20 มี.ค.61 เวลา 09.00 น.ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ และ พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมแถลงผลการประชุม ครม.ซึ่งสรุปสาระสำคัญดังนี้
กฎหมาย
1. เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการปล่อยชั่วคราวและการใช้สิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีหรือการดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีอาญา)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการปล่อยชั่วคราวและการใช้สิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีหรือการดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีอาญา) ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานอัยการสูงสุดไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ
เรื่อง |
สาระสำคัญ |
1. การปล่อยชั่วคราว |
แก้ไขหลักเกณฑ์ในการเรียกประกันและหลักประกันในการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลย โดยขยายเพดานอัตราโทษห้าปีขึ้นไป เป็นอย่างสูงเกินสิบปีขึ้นไป |
2. บุคคลที่ศาลสั่งปล่อยชั่วคราวหลบหนี |
กำหนดให้ในกรณีที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ศาลสั่งปล่อยชั่วคราวหนีหรือจะหลบหนี ให้ศาลมีอำนาจแต่งตั้งเจ้าพนักงานศาลดำเนินการแจ้งให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจับผู้ต้องหาหรือจำเลยนั้น หรือถ้ามีเหตุจำเป็น ก็ให้เจ้าพนักงานศาลมีอำนาจจับผู้ต้องหาหรือจำเลยได้เอง |
3. การพิจารณาพิพากษาคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ |
กำหนดให้ศาลสามารถมีคำสั่งไม่ประทับฟ้องคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ก่อนนัดไต่สวนมูลฟ้องได้หากเห็นว่าโจทก์ใช้สิทธิฟ้องโดยไม่สุจริตหรือโดยบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อกลั่นแกล้งหรือเอาเปรียบจำเลย โดยโจทก์จะยื่นฟ้องคดีนั้นอีกไม่ได้ |
2. เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน)]
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน)] ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
กค.เสนอว่า
1. สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) พ.ศ.2554 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 เป็นหน่วยงานของรัฐประเภทองค์การมหาชนที่ไม่แสวงหากำไร มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้เกิดการใช้ประโยชน์ในที่ดินอย่างเหมาะสม สนับสนุนทางการเงินแก่การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และเพื่อให้เกิดการกระจายการถือครองที่ดินที่เป็นธรรมและยั่งยืน โดยสถาบันฯ มีอำนาจหน้าที่ในการให้สินเชื่อเพื่อการจัดหาและพัฒนาที่ดินแก่เกษตรกร
ผู้ยากจน ผู้ประสงค์จะใช้ประโยชน์ในที่ดิน องค์กรชุมชน หรือเครือข่ายองค์กรชุมชน โดยมีทุนและทรัพย์สินในการดำเนินงานประกอบด้วย เงินและทรัพย์สินที่รับโอนมาจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) เงินที่รัฐบาลจ่ายเป็นทุนประเดิม เงินอุดหนุนจากภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อใช้เป็นทุนในการช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ยากจน ผู้ไร้ที่ดินทำกิน ผู้จะสูญเสียสิทธิในที่ดิน และสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจัดทำและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิและการใช้ประโยชน์ในที่ดิน ซึ่งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) เริ่มดำเนินการให้สินเชื่อตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2559 และจะสิ้นสุดการดำเนินงานในปี 2562 โดยข้อมูลการให้สินเชื่อถึงวันที่ 31 มกราคม 2561 พบว่า มีจำนวน 184 สัญญา เป็นจำนวนเงิน 77.12 ล้านบาท
2. กค. พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนให้มีที่ดินในการประกอบอาชีพและอยู่อาศัย แก้ปัญหาการขาดแคลนที่ดินทำกินและปัญหาการไม่สามารถเข้าถึงที่ดินของเกษตรกรรายย่อยซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ จึงสมควรกำหนดให้มีการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้แก่สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) สำหรับการประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ เฉพาะรายรับจากการให้สินเชื่อ และรายรับจากการขายอสังหาริมทรัพย์ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2559 เป็นต้นไป ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับวันที่สถาบันฯ เริ่มดำเนินการให้สินเชื่อ
3. กค.ได้ดำเนินการวิเคราะห์ผลกระทบของมาตรการในเรื่องนี้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 แล้ว โดยมาตรการข้างต้นจะมีผลกระทบ ดังนี้
3.1 สนับสนุนภารกิจในการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน)
3.2 ช่วยเหลือให้เกษตรกรมีที่ดินในการประกอบอาชีพและอยู่อาศัยเป็นของตนเอง รวมทั้งสนับสนุนให้มีการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืนตามนโยบายของรัฐ อันจะทำให้ประชาชนมีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
3.3 ไม่ส่งผลกระทบต่อผลการจัดเก็บภาษีอย่างมีนัยสำคัญ แต่จะมีส่วนช่วยให้สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) มีเงินทุนในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น
สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา
กำหนดให้ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้แก่กิจการของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) สำหรับการประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ เฉพาะรายรับจากการให้สินเชื่อเพื่อการจัดหาและพัฒนาที่ดินแก่เกษตรกร ผู้ยากจน ผู้ประสงค์จะใช้ประโยชน์ในที่ดิน องค์กรชุมชน หรือเครือข่ายองค์กรชุมชนและจากการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2559 เป็นต้นไป
3. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงกำหนดสุขลักษณะการจัดการมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดสุขลักษณะการจัดการมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอและให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง
1. กำหนดบทนิยามคำว่า "มูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน" "ผู้ก่อกำเนิดมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน" "คัดแยก" "การแยกชิ้นส่วน" และคำว่า "จุดแยกทิ้ง" เป็นต้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการบังคับใช้กฎหมาย
2. กำหนดห้ามดำเนินกิจการรับทำการเก็บ ขน หรือกำจัดมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน โดยทำเป็นธุรกิจหรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น
3. กำหนดให้ผู้ได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือผู้ได้รับอนุญาตจัดการมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน ดำเนินการในการเก็บ การขน การกำจัดมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน ต้องมีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบอย่างน้อยหนึ่งคน โดยมีคุณสมบัติตามที่กำหนด รวมทั้ง กรณีที่ราชการส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการให้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบอย่างน้อยหนึ่งคน
4. กำหนดให้ราชการส่วนท้องถิ่นหรือผู้ได้รับมอบจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือผู้ได้รับอนุญาต
แล้วแต่กรณี ต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขด้านสุขลักษณะสำหรับผู้ปฏิบัติงานในการเก็บ ขน และกำจัดหรือแยกชิ้นส่วนมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตราย เช่น ต้องจัดให้มีสถานที่ห้องน้ำ ห้องสุขา จัดให้มีการตรวจสุขภาพ จัดให้มีอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยและเหตุฉุกเฉิน และสนับสนุนให้มีการฝึกอบรม สำหรับผู้ปฏิบัติงาน
5. กำหนดให้ผู้ปฏิบัติงานในการเก็บ ขน และกำจัดหรือแยกชิ้นส่วนมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน ต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขด้านสุขลักษณะตามที่กำหนด
6. กำหนดให้ผู้ก่อกำเนิดมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชนต้องคัดแยกใส่ในภาชนะบรรจุตามที่กำหนด ซึ่งราชการส่วนท้องถิ่นต้องจัดให้มีจุดแยกทิ้งและสถานที่พักรวม รวมถึงกำหนดสุขลักษณะที่ต้องดำเนินการในสถานที่พักรวม
7. กำหนดให้ราชการส่วนท้องถิ่น ผู้ได้รับมอบจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือผู้ได้รับอนุญาตที่ดำเนินการรับขนมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน จากจุดแยกทิ้งที่ราชการส่วนท้องถิ่นจัดไว้ให้หรือจากสถานที่พักรวมมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชนเพื่อนำไปกำจัดต้องจัดให้มียานพาหนะสำหรับขนมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชนที่ถูกสุขลักษณะและดำเนินการขนอย่างถูกสุขลักษณะและปฏิบัติตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
8. กำหนดให้ราชการส่วนท้องถิ่ ผู้ได้รับมอบจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือผู้ได้รับอนุญาตที่ดำเนินการรับทำการกำจัด ต้องจัดให้มีการสถานที่พักรวมเพื่อรอการกำจัดและกำหนดวิธีการกำจัดมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน และต้องดำเนินการตามกฎหมายโรงงานและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
4. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง
1. กำหนดให้อัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากตำรับยาแผนไทยของชาติหรือตำราการแพทย์แผนไทยของชาติ ฉบับละ 3,000 บาท
2. กำหนดให้อัตราค่าธรรมเนียมคำขออนุญาต คำขอต่ออายุใบอนุญาต คำขอขึ้นทะเบียนและคำขอจดทะเบียน ฉบับละ 20 บาท
5. เรื่อง ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของกระทรวงการต่างประเทศและข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
กค.เสนอว่า
1. เนื่องจากพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2560 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1.1 แก้ไขบทนิยามคำว่า "ข้าราชการ" โดยตัด "ข้าราชการฝ่ายตุลาการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการ และข้าราชการฝ่ายอัยการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ" ออกจากบทนิยาม
1.2แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเดินทางโดยพาหนะรับจ้างและพาหนะส่วนตัว
1.3 กำหนดชั้นโดยสารเครื่องบินทั้งในประเทศและต่างประเทศ
2. ดังนั้น เพื่อให้การเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการตามระเบียบกระทรวงการคลังมีความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2560 และเพื่อความชัดเจนในการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ กค.จึงเห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
สาระสำคัญของร่างระเบียบ
แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2560 โดยร่างระเบียบดังกล่าวมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการขออนุมัติในกรณีผู้เดินทางมีความจำเป็นต้องเดินทางเกินกว่าระยะเวลาที่กำหนด การเดินทางไปราชการในท้องที่ที่มีค่าครองชีพสูง หรือเป็นแหล่งท่องเที่ยว การให้ใช้ยานพาหนะประจำทางและการเบิกค่าพาหนะ การกำหนดผู้เดินทางที่สามารถเบิกเงินค่ารับรองได้เท่าที่จ่ายจริง การให้ค่าโดยสารเครื่องบินกรณีผู้ให้ความช่วยเหลือไม่ออกค่าโดยสารเครื่องบินและกรณีได้รับความช่วยเหลือค่าโดยสารเครื่องบินแล้ว การเดินทางไปปฏิบัติภารกิจร่วมกับหัวหน้าคณะผู้ดำรงตำแหน่งประเภททั่วไประดับทักษะพิเศษ และการยกเลิกความในบัญชีท้ายระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และกำหนดบัญชีหมายเลขใหม่
เศรษฐกิจ-สังคม
6. เรื่อง การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2561 ครั้งที่ 1
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะนำเสนอคณะรัฐมนตรี เสนอ ดังนี้
1. อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ (แผนฯ) ประจำปีงบประมาณ 2561
ครั้งที่ 1 ที่มีวงเงินปรับเพิ่มขึ้นสุทธิ 85,906.42 ล้านบาทจากเดิม 1,502,977.06 ล้านบาท เป็น 1,588,883.48
ล้านบาท
2. รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มขึ้น 9,830.11 ล้านบาท จากเดิม 161,433.45 ล้านบาท เป็น 171,263.56 ล้านบาท
3. อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุนและการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2561 ปรับปรุงครั้งที่ 1
4. อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่างๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2561 ปรับปรุงครั้งที่ 1 ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ
5. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย เป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะรายงานผลการดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2549
6. รับทราบผลการติดตามการบริหารจัดการระบายยางพาราคงค้างของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) พร้อมทั้งมอบหมายให้ กยท.ดำเนินการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพยางพาราคงเหลือ และดำเนินการจำหน่ายยางพาราในระดับราคาที่เหมาะสม โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา และให้ กยท. รายงานผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะและคณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะต่อไป
ทั้งนี้ ให้กระทรวงเจ้าสังกัดและหน่วยงานเจ้าของวงเงินกู้ทั้งในส่วนของการดำเนินการตามแผนงานปกติและการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการที่ใช้จ่ายจากงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 กำกับติดตามการดำเนินแผนงาน/โครงการให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดอย่างเคร่งครัด โปร่งใส และตรวจสอบสอบได้ต่อไปด้วย
รวมทั้ง ให้การยางแห่งประเทศไทยดำเนินการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพยางพาราคงเหลือและดำเนินการจำหน่ายยางพาราดังกล่าวในระดับราคาที่เหมาะสม โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราเพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณที่ต้องชดเชยผลการขาดทุน และให้รายงานคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะและคณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะต่อไป และเมื่อดำเนินการจำหน่ายยางพาราในโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายางและโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางออกสู่ตลาดแล้วเสร็จ ขอให้เร่งดำเนินการปิดบัญชีโครงการฯ และให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรับรองโครงการฯ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณมาชดเชยผลขาดทุนตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำกับดูแลขั้นตอนการดำเนินงานของการยางแห่งประเทศไทยอย่างใกล้ชิด
7. เรื่อง โครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ระยะที่ 2 ของธนาคารออมสิน
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน
ระยะที่ 2 ของธนาคารออมสิน และอนุมัติวงเงินงบประมาณที่ใช้ในโครงการฯ ดังกล่าว เป็นวงเงินงบประมาณสูงสุด
ไม่เกิน 4,000 ล้านบาท โดยมอบหมายให้ธนาคารออมสินทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นรายปีตามความเหมาะสมและความจำเป็นต่อไป ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ
ทั้งนี้ ให้ กค. โดยธนาคารออมสินรับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาดำเนินการ ดังนี้
1.ควรพิจารณาดำเนินการด้วยความละเอียดรอบคอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่เข้าร่วมโครงการฯ และป้องกันการเกิด NPL ในระบบ ซึ่งจะเป็นการช่วยลดภาระงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินโครงการฯ ทั้งนี้ควรพิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการฯ ในระยะที่ 1 เป็นลำดับแรกก่อนเพื่อความเป็นธรรม
2.เห็นควรให้ กค.มีการติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด รวมทั้งมีการประเมินและวิเคราะห์ถึงความจำเป็นในการขยายระยะเวลาหรือขยายการดำเนินโครงการก่อนที่จะสิ้นสุดโครงการ เพื่อให้สามารถนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบได้ทันการณ์ ซึ่งจะทำให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้
8. เรื่อง การดำเนินโครงการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2560 (เรื่อง สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ 2/2560)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ 3 โครงการ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เสนอ ดังนี้
1.โครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานภาครัฐ
1.1 งบประมาณในการหมุนเวียนรับซื้อยางในโครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานภาครัฐจากเกษตรกรชาวสวนยาง และนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในหน่วยงานภาครัฐ ให้ใช้เงินกองทุนพัฒนายางพารา ตามมาตรา 49 (3) แห่งพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558 วงเงิน 1,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินการหมุนเวียนรับซื้อยางตามมติคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทยไปก่อน ทั้งนี้ หากไม่เพียงพอจะขออนุมัติให้ใช้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในกรอบวงเงิน 2,000 ล้านบาท (รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท) เพื่อใช้หมุนเวียนรับซื้อยางพาราภายใต้กรอบวงเงินโครงการฯ จำนวน 12,000 ล้านบาท) โดยการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จะทำข้อมูลความต้องการใช้ยางพาราของหน่วยงานภาครัฐ แผนการรับซื้อและจำหน่ายยางพาราของ กยท.จำแนกข้อมูลเป็น รายเดือน และข้อมูลอื่นๆ เพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ (สงป.) ตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของการนำเงินรายได้ที่เกิดขึ้นจากการขายยางมาหมุนเวียนเพื่อรับซื้อยางตามโครงการฯ กยท.จะทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง (กค.) ต่อไป
1.2 ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการโครงการ วงเงินไม่เกิน 150 ล้านบาท ให้ กยท.
จัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
2.โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยาง (วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท)
2.1 ค่าเบี้ยประกัน ในอัตราร้อยละ 0.36 ต่อปี จำนวน 36 ล้านบาทต่อปี ระยะเวลา 3 ปี รวมเป็นเงิน 108 ล้านบาท ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามรายจ่ายจริงที่จะเกิดขึ้น
2.2 ค่าบริหารโครงการ อัตราร้อยละ 0.14 ต่อปี จำนวน 14 ล้านบาทต่อปี ระยะเวลา 3 ปี รวมเป็นเงินไม่เกิน 42 ล้านบาท ให้ กยท.ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
3.โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง (ยางแห้ง) (วงเงินสินเชื่อ 20,000 ล้านบาท)
3.1 ภาครัฐชดเชยดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 3 ต่อปี กรอบวงเงินไม่เกิน 600 ล้านบาท ให้ กยท.ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามรายจ่ายจริงที่จะเกิดขึ้นต่อไป โดยขอให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษา และแนะนำวิธีการคำนวณการชดเชยดอกเบี้ย โดยไม่รวมรายจ่ายชำระต้นเงินกู้และไม่รวมถึงการชดเชยความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
3.2 ค่าบริหารโครงการ วงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท ให้ กยท.ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
9. เรื่อง ขออนุมัติเงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการวางเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์)
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่องขออนุมัติเงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการวางเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์) ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ แล้วมีมติเห็นชอบให้ กค.โดยกรมบัญชีกลางใช้จ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ กค.ได้อนุมัติให้กันไว้เบิกเหลื่อมปี ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม 2561 จำนวน 257,531,600 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการวางเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Capture:EDC) ที่ร้านธงฟ้าประชารัฐ จำนวน 10,000 เครื่อง และร้านประชารัฐของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จำนวน 10,000 เครื่อง
สาระสำคัญของเรื่อง
กค.แจ้งว่า ได้รับการร้องขอจากกระทรวงพาณิชย์ให้ติดตั้งเครื่อง EDC เพิ่มเติมอีกจำนวน 20,000 เครื่อง เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ได้รับการร้องเรียนจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการว่า ยังไม่ได้รับการติดตั้งเครื่อง EDC และในบางพื้นที่ยังไม่มีร้านค้าที่ติดตั้งเครื่อง EDC นอกจากนี้ ยังได้รับข้อร้องเรียนจากประชาชนผู้มีสิทธิถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐด้วยว่าไม่ได้รับความสะดวกในการใช้สิทธิ เนื่องจากร้านธงฟ้าประชารัฐที่รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีไม่เพียงพอ กค.โดยกรมบัญชีกลางจึงได้เสนอขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการวางเครื่อง EDC เพิ่มเติม
10. เรื่อง การดำเนินการตามมติคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เปิดตลาดสินค้ากากถั่วเหลืองที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเพื่อมนุษย์บริโภค และกากถั่วเหลืองที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ ปี 2561 - 2563 ตามที่
รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ประธานกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง ให้คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กำกับดูแลและติดตามการนำเข้าสินค้ากากถั่วเหลืองที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเพื่อมนุษย์บริโภคและกากถั่วเหลืองที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่จะมีการเปิดตลาดภายใต้กรอบการค้าต่างๆ ในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด ตลอดจน พิจารณาทบทวนมาตรการการนำเข้าและแนวทางการบริหารการนำเข้าภายใต้กรอบการค้าต่างๆ ดังกล่าวเป็น ระยะๆ ให้ทันต่อสถานการณ์การนำเข้าและสถานการณ์การตลาดภายในประเทศด้วย
สาระสำคัญของการเปิดตลาดและบริหารนำเข้าสินค้ากากถั่วเหลือง พิกัดอัตราศุลกากร 2304.00.90 รหัสย่อย 02 เฉพาะที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเพื่อมนุษย์บริโภค (รหัสสถิติ 002/KGM) และรหัสย่อย 29 เฉพาะที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ (รหัสสถิติ 090/KGM) คราวละ 3 ปี (ปี 2561 - 2563) ดังนี้
1.การเปิดตลาดภายใต้กรอบWTO [ดำเนินการเปิดตลาดเช่นเดียวกับปี 2560]
1.1 ปริมาณตามที่ผูกพัน 230,559 ตัน ภาษีในโควตาร้อยละ 10 ภาษีนอกโควตา ร้อยละ 133
1.2 ให้มีการบริหารการนำเข้า ดังนี้
(1) เป็นนิติบุคคลที่ใช้กากถั่วเหลืองเป็นวัตถุดิบในการผลิตในกิจการของตนเอง
(2) ให้นำเฉพาะด่านศุลกากรที่มีด่านพืชและด่านอาหารและยาเท่านั้น
(3) ผู้นำเข้ากากถั่วเหลือง รหัสย่อย 02 เฉพาะที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเพื่อมนุษย์บริโภค (รหัสสถิติ002/KGM) จะต้องแสดงใบรับรอง Non-GMO จากประเทศผู้ผลิตต้นทางยื่นประกอบการนำเข้า
(4) สำหรับหลักเกณฑ์การจัดโควตา ให้เป็นไปตามที่กรมการค้าต่างประเทศกำหนด
การเปิดตลาดใต้กรอบการค้าอื่น ให้เป็นไปตามข้อผูกพัน ดังนี้
กรอบการค้า |
รายละเอียด |
1. เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) |
ภาษีร้อยละ 0 |
2. ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) |
ภาษีร้อยละ 0 |
3. ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ไทย-นิวซีแลนด์ (TNZCEP) |
ภาษีร้อยละ 0 |
4. ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) |
ภาษีในโควตาร้อยละ 0 ภาษีนอกโควตาร้อยละ 133 |
5. เขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (AKFTA) |
ภาษีในโควตาร้อยละ 0 ภาษีนอกโควตาร้อยละ 133 |
6. ความตกลงการค้าเสรีไทย-ชิลี (TCFTA) |
ภาษีในโควตาร้อยละ 0 ภาษีนอกโควตาร้อยละ 133 |
7. ประเทศนอกความตกลง |
ภาษีร้อยละ 6 และค่าธรรมพิเศษตันละ 2,519 บาท |
ต่างประเทศ
11. เรื่อง การลงนามเอกสาร Compact between the Secretary-General of the United Nations and the Government of … : Commitment to eliminate sexual exploitation and abuse
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบให้ประเทศไทยลงนามในร่างเอกสารความตกลงระหว่างเลขาธิการสหประชาชาติกับรัฐบาลของรัฐสมาชิก : คำมั่นในการขจัดการแสวงหาประโยชน์และการล่วงละเมิดทางเพศ (Compact between the Secretary-General of the United Nations and the Government of… : Commitment to eliminate sexual exploitation and abuse) โดยหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนการลงนาม ให้ กต. สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
2. มอบหมายให้เอกอัคราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในเอกสาร ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติ (UN) กำหนดให้ผู้ได้รับมอบหมายลงนามในนามผู้แทนรัฐบาลไทย
3. มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) สำนักงานอัยการสูงสุด (อส.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.) และหน่วยงานที่ส่งบุคลากรเข้าร่วมภารกิจของ UN ในพื้นที่ต่างๆ ถือปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวข้อง
สาระสำคัญของร่างเอกสารความตกลงฯ เป็นการเน้นย้ำหลักการในการดำเนินการร่วมกันของ UN และรัฐสมาชิก เพื่อขจัดปัญหาการแสวงหาประโยชน์และการล่วงละเมิดทางเพศ เช่น ความมีคุณธรรมเป็นหลักสำคัญของการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้ UN โดยอยู่บนพื้นฐานของการเคารพสิทธิมนุษยชนและความมีศักดิ์ศรีของมนุษย์ และกรณีที่เกิดปัญหาดังกล่าว การดำเนินการร่วมกันจะให้ความสำคัญกับผู้ถูกกระทำและสิทธิของผู้ถูกกระทำเป็นหลัก เป็นต้น
12. เรื่อง ขอความเห็นชอบให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุระดับภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก พ.ศ.2562 และเห็นชอบในหลักการต่อร่างขอบเขตการฝึก (Concept Note) สำหรับเสนอให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุระดับภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก พ.ศ.2562
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุระดับภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก พ.ศ.2562
2. เห็นชอบในหลักการต่อร่างขอบเขตการฝึก (Concept Note) สำหรับเสนอให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุระดับภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก พ.ศ.2562
3. อนุมัติให้ มท.โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ร่วมกันพิจารณาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและดำเนินการได้โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบอีกในกรณีที่มีการแก้ไขร่างขอบเขตการฝึก (Concept Note)ข้างต้นที่มิใช่สาระสำคัญหรือขัดผลประโยชน์ของไทย
สาระสำคัญร่างขอบเขตการฝึกซ้อมฯ (Concept Note) มีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบการตอบโต้เหตุการณ์ฉุกเฉินระดับชาติตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2558 (การสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน) โดยเฉพาะการพัฒนาและทดสอบการประสานงานรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศรวมทั้งเพื่อเสริมสร้างความรู้และการฝึกซ้อมการเผชิญเหตุแผ่นดินไหวของประเทศสมาชิกอาเซียนและเอเชีย - แปซิฟิก
ทั้งนี้ การฝึกจะกำหนดสถานการณ์จำลองโดยจะเน้นภัยพิบัติที่เกิดขึ้นแบบฉับพลัน ได้แก่ แผ่นดินไหวและอุทกภัย ซึ่งก่อให้เกิดการถล่มของโครงสร้างสิ่งก่อสร้างในชุมชนเมือง โดยเป็นสถานการณ์ร้ายแรงที่สุดที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในประเทศไทยในระดับ 4 สาธารณภัยที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง และจำเป็นต้องร้องขอความช่วยเหลือ โดยการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญฯ เครื่องมือ และอุปกรณ์จากต่างประเทศ ประเทศที่เข้าร่วมการฝึกซ้อมแผนฯ จะส่งทีมค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง พร้อมเครื่องมือ อุปกรณ์และทีมแพทย์ฉุกเฉินเข้าสนับสนุนการเผชิญเหตุระดับชาติ และทีมประเมินสถานการณ์และประสานงานขององค์การสหประชาชาติจะเดินทางเข้ามาเพื่อสนับสนุนกลไกการประสานงานระหว่างประเทศ
รูปแบบการฝึก ฝึกซ้อมเฉพาะหน้าที่ (functional Exercise) ซึ่งเป็นการทดสอบระบบของประเทศในการจัดการสาธารณภัย
กำหนดการ จะจัดขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ.2562 ณ กรุงเทพมหานคร หรือจังหวัดที่เหมาะสม โดยมีผู้เข้าร่วม ประมาณ 300 คน ประกอบด้วย หน่วยงานภายในประเทศ ได้แก่ หน่วยงานด้านการจัดการสาธารณภัยทุกระดับภายใต้แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2558 รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ หน่วยงานด้านศุลกากร สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานด้านการควบคุมโรค ชุดเผชิญเหตุจากทุกภาคส่วน และสื่อมวลชน พร้อมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากต่างประเทศในด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
แต่งตั้ง
13. เรื่อง การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐโคลอมเบีย ณ จังหวัดเชียงราย และการแต่งตั้งนางสาวกาวิดา อัยศิริ ให้ดำรงตำแหน่ง กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐโคลอมเบีย ณ จังหวัดเชียงราย (กระทรวงการต่างประเทศ)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ กรณีรัฐบาลสาธารณรัฐโคลอมเบียเสนอขอเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐโคลอมเบีย ณ จังหวัดเชียงราย โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ และแต่งตั้ง นางสาวกาวิดา อัยศิริ ให้ดำรงตำแหน่ง กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐโคลอมเบีย ณ จังหวัดเชียงราย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
14. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอแต่งตั้ง นายณรงค์ ศศิธร เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก ให้ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ การแต่งตั้งข้าราชการให้ไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับ
15. เรื่อง ขอความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอแต่งตั้ง นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ 360,000 บาท (สามแสนหกหมื่นบาทถ้วน) รวมทั้งค่าตอบแทนพิเศษประจำปี และสิทธิประโยชน์อื่นที่ผู้รับจ้างจะได้รับตามที่กระทรวงการคลังเห็นชอบแล้ว ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่กำหนดในสัญญาจ้าง แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้ นายภคพงศ์ฯ ลาออกจากการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี