อุทธรณ์ยืนยกฟ้อง"ครูแขก"แนวร่วมนปช. คดีครอบครองระเบิด"สมานเมตตาแมนชั่น" หลักฐานอ่อน ทนายเผยเตรียมฟ้องกลับสตช.
10 เม.ย.61 ที่ห้องพิจารณา 814 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อ.4237/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.อัมพร ใจก้อน หรือครูแขก อายุ 56 ปี ชาวจ.เชียงใหม่ ผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานมีวัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่อง และกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2590 มาตรา 4, 38 และ 74
โดยอัยการโจทก์บรรยายพฤติการณ์ความผิดสรุปได้ว่า ระหว่างต้นเดือนมิ.ย. 2553 - 5 ต.ค.2553 จำเลยกับพวกซึ่งเป็นแนวร่วม นปช. หรือกลุ่มคนเสื้อแดง มีเจตนาร่วมกันมีวัตถุระเบิด ประกอบด้วยวัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่อง จำนวน 5 ลูก (ถัง) ที่ประกอบเป็นวัตถุระเบิดแสวงเครื่องโดยใช้วงจรตั้งเวลา 1 สัปดาห์ ประกอบกับวัตถุระเบิดแรงต่ำ (Low Explsive) ชนิดดินเทาและยูเรีย น้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม ซึ่งเป็นวัตถุระเบิดหลักบรรจุไว้ในถังดับเพลิง และถังน้ำยาแอร์ และมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ไว้ในครองครองได้ และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ประกอบด้วย ปืนเล็กกล (AK47) ขนาด 7.62 มม. RUSSIAN เลขประจำปืน 601098 จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวอีกจำนวน 129 นัด เหตุเกิดที่สมานเมตตาแมนชั่น ต.โสนลอย อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
จำเลยให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี และได้รับการประกันโดยศาลตีราคาประกัน 2 แสนบาท
สำหรับคดีนี้เมื่อวันที่ 17 พ.ย.2559 ที่ศาลอาญาได้พิพากษา พิยกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าฝ่ายโจทก์มีนายตำรวจ 2 ราย เป็นพยานโจทก์เบิกความเกี่ยวกับข้อเท็จจริงว่า เมื่อช่วงปี 2553 ได้เกิดเหตุที่สมานเมตตาแมนชั่นและมีผู้เสียชีวิต โดยโจทก์มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกนายเบิกความถึงการสอบสวน ด้วยการไปสังเกตการณ์ในที่เกิดเหตุ ขณะที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจ แต่โจทก์ไม่มีพยานที่รู้เห็นขณะเกิดเหตุ และก่อนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ได้เห็นจำเลยได้ร่วมนำวัตถุระเบิดไปไว้ในห้องเกิดเหตุ ซึ่งข้อเท็จจริงที่ได้จากผู้ดูแลอพาร์ตเมนต์ก็ระบุเพียงว่าได้ดูแลอาคารโกมลอพาร์ตเม้นต์ที่ให้เช่าเท่านั้น แต่ไม่ได้ดูแลอาคารสมานเมตตาแมนชั่น พยานโจทก์ที่นำสืบมาจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ ทั้งจำเลยให้การปฏิเสธมาโดยตลอด ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามโจทก์ฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โดยวันนี้ น.ส.อัมพร เดินทางมาศาลพร้อมทนายความ
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนยกฟ้อง
ภายหลัง น.ส.อัมพร มีสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมเปิดเผยว่าจะไปทำบุญช่วงวันสงกรานต์ และก่อนหน้านี้ในช่วงที่ถูกจำคุก และภายหลังได้รับการปล่อยตัวก็พบว่าทรัพย์สินในบ้านหลายชิ้นสูญหายไปด้วย
ขณะที่ น.ส.เบญจรัตน์ มีเทียน ทนายความของ น.ส.อัมพร เปิดเผยด้วยว่า สำหรับคดีที่ศาลจังหวัดมีนบุรีนั้น อัยการโจทก์ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ เป็นที่สิ้นสุดแล้ว ส่วนคดีวันนี้ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องเหมือนกัน เข้าข่ายคดีต้องห้ามฎีกา และเตรียมจะฟ้องกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กับพวกทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งด้วย ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และใช้พยานหลักฐานเท็จ และคดีแพ่งชดใช้ค่าเสียหายระหว่างถูกจำคุก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.อัมพร เคยถูกจำคุกระหว่างการพิจารณาคดีครอบครองระเบิดอีกสำนวนหนึ่งที่ศาลจังหวัดมีนบุรี กรณีเมื่อช่วงค่ำวันที่ 29 มี.ค.2557 เกิดเหตุระเบิดที่บริเวณลานดินกว้างบริเวณ ซ.ราษฎร์อุทิศ 25 - 27 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กทม.ซึ่งต่อมาวันที่ 7 ก.ย.2560 ศาลจังหวัดมีนบุรีพิพากษายกฟ้อง น.ส.อัมพร จึงได้รับการปล่อยตัวเรื่อยมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี