นายกฯไฟเขียวลุยสอบคดี5พระเถระเอี่ยวเงินทอนวัด ลั่นให้ยึดตามพยานหลักฐานเช่นเดียวกับความผิดกรณีอื่นๆ เตือนอย่าปลุกม็อบผ้าเหลืองเพราะไม่เกิดประโยชน์อะไร ด้านประธานป.ป.ช.รับเผือกร้อนสั่งเจ้าหน้าที่เร่งรัดการตรวจสอบแล้ว ชี้ถ้ามีหลักฐานเพียงพอพร้อมตั้งอนุกรรมการไต่สวน
เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2561 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงกรณีปัญหาการทุจริตเงินทอนวัดหลังจากพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปที่เข้าไปเกี่ยวข้องว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องการทำงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงคือพศ. โดยดำเนินการตามหลักฐานต่างๆที่ปรากฎ
แต่ทั้งนี้ต้องนำข้อมูลส่งไปยัง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อทำการตรวจสอบต่อไป ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
"แต่ที่เป็นห่วงคือ พระสงฆ์กลุ่มต่างๆ ที่ต้องขอให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยเพราะจะทำให้ความชัดเจนเกิดขึ้น อีกทั้งการออกมาเคลื่อนไหวนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลย เนื่องจากพระพุทธศาสนา เป็นศาสนาที่คนไทยร้อยละ 90 นับถือ จึงต้องช่วยกัน และผมขอยืนยันว่า จะดำเนินการไปตามหลักฐานทั้งวัตถุพยาน และพยานบุคคลที่ปรากฎ เช่นเดียวกับความผิดกรณีอื่น”นายกรัฐมนตรี ระบุ
ด้านพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช. กล่าวว่า กรณีดังกล่าวขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของสำนักไต่สวนภาครัฐ 1 ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งรัดการตรวจสอบแล้ว หากมีข้อมูลเพียงพอ ก็สามารถตั้งอนุกรรมการไต่สวนได้ โดยตนจะกำชับกับเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. ให้เร่งรัดดำเนินการ เนื่องจากเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน และเกี่ยวข้องกับพระชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช.มีอำนาจในพิจารณาว่า ข้อมูลที่ยื่นมาเพียงพอต่อการไต่สวนหรือไม่ โดยหากยังไม่สมบูรณ์ ก็สามารถสั่งให้ไปแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมได้
ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยป.ป.ช.ฉบับใหม่ ระบุว่า ป.ป.ช.มีอำนาจในการตรวจสอบบุคคลทั้ง รัฐ พระ และเอกชนที่เข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำการทุจริต ซึ่งหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเป็นตัวการหลักในการทุจริต และมีบุคคลใดเกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ก็เข้าข่ายที่ป.ป.ช.จะมีอำนาจในการตรวจสอบได้
ขณะที่ นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการป.ป.ช. ก็ระบุว่า ขณะนี้ ป.ป.ช.ได้รับสำนวนดังกล่าวแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ได้มอบหมายหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องการตรวจสอบการทุจริต ตรวจสอบข้อมูลและรายละเอียดตามที่ ปปป.ส่งมาแล้ว โดยย้ำว่าจะดำเนินการโดยเร็ว แต่คงกำหนดเวลาที่ชัดเจนไม่ได้ ต้องให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติทำงานตรวจสอบอย่างรายละเอียดก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ผอ.พศ.เข้าพบปปป.เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป ประกอบด้วย 1.พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร 2.พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 4-7 3.พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 10 4.พระเมธีสุทธิกร(สังคม ญาณวฑฺฒโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ และ 5.พระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ โดยแบ่งเป็นการกล่าวหาเรื่องทุจริตเกี่ยวกับการทุจริตงบการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา แผนกธรรม และแผนกบาลี และงบเผยแพร่ศาสนา มีความเสียหายทั้งสิ้น 70 ล้านบาท
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปปช.ยันมีอำนาจสอบ5พระเถระโยงเงินทอนวัด ชี้เวลาจำกัดหลักฐานตร.ไม่เยอะ
5พระเถระสะดุ้ง!นายกฯไฟเขียวสอบเอาผิดเงินทอนวัด เตือนอย่าปลุกม็อบผ้าเหลือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี