ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา ได้มีการปะทะคารมกันอย่างดุเดือดระหว่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับ นายอธึกกิต แสวงสุข คอลัมนิสต์เจ้าของนามปากกา “ใบตองแห้ง” ในช่วงที่ทั้งกำลังร่วมเวทีสัมมนาสาธารณะหัวข้อ “พลังโซเชียลเปลี่ยนการเมืองไทย” ซึ่งจัดโดยผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชนด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ระดับกลาง (บสก.) รุ่น 7 ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
โดยระหว่างการเสวนา นายอธึกกิต ได้พยายยามกล่าวให้ นายอภิสิทธิ์ ยอมรับผิดกรณีการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลและสถานที่ราชการ หรือ “ซัตดาวน์ กทม.” รวมถึงการขัดขวางการเลือกตั้งของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เพื่อประท้วงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเหมือนกับการปิดสนามเพราะแพ้ โดยขณะนั้น นายอภิสิทธิ์ ก็ได้เดินทางไปร่วมชุมนุมกับ กปปส. ด้วย และกลายเป็นสาเหตุทำให้เกิดการยึดอำนาจของทหารในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ นายอธึกกิต ยังระบุว่า จะไม่เลิกใช้คำว่า “สลิ่ม” เพราะเป็นปัญหาว่าใครเอาประชาธิปไตย ไม่เอาประชาธิปไตย และทั้งหมดมาจากความเป็นสองมาตรฐานในกระบวนการยุติธรรมในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้ประเทศออกจากความขัดแย้งไม่ได้ เหมือนกับการแข่งขันฟุตบอลถ้ากรรมการเป็นกลางก็ไม่มีปัญหา
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่บอกว่ามาปิดสนามเพราะแพ้ ขอให้กลับไปดูการเลือกตั้งเมื่อปี 2550 และ 2554 ถามว่ามีปัญหาหรือไม่ โดยในครั้งล่าสุดที่พรรคเพื่อไทยและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชนะการเลือกตั้ง หลังการนับคะแนนเสร็จ ตนก็ยังเป็นผู้ออกมายอมรับความพ่ายแพ้ จนต่อมาแม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะต้องประสบปัญหาหนักอย่างน้ำท่วมในปี 2554 และกรณีรับจำนำข้าว แต่ก็ยังสามารถอยู่ได้ จนกระทั่งเกิดปัญหาเรื่องนิรโทษกรรมขึ้นมา
“ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความพยายามนิรโทษกรรม ทั้งยังกล่าวหาผมเป็นฆาตกร จะดำเนินคดีผม จะประหารชีวิตผม จะมานิรโทษกรรมให้ผม คนที่ออกกฎหมายตรงนั้นจะไม่เอาผิด เพียงแต่จะล้างความผิด นี่แหละปัญหา”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ในช่วงก่อนรัฐประหารปี 2557 ตนได้เสนอทางออก แต่รัฐบาลกลับมาบอกว่าไม่ต้องยุ่ง เขาเป็นเสียงข้างมาก ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของคนแพ้เลือกตั้งแล้วไปปิดสนาม แต่เป็นเรื่องการแสดงออกของประชาชนที่ไม่ยอมรับการนิรโทษกรรมให้กับพวกพ้อง ความเสื่อมศรัทธาก็เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามวันนี้ไม่ใช่เรื่องมาบอกว่าเป็นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ทุกคนมีส่วนจากกระบวนการที่สั่งสมมา ถ้าไม่อยากให้เกิดอีกต้องถามแต่ละฝ่าย จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ถ้ามีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ไม่ใช้อำนาจเกินขอบเขต ปัญหาก็จะไม่มี และให้มีกลไกองค์กรอิสระแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว เราควรต้องมาพูดกันว่าควรจะทำอย่างไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี