ถล่ม4ปีได้แค่คนบางกลุ่ม
‘มาร์ค’รบคสช.
ละเลง7ล.ทำสติ๊กเกอร์ไลน์
แค่บิ๊กตู่สวัสดี-ขอบคุณ
พีอาร์ผลงานรบ.ตรงไหน
บารมีบิ๊กป้อมยังล้นเหลือ
ประยุทธ์-ผบ.อวยพรพรึ่บ
ตร.บุกหิ้ว2นักป่วนคาบ้าน
“อภิสิทธิ์”แนะคสช.ทบทวนใช้งบกระตุ้นศก.หลังผลงานไม่เข้าเป้า เหน็บทุ่ม 7 ล้าน ภาษี ปชช.จ้างทำไลน์พีอาร์รัฐบาลถ้าแค่ภาพ“บิ๊กตู่สวัสดี-ขอบคุณ”ไม่ใช่การประชาสัมพันธ์ เผยลงพื้นที่ชาวบ้านรู้ทันพุ่งเป้าการเมือง ยันต้องยึดระบบถ่วงดุล ติงแทรกแซงองค์กรอิสระ ปัญหาเท่ากับซื้อเสียง “อาตือ” จี้แถลงผลงานรอบ 4 ปี ชาวบ้านครวญไส้แห้งทั่วหน้า‘ประยุทธ์-บิ๊กเหล่าทัพ’ตบเท้าอวยพร’บิ๊กป้อม’ตร.บุกล็อค2นักป่วน
เมื่อวันที่ 16เมษายน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ว่า อยากให้ประเมินการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านมาคุ้มค่าหรือไม่ เพราะข้อสังเกตตลอด 3-4ปีที่ผ่านมา คือ หลายโครงการไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างที่ตั้งใจ แต่จำกัดอยู่กับคนบางกลุ่มมากกว่าจะทำให้ประชาชนทั่วไปมีรายได้ดีขึ้น เมื่อเทียบงบประมาณที่ลงไปกับความคุ้มค่าที่ได้รับมีผลที่ได้น้อยเมื่อเทียบกับเงินที่ลงไป จึงอยากให้ปรับวิธีคิดว่าทำอย่างไรให้ประชาชนมีรายได้ดีขึ้นโดยธรรมชาติ ซึ่งจะยั่งยืนและเป็นผลดีต่อภาวะการคลังด้วย ตนเชื่อว่ารัฐบาลไม่ตั้งใจให้เกิดปัญหา แต่มองเศรษฐกิจไม่ตรงกับความจริงที่เปลี่ยนไป
‘มาร์ค’ชี้ปชช.รู้ลงพื้นที่มุ่งการเมือง
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการลงพื้นที่ของรัฐบาล คสช.ในช่วงนี้ว่า ถ้าจะบอกว่าเขาลงพื้นที่มันผิดก็คงสรุปไม่ได้ เพราะการบริหารราชการแผ่นดินโดยปกติต้องพยายามที่จะตอบสนองความต้องการของประชาชน ก็หวังว่าประชาชนจะพึงพอใจ พูดง่ายๆคือได้คะแนนทางการเมือง ถ้าลงไปเพื่อจะไปดูข้อเท็จจริง ทำให้การแก้ปัญหาตรงจุดเราไปต่อว่าเขาไมได้ แต่ของอย่างนี้ดูไปสักพักก็จะดูออกเองว่าเป็นเรื่องของประสิทธิภาพของการบริหารราชการแผ่นดินหรือมีเป้าหมายทางการเมือง
เตือนทำไลน์พีอาร์7ล้านคุ้มหรือไม่
ส่วนกรณีรัฐบาลทำไลน์ขึ้นมาโดยเอางบประมาณไปซื้อนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การประชาสัมพันธ์ก็อยู่ที่หน่วยงานว่าจะเป็นรูปแบบไหน แต่ก็มีข้อสังเกตว่ารูปแบบที่จะทำไลน์ โดยเอาไลน์ออฟฟิเชียลมาประชาสัมพันธ์งานของรัฐได้ขนาดไหน เพราะนึกไม่ออกว่าเขาจะเขียนอะไรมาและไม่แน่ใจว่าจะมีคนติดตามมากแค่ไหนและงบที่ใช้ 7ล้านบาท โดยมีการทำสติกเกอร์ไลน์สันนิษฐานว่าเป็นรูปนายกฯ และใครอยากได้สติกเกอร์นี้ฟรีก็ไปโหลดมาได้ โดยการมาติดตามตัวไลน์นี้เขาจะส่งข้อความได้ อย่างไรก็ตามรัฐบาลสามารถทำได้ แต่เป้าหมายการประชาสัมพันธ์คืออะไรและเป็นข้อมูลแบบไหน
รูปบิ๊กตู่สวัสดี-ขอบคุณสูญเงินเปล่า
‘ผมคุยกับเพื่อนๆหลายคนบอกว่าอย่างนี้บริษัทห้างร้านทำกันเยอะแยะ เวลาอยากได้สติกเกอร์เขาก็โหลดมา เวลาไม่อยากได้ก็บล็อกออกไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรก รัฐบาลเคยทำตอนที่มีค่านิยม 12ประการ แล้วบอกว่ามีสติกเกอร์ชุดหนึ่ง บังเอิญผมไม่ได้ไปติดตามและไม่ได้รับสติกเกอร์ชุดนั้นจึงไม่รู้ว่าการทำอย่างนี้จะคุ้มค่าแค่ไหน ทั้งที่เป็นเงินภาษีอากรของประชาชน จะบอกว่า 7ล้านบาท เล็กน้อย แต่ก็เป็นเงินภาษีประชาชนและการทำสติกเกอร์ สวัสดี ขอบคุณ เป็นประชาสัมพันธ์รัฐอย่างไร’นายอภิสิทธิ์กล่าว
การเมืองต้องมีถ่วงดุล-ตรวจสอบ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า การเมืองไทย ถ้าไม่ยึดตัวระบบตรวจสอบถ่วงดุลให้เกิดความพอดี ตอนนี้มาตรา44 ใหญ่กว่าทุกอย่าง ทำให้เราเริ่มสูญเสียตัวระบบว่าถ่วงดุลจริงหรือไม่ เวลามีพี่ใหญ่ใช้อำนาจเหนือทุกอย่างบางเรื่องก็ถูกใจ ตนก็ยอมรับ บางทีก็สะใจว่ามันง่าย รวดเร็ว แต่ความสะใจในบางกรณีสังคมก็ต้องอดทน ระบบที่มีการถ่วงดุลอาจจะช้า ไม่สะใจเสมอไป แต่จะเป็นหลักประกันที่ดีกว่า
อย่าใช้ม.44แทรกแซงเลือกตั้งสส.
ส่วนที่เป็นห่วงเรื่องการใช้มาตรา 44 กับองค์กรอิสระทั้งหลาย โดยเฉพาะกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทุกคนเห็นน่าจะตรงกันว่าการเมืองถ้าจะเดินไปข้างหน้า 1.ต้องมีเลือกตั้งและ2.ถ้าเริ่มจากเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์เที่ยงธรรม ตนว่าไม่มีทางที่การเมืองจะดีขึ้น บางยุคบางสมัยบอกว่าเราคิดแต่เรื่องซื้อเสียง แต่การใช้อำนาจรัฐหรือการใช้อย่างอื่นเข้ามาแทรกแซงทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นธรรม เป็นปัญหาที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการซื้อเสียง สุดท้ายกลับไปสู่ปัญหาเดิมว่าเลือกตั้งไม่ปราศจากการแทรกแซงการใช้อำนาจรัฐ ทำให้การเลือกตั้งไม่เที่ยงธรรมกลายเป็นปัญหาความไม่ชอบธรรมอีก
เตือนคสช.อย่าเสี่ยงลงสนามอันตราย
เมื่อถามว่า มาตรา44 ออกโดย คสช.การที่คสช.จะลงเล่นการเมืองเหมือนเอาเปรียบหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แม้ไม่มีส่วนในการเลือกตั้งตนก็ยังลังเลว่าจะสามารถใช้อำนาจมาแทรกแซงการทำงานขององค์กรอิสระได้ เพราะทำให้ไม่เป็นอิสระ แต่ยิ่งบอกว่าคนที่ใช้อำนาจอาจจะมีส่วนได้ส่วนเสียกับการเลือกตั้งครั้งต่อไปก็ยิ่งเป็นอันตรายมากยิ่งขึ้นและรัฐธรรมนูญก็เขียนไว้ชัดว่าหากจะลงเล่นการเมือง ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ก็ต้องลาออก 90วันหลังรัฐธรรมนูญประกาศ เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน
“กรณีหัวหน้าคสช. ก็ลง ส.ส.ไม่ได้แล้ว แต่ตามตัวอักษรของรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามให้พรรคการเมืองเสนอชื่อเป็นนายกฯ 1ใน 3 แล้วเจ้าตัวยินยอม แต่คงไม่ค่อยสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเท่าไหร่ เพราะชัดอยู่แล้วว่า ไม่ต้องการให้ฝ่ายบริหารมาเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง จึงทำให้ผมมีความรู้สึกว่าในเรื่องของข่าวจะมีการตั้งพรรคโดยเอารัฐมนตรีมาเป็นหัวหน้าพรรค เป็นเลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นรูปแบบที่แปลกเพราะรัฐมนตรีทั้ง 2คนไม่สามารถลงส.ส.ได้ และไม่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯด้วย คำถามคือ ทำไมต้องเอาคนที่มีอำนาจอยู่ในกระทรวงพาณิชย์ ในกระทรวงอุตสาหกรรม มาเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
‘อาตือ’จี้แถลงผลงานรบ.รอบ4ปี
ด้าน นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.)ให้สัมภาษณ์กรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระบุการทำงานของรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ช่วง4ปีที่ผ่านมาการแก้ปัญหาเศรษฐกิจล้มเหลว ทั้งที่ใช้งบประมาณไปเกือบล้านล้านบาท ว่า เป็นแง่มุมหนึ่งของอดีตนายกฯที่เคยบริหารประเทศจึงอาจมองเปรียบเทียบกับสมัยที่ตัวเองเป็นนายกฯจึงทำให้มองว่าประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ออกมานั้นไม่เหมาะกับเม็ดเงินงบประมาณซึ่งคำตอบของเรื่องนี้คนที่จะตอบได้ดีคือประชาชน นักธุรกิจ ผู้ใช้แรงงาน อย่างไรก็ตาม 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลก็พยายามบริหารให้ครอบคลุมหมดทุกด้าน
ต้องดูเงินปชช.-ไม่ใช่ดัชนีชี้วัดศก.
“การที่นายอภิสิทธิ์ออกมาพูดรัฐบาลควรรับฟังไว้และถ้าจะให้ดีที่สุดครบ 4ปีควรจะแถลงใหญ่สักครั้งหนึ่งว่า4ปีที่ผ่านมา ซึ่งเท่ากับวาระของการทำงานของรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย เพื่อให้เห็นว่าการทำงานโดยไม่มีฝ่ายค้านหรือทำงานโดยไม่สามารถตรวจสอบได้นั้น ผลออกมาเป็นอย่างไร สิ่งที่ประชาชนคาดหวังทุกวันนี้คือเรื่องปากท้องเป็นปัญหาหนักอกของผู้คนที่พูดถึงมากที่สุดปัญหาคนรากหญ้าปัญหาคนชนบทมันสวนทางกับการเติบโตทางเศรษฐกิจจริงๆ มัวไปดูตัวเลขว่าขึ้น 3.6หรือ4.6 อย่างเดียวไม่ได้ คุณล้วงไปในกระเป๋าของผู้คนว่าในกระเป๋าเขามีตังค์หรือไม่ ดัชนีการครองชีพเป็นอย่างไร ควรมองดูสิ่งที่เป็นความจริงมากกว่าตัวเลข ขณะนี้ผู้ค้ารายย่อยร้านของชำตามตลาดนัดต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าวันนี้กำลังซื้อของคนมีน้อยการค้าระดับล่างซบเซา เงินไม่สะพัดเท่าที่ควร’ นายสมศักดิ์ กล่าว
ทหาร-ตร.ตบเท้าอวยพร’บิ๊กป้อม’
เวลา 06.00น.วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดบ้านพักในซอยลาดพร้าว71 เพื่อทำบุญและให้ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ นักธุรกิจ เข้ารดน้ำอวยพรเนื่องในวันสงกรานต์ โดยบรรยากาศเป์นไปอย่างคึก แต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าทำข่าวและเก็บภาพท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 4,ตำรวจ สน.โชคชัยและเจ้าหน้าที่ทหาร จากกรมทหารราบที่11รักษาพระองค์(ร.11รอ.)มาดูแลความเรียบร้อยตั้งแต่ปากซอยลาดพร้าว71 พร้อมอำนวยความสะดวกการจราจร
‘บิ๊กตู่’ขอให้มีความสุข-แข็งแรง
เวลา 07.00น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เดินทางมาพร้อมกับ อ.นราพร จันทร์โอชา ภริยา ได้เข้ารดน้ำรับพรจาก พล.อ.ประวิตร ภายในบ้านพัก ก่อนจะกลับออกมาพบปะและพรหมน้ำให้กับแขกที่มาร่วมงานรวมทั้งสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างครึกครื้นโดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้มีความสุขตลอดไป ทำข่าวให้สำเร็จ ลุล่วงไปได้ด้วยดี รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ขอให้ช่วยกันให้บ้านเมืองปลอดภัย ทั้งนี้ตนไม่ได้สอบถามอะไรเกี่ยวกับสุขภาพ พล.อ.ประวิตร เพียงแต่ขอให้ท่านมีความสุขและสุขภาพแข็งแรง
สำหรับคณะรัฐมนตรีทหารที่มาร่วมรดน้ำรับพรจาก พล.อ.ประวิตร อาทิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย,พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม,พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.),พล.ร.อ.นริส กลิ่นปทุม ผู้บัญชาการทหารเรือ(ผบ.ทร.),พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผู้บัญชาการทหารเรือ(ผบ.ทร.),พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เป็นต้น
‘บิ๊กป้อม’ได้แต่ยิ้ม-งดพูดคุยกับสื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พล.อ.ประวิตร เปิดบ้านพักซอยลาดพร้าว71 เพื่อให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) ผู้บัญชาการเหล่าทัพ นายทหาร ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ตลอดจนข้าราชการ เข้าร่วมรดน้ำอวยพร เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ทาง พล.อ.ประวิตร ได้ขึ้นรถเดินทางออกจากบ้านพักท่ามกลางสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวจำนวนมากทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้เปิดกระจก โบกมือทักทายสื่อมวลชน ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แต่ไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด ก่อนที่จะออกจากบ้านพักไปยังบ้านเกษะโกมล เพื่อให้การต้อนรับนายโธมัสบาค ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือIOC (ไอโอซี) พร้อมเลี้ยงอาหารกลางวัน
‘เอกชัย’อดป่วน-ส่งสน.หัวหมาก
ส่วนความเคลื่อนไหวของ นายเอกชัย หงส์กังวาล ที่ประกาศจะมาร่วมรดน้ำสงกรานต์ พล.อ.ประวิตร แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามไปควบคุมตัวตั้งแต่หน้าบ้านพักลาดพร้าวซอย109 ของช่วงเช้าวันเดียวกัน และนำไปควบคุมตัวไว้ที่ สน.หัวหมาก
ด้านเพจเฟซบุ๊ก’ประชาไทPrachatai.com’โพสต์ข้อความอ้างว่า “วันนี้เวลา 05.30น.เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบกว่าสิบราย ได้มาที่พักของ เอกชัย หงส์กังวานและนายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ สองนักกิจกรรมทางการเมือง บริเวณลาดพร้าว109 ต่อมาเมื่อ เอกชัยและโชคชัย นำแผ่นไวนีลภาพนาฬิกาหรู 24เรือน ปืนฉีดน้ำ ธูปและขันน้ำสีแดง ออกจากที่พักมาที่ป้ายรถเมล์เพื่อจะเดินทางไปรดน้ำดำหัว พล.อ.ประวิตร ที่ซอยลาดพร้าว71ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณสิบนายล้อมล็อคตัวเอาไว้’
ผู้ใหญ่สั่งสกัด-คลั่งทุบคอมพ์พัง
จากนั้น เวลา 09.30น.ที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาล4(กก.สส.บก.น.4) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดจับกุมได้นำตัวทั้ง 2คน เข้าห้องประชุมเพื่อพูดคุยและอธิบายเหตุผลที่ต้องเชิญตัวมาโดยเจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่าเนื่องจากจะมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เดินทางไปบ้าน พล.อ.ประวิตร จำนวนมาก ในด้านความปลอดภัย จึงไม่สมควรที่เข้าไปทำกิจกรรมที่บ้าน พล.อ.ประวิตร แต่ขณะพูดคุยปรากฏว่า นายโชคชัย ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ยืนด่าทอเจ้าหน้าที่ ก่อนจะทำลายข้าวของภายในห้องสอบสวน ทำให้เครื่องโปรเจคเตอร์และจอคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะของส่วนตัวเจ้าหน้าที่พังเสียหาย
ปล่อยตัวไม่แจ้งข้อหา-ลั่นป่วนต่อ
อย่างไรก็ตาม ต่อมาตำรวจได้ปล่อยตัวสองนักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมือง โดยไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆนายเอกชัย เปิดเผยว่า หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวมาและทำการพูดคุยกันก็ปล่อยตัวและบอกว่าเจ้าหน้าที่ไม่ติดใจเอาความที่นายโชคชัยทำคอมพิวเตอร์เสียหายเพราะเป็นของเก่าแล้ว ก่อนที่จะปล่อยตัวออกมาเมื่อถามว่า จะเคลื่อนไหวจัดกิจกรรมต่ออีกหรือไม่ นายเอกชัย ตอบว่า ยังเคลื่อนไหวต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี