกสิ่งถูกวางแผนไว้หมดแล้ว เราจึงต้องเดินตามแบบถูกบังคับให้เดินตามเท่านั้น" นายนิพิฏฐ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี