17 มี.ค.61 ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ สำนักข่าวอิสรา ร่วมกับ นักเรียนหลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชนด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ระดับกลาง (บสก.)รุ่นที่ 7 ได้จัดเสวนาในหัวข้อ 'พลังโซเชียล เปลี่ยนการเมืองไทย จริงหรือ?
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวว่า พลังโซเชียลนั้นสามารถเปลี่ยนการเมืองไทยได้ เพราะเรื่องของการเมืองเป็นการต่อสู้ทางความคิดที่อิงกับข้อมูลข่าวสารที่ประชาชนได้รับเพราฉะนั้นเมื่อรูปแบบการรับรู้ข้อมูลข่าวสารต้องเปลี่ยนไป ประเด็นก็คือเปลี่ยนไปในลักษณะไหน อะไรที่เป็นคุณ และอะไรที่เป็นโทษ 2 เรื่องสำคัญที่โซเชียลมีเดียมีผลกับการเมืองคือ 1. ช่วงที่มีการเลือกตั้ง และ 2 ช่วงที่มีการเลือกตั้ง ถ้าหากดูข่าวในช่อวง 2-3 เดือนที่ผ่านมา สิ่งที่กำหนดว่าอะไรอยู่ในกระแสก็คือสิ่งที่อยู่ในโซเชียล หลายๆครั้งสื่อหลักอย่างโทรทัศน์นั้นก็เอาสิ่งที่อยู่ในโซเชียลมาเล่น จนไม่แน่ใจว่าสื่อโทรทัศน์ยังเป้นสื่อหลักอยู่หรือไม่หรือสื่อโซเชียลเป้นสื่อหลักไปแล้ว พอสื่อโซเชียลกลายมาเป็นสื่อหลักก็จะเห็นข้อเปลี่ยนแปลงมากมาย สื่อโซเชียลนั้นสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้มากกว่าและง่ายกว่าแต่ก่อนที่ต้องอาศัยสื่อหลัก เช่นกรณีการล่าเสือดำ นาฬิกา พวกนี้ล้วนมีกลไกโซเชียลมีเดียผลักดัน และถ้าสื่อเหล่านี้ถูกใช้ในแง่ของการตรวจสอบก็ถือเป็นการสร้างพลังทางการเมืองที่สำคัญมาก
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่าสำหรับในส่วนของการเลือกตั้งมองว่าเป็นการเลือกตั้งครั้งนี้ห่างจากการเลือกตั้งครั้งเก่า 6-7 ปี และมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งหน้าใหม่ 6-7 ล้านคน ซึ่งความเปลี่ยนแปลงในหลายปีที่ผ่านมา ก็ทำให้โซเชียลมีเดียกลายเป็นสนามต่อสู้ทางการเมือง ผู้มีสิทธิลงสมัครเลือกตั้งก็อาจจะใช้สื่อโซเชียลเป็นเวทีหาเสียงแทนที่จะเป็นเวทีหาเสียงแบบดั้งเดิมเพราะอาจจะมีผู้เข้ามารับชมมากกว่าไปปราศรัยบนเวทีแบบแต่ก่อน สำหรับความนิยมของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องยอมรับว่ากรณีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีที่สื่อโซเชียลมากระพือนั้นมีผลกระทบกับ คสช.อย่างมาก และก็กระทบกับความน่าเชื่อถือของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วยที่ต้องคิดว่าจะจบเรื่องนี้อย่างไร
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าในกรณีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ที่เข้าไปล่าเสือดำก็เช่นกัน กระแสสังคมที่เรียกร้องให้ดำเนินการกับเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาถูกจุดติดแล้ว เพราะทุกคนใช้พลังโซเชียลขับเคลื่อนและตรวจสอบถ่วงดุล ซึ่งจะส่งผลกดดันเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการกับกรณีนี้ แต่อย่างไรก็ตามปัญหาหลายการใช้สื่อโซเชียลก็มีหลายเรื่อง ต้องมีกระบวนการตรวจสอบไตร่ตรองก่อนที่จะแชร์ ไม่อย่างนั้นก็จะเกิดปัญหาได้ อาทิข่าวเท็จหรือ Fake News จะมีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งยังกระทบต่อเรื่องการทำผิดกฎหมายที่อาจจะง่ายขึ้นเพราะว่าเวลาคนพิมพ์อะไร ผู้มีอำนาจอาจจะมองว่านี่เป็นภายต่อความมั่นคงต่อรัฐได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี