"พรเพชร"ส่งร่างกม.ลูกส.ว.พร้อมแนบรายชื่อ30สนช.ยื่นศาลรธน.ตีความแล้ว ส่วนร่างส.ส.มั่นใจไม่ขัดรัฐธรรมนูญพร้อมส่งให้นายกฯแล้ว ขณะที่กมธ.เสียงข้างน้อยฟันธงโอกาสโมฆะสูงมาก เช่นเดียวกับกกต.ระบุว่าปี49แค่หันก้นออกยังถูกโละใหม่ ด้าน"วิษณุ"ยอมรับมีความเสี่ยง แบไต๋นายกฯอาจส่งวินิจฉัยเองถ้าจำเป็นต้องเอากระดูกแขวนคอ "มาร์ค"โยนเผือกนายกฯต้องจัดการเอง
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงนามในหนังสือยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.เพียงฉบับเดียว เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 19 มี.ค.61 โดยมีสมาชิก สนช.ร่วมลงชื่อส่งเรื่องให้ตีความทั้งหมด 30 คน ส่วนที่ สนช.บางคนเสนอให้พรรคการเมืองทำสัตยาบันยินยอมเลื่อนโรดแมปเลือกตั้งไป 3 เดือน แลกกับการยื่นตีความร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.นั้น ตนไม่มีความเห็น แต่มองว่าไม่สมควรพูด
ทั้งนี้ ในบันทึกความเห็นของประธาน สนช.ตั้งข้อสังเกตว่า การยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญไม่น่าจะมีผลกระทบต่อโรดแมปการเลือกตั้งเนื่องจากมีการเลื่อนวันบังคับใช้ร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.ออกไป 90 วัน ระยะเวลาดังกล่าวน่าจะเพียงพอสำหรับกระบวนการทั้งหมด
ยันตัดสิทธิคนไม่ไปเลือกตั้งถูกต้องแล้ว
ส่วนร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ไม่ยื่นตีความนั้น เนื่องจากเห็นว่าในประเด็นการตัดสิทธิผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งจะไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมืองเห็นว่าเป็นหลักการที่ถูกต้องแล้ว ในการส่งเสริมให้บุคคลตระหนักถึงหน้าที่ไปลงคะแนนเลือกตั้ง ตำแหน่งข้าราชการการเมืองมีจำนวนน้อย จึงกระทบบุคคลในวงแคบมาก ดังนั้น การจำกัดสิทธิเสรีภาพย่อมทำได้ด้วยบทบัญญัติกฎหมาย เมื่อมีเหตุผลที่สมควร ไม่น่ามีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
ช่วยเหลือผู้พิการเป็นวิธีการลากล
สำหรับประเด็นการให้คนพิการที่ไม่สามารถลงคะแนนเสียงด้วยตัวเอง ให้มีบุคคลช่วยเหลือในการลงคะแนนในคูหาเลือกตั้งได้นั้นเห็นว่าการใช้สิทธิมีความสมบูรณ์ถูกต้อง คำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญที่กรธ.อ้างมานั้น ไม่อาจนำมาปรับใช้ได้กับการช่วยเหลือคนพิการตามร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.เนื่องจากการช่วยเหลือคนพิการมีคนรู้การลงคะแนนเพิ่มอีกคนเดียว ไม่ใช่การเปิดเผยต่อสาธารณชน
"การใช้สิทธิเช่นนี้ของคนพิการมีจำนวนน้อยมากในแต่ละคูหา ไม่อาจกล่าวได้ว่าจะทำให้การเลือกตั้งของคนพิการที่มีผู้ช่วยเหลือ เป็นกรณีเดียวกับข้อเท็จจริงในคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญที่นำมาเปรียบเทียบ ในทางตรงข้ามเป็นการรับรองสิทธิคนพิการทางการเมือง สอดคล้องวิธีปฏิบัติที่เป็นสากล" นายพรเพชร กล่าว
ยื่นร่างพ.ร.ป.สส.จะล่าช้าอีก2เดือน
นายพรเพชร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ หากมีการยื่นร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.ต่อศาลรัฐธรรมนูญ จะส่งผลให้การประกาศใช้ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ช้าไปกว่าเดิมประมาณ 2 เดือน แม้เป็นระยะเวลาไม่นานนัก แต่เมื่อสมาชิก สนช.มีความเชื่อมั่นว่าข้อความในร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งสองประเด็นดังกล่าวไม่มีปัญหาเรื่องความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีการเข้าชื่อเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
"ดังนั้น ประธาน สนช.จึงส่งร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ไปยังนายกรัฐมนตรี ในวันนี้ (19 มี.ค.) เพื่อดำเนินการต่อไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ" นายพรเพชร กล่าว
ถ้าตัดสินโมฆะก็คืนสิทธิกลับไป
ส่วนความห่วงใยเกี่ยวกับผลกระทบจากการไม่ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.ที่เกรงว่าหากมีผู้ไปยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในภายหลัง จนอาจมีผลกระทบต่อโรดแมปนั้น ในกรณีการตัดสิทธิการดำรงตำแหน่งทางการเมืองของผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งนั้น หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจว่าเป็นโมฆะจะมีผลคือผู้ถูกตัดสิทธิจะได้รับสิทธินั้นคืน โดยไม่ต้องแก้ไขเพิ่มเติมร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.จึงไม่กระทบโรดแมป
ปมคนพิการไม่ต้องแก้ทั้งฉบับ
นายพรเพชร กล่าวว่า ขณะที่ประเด็นการให้ผู้พิการมีผู้ช่วยเหลือในคูหาเลือกตั้ง หากมีความกังวลจะขัดรัฐธรรมนูญ ผู้ได้รับผลกระทบควรใช้สิทธินี้ เมื่อร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นโมฆะ ผลที่เกิดขึ้นคือ สิทธิของผู้พิการที่ได้รับความช่วยเหลือจะหายไป ไม่จำเป็นต้องแก้ไขร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.
เป็นหลังเลือกตั้งอาจมีผลกระทบ
อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวจะมีผลกระทบ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นนี้เป็นโมฆะ หลังจากการเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้วอาจมีผลต่อการนับคะแนนได้ ดังนั้นผู้เกี่ยวข้องที่เห็นว่า บทบัญญัตินี้อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญจึงควรยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ขอยืนยันว่า สนช.พิจารณากฎหมายด้วยความรอบคอบ ระมัดระวังไม่ให้มีบทบัญญัติใดขัดรัฐธรรมนูญ
อดีตกมธ.ยันไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
ส่วน นายวิทยา ผิวผ่อง สมาชิก สนช.ในฐานะอดีตประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.กล่าวว่า สำหรับตนมั่นใจว่าร่าง พ.ร.ป.ดังกล่าวไม่น่าจะมีปัญหา เพราะประเด็นที่ กรธ.ทักท้วงทั้งสองประเด็น เช่น การให้เจ้าหน้าที่ กกต.กาบัตรแทนคนพิการ เป็นแค่วิธีปฏิบัติ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญก็ตัดประเด็นนั้นๆ ทิ้งไป
เชื่อกกต.หาตัวช่วยคนพิการได้แน่
นายวิทยา กล่าวว่า ส่วนข้อกังวลเรื่องการให้เจ้าหน้าที่ กกต.กาบัตรแทนคนพิการทำให้การลงคะแนนไม่เป็นความลับนั้น ในกฎหมายลูก ส.ส.เขียนระบุไว้ ให้เจ้าหน้าที่ กกต.ช่วยอำนวยความสะดวกให้คนพิการได้ ทราบว่า กกต.มีเครื่องมือช่วยคนพิการโดยเฉพาะในการลงคะแนน เช่น คนพิการมือแขนด้วน แม้เจ้าหน้าที่ กกต.จะเป็นคนกาบัตรแทนให้ แต่จะมองไม่เห็นว่ากาเบอร์อะไร กกต.มีวิธีการในเรื่องนี้อยู่แล้ว คงไม่ใช้วิธีให้เจ้าหน้าที่ไปกาบัตรแทนคนพิการตรงๆ อาจเสี่ยงต่อการขัดรัฐธรรมนูญได้
กมธ.เสียงข้างน้อยฟันธงเสี่ยงโมฆะ
ขณะที่ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิก สนช.ในฐานะอดีต กมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.ป.เสียงข้างน้อย กล่าวว่า การไม่ยื่นตีความร่างฉบับนี้อาจจะเกิดความวุ่นวายหากมีผู้ไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ภายหลังการเลือกตั้ง ซึ่งตนเคยทักท้วงไปแล้วแต่สู้เสียงส่วนใหญ่ไม่ได้ก็ต้องเคารพ แต่ฟันธงได้เลยว่า จะมีคนไปยื่นตีความหลังการเลือกตั้งแน่นอน และถ้าศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญจะยิ่งยุ่งกันใหญ่
"การให้เจ้าหน้าที่กกต.กาบัตรแทนคนพิการ ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นความลับย่อมมีผลกระทบต่อคะแนนเลือกตั้ง ที่ผ่านมาแค่หันคูหาเลือกตั้งผิดฝั่ง ศาลรัฐธรรมนูญยังลงมติให้เลือกตั้งเป็นโมฆะมาแล้ว เที่ยวนี้จึงต้องดูว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะลงมติอย่างไร" นายกิตติศักดิ์ กล่าว
"วิษณุ"ยอมรับมีความเสี่ยง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกรณี กรธ.ต้องการให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเองว่า ยังไม่สามารถตอบได้ หากมีกฎหมายลูกส่งมาที่รัฐบาล นายกฯ ก็มีอำนาจที่จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ซึ่งนายกฯ อาจหารือกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อกฎหมายมาถึงรัฐบาล
"นายกฯ จะมีเวลา 5 วัน เพื่อรอว่าจะมีผู้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่ โดย ส.ส.อาจเป็นผู้ยื่นก็ได้ แต่เมื่อครบ 5 วัน หากไม่มีผู้ใดยื่นศาลรัฐธรรมนูญ รัฐบาลก็สามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความได้ภายใน 20 วัน แต่หากไม่ยื่นก็ต้องทูลเกล้าฯถวายเพื่อให้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา และเมื่อมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วก็ไม่สามารถยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความได้จนกว่าจะมีคดีเกิดขึ้น จึงจะร้องเรียนผ่านศาลซึ่งประเด็นดังกล่าวถือเป็นความเสี่ยง" นายวิษณุ กล่าว
เป็นไปได้นายกฯยื่นตีความเอง
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ส่วนตัวเชื่อว่ารัฐบาล กรธ.และสภาฯ ทำงานอยู่กับข้อกฎหมายย่อมทราบขั้นตอน ระยะเวลาการส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าเรื่องใดควรใช้เวลาเท่าใด ซึ่งเรื่องที่ต้องสืบพยานจะใช้ระยะเวลานาน ส่วนเรื่องที่เป็นข้อกฎหมายใช้เวลาไม่นาน จึงคาดว่าอาจทำให้การเลือกตั้ง ส.ส.ต้องเลื่อนระยะเวลาออกไปอีก แต่ก็ไม่นานนัก เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นข้อกฎหมาย
ทั้งนี้ หาก สนช.ต้องการให้ ครม.พิจารณาก็ควรเร่งดำเนินการ ขณะนี้ยังไม่ขอตอบว่าการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความมีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไร ขอให้สอบถามกับทาง กรธ.เนื่องจาก กรธ.เป็นเจ้าของเรื่อง
"ตอนนี้เนื้อไม่ได้กินหนังไม่รองนั่ง อย่าเพิ่งเอากระดูกมาแขวนคอ แต่จำเป็นต้องแขวนก็จะแขวน ตอนนี้อย่าเพิ่งสมมุติกันไปก่อน" นายวิษณุ กล่าว
"บิ๊กป้อม"ฉุนถูกถามเลิกพูดได้แล้ว
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการเลือกตั้งอาจเลื่อนออกไปอีก เนื่องจาก สนช.ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความร่างกฎหมายลูกที่มา ส.ว.ว่า ขอให้เลิกพูดเรื่องนี้ การตีความกฎหมายลูกจะอยู่ในระยะเวลาที่เผื่อไว้แล้ว และที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการยื้อการเลือกตั้งนั้นจะไปยื้อได้อย่างไร นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้บอกไว้แล้วว่าเผื่อระยะเวลาเอาไว้แล้ว
"บุญส่ง"ระบุยื่นตีความเป็นผลดีกกต.
ส่วน นายบุญส่ง น้อยโสภณ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า การยื่นตีความร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.ถือเป็นประโยชน์กับ กกต.เพราะจะได้มีความชัดเจนในการทำงาน หากยื่นตีความหลังกฎหมายใช้บังคับแล้วอาจจะเกิดปัญหา แต่ในส่วนของร่างกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ทาง สนช.เห็นว่าไม่เป็นสาระสำคัญที่จะทำให้กฎหมายขัดรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีการยื่นตีความก็เป็นไร
"แต่ กกต.เป็นห่วงอย่างเดียวคือเมื่อเลือกตั้ง ส.ส.หรือสรรหา ส.ว.ไปแล้ว มีการใช้งบประมาณไปจำนวนมาก แล้วถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเสียไป ก็จะต้องเสียงบประมาณจำนวนมาก" นายบุญส่ง กล่าว
ชี้ประเด็นคนพิการเสี่ยงถูกร้องเรียน
นายบุญส่ง กล่าวว่า ส่วนประเด็นการอำนวยความสะดวกผู้พิการและผู้สูงอายุในการเลือกตั้ง ที่สามารถให้ผู้ติดตามช่วยทำเครื่องหมายในบัตรเลือกตั้งแทนได้นั้น เมื่อไม่มีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กกต.ในฐานะผู้ปฏิบัติต้องออกระเบียบให้รัดกุม โดยที่ประชุม กกต.เห็นว่าคงไม่ได้ดูแค่ว่าเป็นผู้สูงอายุเท่านั้น แต่จะต้องดูว่าบุคคลดังกล่าวไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเอง ไม่สามารถทำเครื่องหมายในบัตรเลือกตั้งได้ กรณีนี้เคยใช้มาแล้วตอนทำประชามติ ซึ่งมีผู้มาขอใช้สิทธิ์ในลักษณะนี้ไม่มาก แต่ก็ได้ให้นโยบายกับผู้ปฏิบัติไปแล้วว่า การลงประชามติไม่มีการแข่งขันทำให้ไม่มีการร้องเรียน แต่การเลือกตั้งการแข่งขันสูง ฝ่ายแพ้ก็จ้องที่จะหาเหตุในการร้องเรียน และอาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้
ยกคำวินิจฉัยปี49แค่หันก้นออกยังโมฆะ
"ที่ผ่านมา กรธ.พยายามนำคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญปี 49 กรณีหันคูหาโดยเอาก้นออก มาเทียบเคียงกับกรณีนี้ แต่ก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ซึ่งกรณีนั้นศาลวินิจฉัยจากการใช้สิทธิของผู้สมัครคนเดียว และทำให้การเลือกตั้งโมฆะ ในการเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะมีผู้ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้หลายรายมาใช้สิทธิ หากหน่วยหนึ่งใช้สิทธิ 10 คน แล้วการแข่งขันสูงหากเกิดการร้องเรียนจะเป็นปัญหาหรือไม่ แต่ผมก็ยังหวังว่าที่สุดศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยที่เป็นคุณ แต่เราก็ต้องทำให้รอบคอบ" นายบุญส่ง กล่าว
"มาร์ค"โยนเผือนร้อนบิ๊กตู่ยื่นศาล
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ในส่วนของร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.นั้น เราต้องดูว่าหาก สนช.ไม่ยื่นตีความแล้ว ใครจะเป็นผู้ยื่นได้บ้าง ซึ่งจะมีขั้นตอนหนึ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เป็นผู้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ในขั้นตอนนั้นตนมองว่านายกฯสามารถยื่นตีความได้ แต่ถ้าประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว มีผู้ได้รับผลกระทบ และมีการยื่นตีความอีกจะทำอย่างไร
จวกสนชพิจารณากม.ไม่รอบคอบ
“ตรงนี้คือสิ่งที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)ก็เป็นกังวล ถึงได้บอกให้สนช.ยื่นทั้ง 2 ฉบับ จะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง ซึ่งหากมีปัญหาในภายหลังก็อาจถูกมองว่า ทำให้ทุกอย่างยืดไปอีก มาถึงขณะนี้ สนช.ต้องยอมรับว่าทำกฎหมายด้วยความไม่รอบคอบ ไม่มีความเข้าใจกับกติกาต่างๆ สุดท้ายแล้วก็เป็นการโยนเผือกร้อนให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ เสียเอง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ทางออกนายกฯต้องแก้ปัญหานี้
พร้อมกับเสนอทางออกว่า คนที่จะแก้ปัญหาตรงนี้คือ พล.อ.ประยุทธ์ โดยต้องอย่าทำกฎหมายมีปัญหา และต้องไม่มีอะไรไปกระทบโรดแมป ถ้าต้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้วเกรงว่าจะกระทบโรดแมป ตนแนะนำให้ยกเลิกในร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ประเด็นที่กำหนดให้มีผลบังคับใช้กฎหมาย 90 วัน หลังประกาศราชกิจจานุเบกษาออกไปเสียก่อน ซึ่งตนเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ บอก สนช.ทำตามได้อยู่แล้ว
พท.ฉะสนช.เล่นละครแหกตา
ขณะที่ นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวในเรื่องนี้ว่า คนร่างคือคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ทำไมไม่พูดคุยกับ สนช.กันแต่ต้น เพราะท่านได้รับการแต่งตั้งออกมาจากกอไผ่เดียวกัน
"อย่าเล่นละครกันให้มาก ถ้าอยากให้จบก็จบ ไม่จบก็ไม่จบ กฎหมายได้สร้างปัญหาให้ประเทศแล้ว เห็นได้จากแม้แต่คนร่างกับ สนช.ยังเห็นไม่ตรงกัน แล้วถ้าใช้จะเป็นปัญหาขนาดไหน ถ้าพวกท่านไม่อยากให้เลือกตั้งก็อย่าเลือก มาตรา 44 ใช้แก้ปัญหาเรื่องอื่นมามาก เรื่องนี้พอเกิดปัญหาความขัดแย้งแล้ว ทำไมไม่ใช้ ทำไมการจะคืนอำนาจให้ประชาชนถึงกลับไม่นำมาใช้" นายสมคิด กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี