ประธานกกต.ดอดพบ"วิษณุ"นัดคุยพรรคการเมืองหารือ28มีนาฯ อ้างทำความเข้าใจคำสั่งคสช.ที่53/60 เรื่องทำธุรการทางการเมืองแต่ไม่คุยเรื่องปลดล็อก-กำหนดวันเลือกตั้ง อ้างรอกม.ลูกบังคับใช้ก่อน ด้านเพื่อไทยเตรียมจัดชุดใหญ่มือกฎหมายถามให้ชัดจะปล่อยผีเมื่อไหร่
เมื่อเวลา 15.50 วันที่ 23 มี.ค.61 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ว่า วันนี้หารือเรื่องการเชิญพรรคการเมืองมาพูดคุยในวันที่ 28 มี.ค.นี้ ในประเด็นที่ว่าพรรคการเมืองเก่าจะทำอะไรได้บ้าง หรือทำอะไรไม่ได้บ้าง ซึ่งเราก็ดูคำสั่ง คสช.ที่53/60 ที่ออกมา ว่าทำอะไรได้ หรือต้องปฏิบัติอย่างไร เป็นการคุยกันเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันซึ่งนายวิษณุไม่ได้มอบหมายอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งเราไม่มีความกังวลใดๆ และพร้อมที่จะตอบคำถามฝ่ายพรรคการเมือง ย้ำว่าทุกคำถามมีคำตอบ
เมื่อถามว่า มีการหารือเรื่องการปลดล็อคพรรคการเมืองเพื่อดำเนินกิจกรรมหรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า ไม่มีคุยเรื่องนั้น เพียงแต่คุยเรื่องคำสั่งที่ 53/60 เท่านั้น ส่วนแนวโน้มการให้พรรคการเมืองประชุมกันได้นั้น ก็ต้องดูความชัดเจนของกฎหมายอีกที เพราะคำสั่งระบุว่า ถ้าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้แล้ว เราจะมีการหารือให้มีการปลดล็อคพรรคการเมือง แต่ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวก็อยู่ที่การตัดสินใจของ คสช.
เมื่อถามอีกว่า กกต.หายไปคนหนึ่งทำงานได้หรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า ยังคงทำงานได้ตามปกติ เพราะมีองค์ประชุมครบอยู่ 4 คน ส่วนเรื่องคนที่จะครบวาระนั้นไม่มีแล้ว และตนก็ยังไม่ครบวาระ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ อีกทั้งไม่ต้องแบ่งงานกันใหม่สำหรับคนที่เหลือ เพราะว่าเราไม่ได้ดูแลกิจการต่างๆ หากแต่ดูเรื่องนโยบาย ส่วนการบริหารสำนักงาน กกต.เป็นเรื่องของรักษาการเลขาธิการ กกต.ซึ่งเขาทำงานได้ดี
เมื่อถามว่า มีการเตรียมการเลือกตั้งท้องถิ่นหรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า ทาง กกต.มีความพร้อมเสมอ ตอนนี้เราดูเรื่องของกฎหมาย ลต.ท้องถิ่น ซึ่งอยู่ระหว่างยกร่างให้กฤษฎีกาไปแล้ว รอขั้นตอนการออกเป็นกฎหมายต่อไป โดยเรื่องการแบ่งเขตนั้น เราได้ให้ กกต.จังหวัด แบ่งเขตบ้างแล้ววางเป็นเพียงตุ๊กตาเท่านั้น แต่เมื่อกฎหมายบังคับใช้แล้ว ก็ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแบ่งเขตด้วย
เมื่อถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี และนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.ระบุไม่ตรงกันในเรื่องใครเป็นผู้มีอำนาจกำหนดวันเลือกตั้งนั้น นายศุภชัย กล่าวว่า ต้องอยู่ที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.เมื่อมีผลบังคับใช้ กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน ตามกฎหมายระบุ
ส่วนเรื่องที่นายกฯ เชิญทุกฝ่ายมาหารือนั้น ก็เป็นเรื่องที่นอกเหนือจากรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาเราก็หารือกันตลอดว่าจะมีเลือกตั้งในช่วงไหน จะกำหนดให้สั้นไป ยาวไป เดี๋ยวก็จะมีปัญหาเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบของแต่ละพรรค ส่วนจะทันในเดือน ก.พ.62 หรือไม่นั้น ก็ต้องดูที่กฎหมายต่อไป ส่วนกรณีที่มีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความกฎหมายลูกว่าด้วย ส.ว.นั้น ตนเห็นว่าคงไม่มีผลอะไร
ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า พรรค พท.ได้รับหนังสือเชิญให้ไปหารือทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำกิจกรรมทางการเมืองตามคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 และกฎหมายลูกว่าด้วยพรรคการเมืองกับ กกต.และ คสช.ในวันที่ 28 มี.ค.แล้ว โดยในส่วนของพรรค พท.จะมีผู้บริหารพรรคทั้งรักษาการหัวหน้าพรรค รักษาการเลขาธิการพรรค และฝ่ายกฎหมายเข้าร่วมหารือ
ทั้งนี้ พรรคจะสอบถาม กกต.ถึงความชัดเจนในการเตรียมการเลือกตั้ง และจะสอบถาม คสช.เพื่อขอความชัดเจนว่า จะปลดล็อกพรรคการเมืองให้ทำกิจกรรมได้เต็มที่เมื่อไหร่เพราะพรรคการเมืองต้องใช้เวลาในการเตรียมการเลือกตั้ง ถ้าไม่มีเวลาก็จะเกิดผลกระทบได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำสั่ง คสช.ที่53/2560 มีสาระสำคัญเพื่อผ่อนคลายพรรคการเมืองทั้งพรรคเก่า และพรรคใหม่ ทั้งในแง่ของการจัดทำทะเบียน การตรวจสอบสมาชิกใหม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้แม้มี พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง แต่ยังติดคำสั่ง คสช.ที่ 57/2557 เรื่องห้ามพรรคการเมืองจัดกิจ กรรมทางการเมือง ดังนั้นเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา หัวหน้า คสช.จึงออกคำสั่ง ฉบับที่ 53/2560 เพื่อแก้ปัญหาในทางปฏิบัติดังกล่าว
สำหรับสาระสำคัญของคำสั่ง คสช.ที่ 53/60 คือ เปิดทางให้ดำเนินธุรการทางการเมืองได้ ภายใต้การขออนุญาตจาก คสช.และกำหนดให้ วันที่ 1 มี.ค.61 เริ่มจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมือง และตั้งแต่ 1 เม.ย.61 แต่ละพรรคการเมืองต้องยืนยันสถานะสมาชิกพรรค โดยให้สมาชิกพรรคของแต่ละพรรค ทำหนังสือยืนยันสถานะต่อหัวหน้าพรรค พร้อมจ่ายค่าบำรุงพรรค ภายใน 30 วัน หากไม่ทันกรอบเวลาให้ถือว่า "สิ้นสภาพสมาชิกพรรคการเมือง" ไป
กำหนดให้แต่ละพรรคการเมือง เตรียมความพร้อมเรื่องทุนประเดิม พรรคละ 1 ล้านบาท/หาสมาชิกพร้อมค่าบำรุงพรรค ไม่น้อยกว่า 500 คน ภายใน 180 วัน และนับ 1 เม.ย.61 ภายใน 1 ปี ต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 5,000 คนพร้อมค่าบำรุง ภายใน 4 ปี ต้องมีสมาชิกและค่าบำรุงไม่น้อยกว่า 10,000 คน
กรอบกำหนดสุดท้าย ให้พรรคการเมืองจัดประชุมใหญ่ ปรับโครงสร้างบุคคลและข้อบังคับ จัดตั้งสาขาและตัวแทน ประจำจังหวัด ภาคละ 1 สาขา ภายใน 90 วัน นับแต่ประกาศปลดล็อกให้พรรคการเมือง โดยขอขยายเวลาได้ 1 เท่า หากไม่ทันตามกำหนด จะงดเงินอุดหนุนพรรค
และมีข้อกำหนดให้การเลือกตั้งครั้งแรกนั้นให้พรรคการเมืองจัดตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ที่ประกอบด้วยกรรมการบริหารพรรค 4 คน และหัวหน้าสาขาเลือกกันเอง 7 คน หากพรรคใดหัวหน้าสาขาไม่พอ ก็ให้พรรคการเมืองหาสมาชิกให้ได้จนครบ 7 คนได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี