รบ.-คสช.ดาหน้าโต้โชว์พลังดูด "วิษณุ"อ้างรัฐบาลลงพื้นที่แก้ไขปัญหาไม่ได้ไปดึงนักการเมือง ตอกจะให้ปิดทำเนียบนั่งๆนอนๆหรือไง ขณะที่"ไก่อู"อ้างคำพูดนายกฯไม่ได้ดูดแค่ดึงคนเก่งมาช่วยทำงาน ตอกกลับสมัยก่อนก็เห็นย้ายพรรคกันอุตลุต "เสี่ยจ้อน"เตือนบทเรียนเป็นต้นเหตุวงจรอุบาทว์-รัฐประหาร ส่วนพท.โวยลั่นตกปลาในบ่อเพื่อนประชดดูดให้สุดๆไปเลยปชช.จะได้ตัดสินใจถูกใครยืนฝ่ายไหน
เมื่อวันที่ 22 เมษายน 61 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลลงพื้นที่ไหนจะดูดนักการเมืองเจ้าพื้นที่นั้นมาเข้าร่วมพรรคใหม่เพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี อีกรอบ ว่า ตนไม่มีความเห็นเรื่องนี้ แต่ไม่น่าจะเป็นเช่นที่เขาวิจารณ์ และไม่ใช่ว่าจะสุ่มสี่สุ่มห้าไปที่ไหน แต่ไปในพื้นที่ที่มีการกำหนดวาระไว้ล่วงหน้า
อ้างลงพื้นแก้ปัญหาไม่ได้ไปดูดสส.
"วันนี้มีการมองไปถึงช่วงเดือน พ.ค.และ มิ.ย.ว่าจะไปพื้นที่ใด เพื่อดูปัญหาอะไร ไม่เกี่ยวกับการไปดึง ไปดูดใคร ที่นักการเมืองตั้งข้อสังเกตนั้นก็ตั้งกันอยู่ทุกวัน และที่กล่าวหาว่าเอาเปรียบนั้น ถามว่าจะให้รัฐบาลนั่งนิ่งเฉยๆ ปิดประตูอยู่ในทำเนียบรัฐบาล ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องบริหารราชการหรืออย่างไร เพราะการลงพื้นที่คือ การบริหารราชการแผ่นดิน ถ้าไม่ทำนั่นจะถือว่าผิด" นายวิษณุ กล่าว
ไก่อูบอกมุมมองการเมืองห้ามไม่ได้
ด้าน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีโพลล์สะท้อนว่า การที่รัฐบาลดึงพรรคการเมืองและนักการเมืองเข้ามาร่วมทำงานในรัฐบาลเป็นการสร้างแนวร่วมการทางการเมืองในอนาคตเพื่อรองรับพรรคทหารว่า รื่องอย่างนี้ถือเป็นมุมมองทางการเมืองที่เราจะไปห้ามใครไม่ได้ บุคคลส่วนใหญ่ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ คือ พรรคการเมืองกลุ่มการเมือง นักการเมืองทั้งเก่าและใหม่ ดังนั้น เราไปห้ามเขาไม่ได้ว่าจะมีมุมมองอย่างไร
ไม่ได้ดูด-แค่ดึงคนเก่งมาทำงาน
ส่วนกรณีการวิพากษ์วิจารณ์การแต่งตั้ง นายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล (พช.) เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีนั้น พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อสื่อมวลชนไปแล้วคือ เป็นเรื่องของกระทรวงหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้เสนอเข้ามา ดังนั้น การที่ให้ใครสักคนหนึ่งเข้ามาเป็นที่ปรึกษา อย่ามองเพียงว่าเป็นนักการเมืองหรือไม่ เพราะคนที่เชิญมาเขาคงไม่ได้มองแค่นั้น แต่ดูว่าใครที่มีความรู้ความสามารถ พอที่จะช่วยผลักดันประเทศชาติเดินไปข้างหน้าได้
ตอกสมัยก่อนเห็นย้ายพรรคอุตลุต
"หลักการที่นายกฯ ให้คือ เราไม่ได้สนใจว่าเขาเป็นนักการเมืองหรือไม่ ขออย่างเดียวคือให้มีประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ถ้าย้อนกลับไปดูสมัยก่อนที่การเมืองยังปกติกันอยู่ ถามว่าพรรคการเมืองทั้งหลายมีปฏิบัติอย่างนี้กันหรือไม่ ย้ายจากพรรคนี้ไปพรรคนั้น จากพรรคนั้นโยกไปพรรคนี้ ก็มีอยู่ใช่หรือไม่ ฉะนั้น อย่าไปคิดให้ทุกอย่างเป็นการเมือง" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
พท.เย้ยพช.กลัวตกขบวนรถ
ขณะที่ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคทหารกำลังดูดตัว ส.ส.ว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะประกาศเลื่อนการเลือกตั้งไปเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 แต่ก็มีตัวแปรและปัจจัยแทรกซ้อนอีกมาก ดังนั้นระหว่างการรออะไรที่ไม่มีเป้าหมาย กับการรีบร้อนเข้าไปรับตำแหน่งตามที่เป็นการรับมัดจำเพื่อให้มีหลักประกัน แม้เสี่ยงกับการขึ้นรถผิดคัน แต่เมื่อกลัวตกรถก็ต้องยอม
ดูดให้สุดๆไปเลยจะได้รู้จุดยืน
"การโชว์พลังดูด แม้จะดูเป็นการเมืองโบราณย้อนยุค แต่ใครอยากดูดใคร พรรคไหน กลุ่มใด อยากถูกดูด อยากเข้าไปหางานทำ เอาให้เต็มที่ ดูดกันให้สุดๆ ไปเลย ซึ่งทำให้เกิดความชัดเจนว่า แต่ละพรรคมีจุดยืนอย่างไร พรรคการเมืองจะได้แบ่งแยกกันอย่างชัดเจน ประชาชนจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ระหว่างพรรคที่ต้องการสนับสนุนให้มีการสืบทอดอำนาจ กับพรรคที่ชูธงประชาธิไตย ต่อสู้เรียกร้องเพื่อสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค สร้างโอกาสด้วยนโยบายที่นำพาประเทศชาติและประชาชนให้หลุดพ้นจากกับดักความยากจน" นายอนุสรณ์ กล่าว
เสี่ยจ้อนให้ดูผลร้ายดูดในอดีต
ขณะที่ นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีการเคลื่อนไหวจับขั้วการเมืองในขณะนี้ ว่า ในอดีตมีสองรัฐบาลที่เคยใช้โมเดลการรวมกลุ่มการเมืองและพรรคการเมืองต่างๆ จัดตั้งรัฐบาลแม้จะสำเร็จได้เป็นรัฐบาล แต่ได้สร้างระบบอุปถัมภ์ทางการเมืองและการผูกขาดทำให้การพัฒนาประชาธิปไตยและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมล้มเหลว ซึ่งฐานการเมืองเหล่านั้นส่วนใหญ่ต้องใช้ทุนในการเลือกตั้ง จึงหาเงินด้วยการคอร์รัปชั่นพร้อมกับรับเงินและหากินกับทุนใหญ่ โดยผู้นำรัฐบาลต้องปิดตาข้างเดียวทำอะไรไม่ได้ เพราะต้องพึ่งพาเสียงสนับสนุนในสภา
สาเหตุเกิดรปห.-วงจรอุบาทว์
"ดังนั้นจึงเกิดระบอบประชาธิปไตยที่เป็นของกลุ่มการเมืองและกลุ่มนายทุนผูกขาด ซึ่งระบบอุปถัมภ์รูปแบบนี้ที่มีมาอย่างยาวนาน ได้สร้างการผูกขาดทางเศรษฐกิจและการเมือง โดยอาศัยอำนาจรัฐและความเป็นรัฐบาล ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนและการผูกขาดกลายเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำและการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงสูงมาก เป็นสาเหตุของการรัฐประหารและวงจรอุบาทว์ถึง 13 ครั้ง นับตั้งแต่ พ.ศ.2475" นายอลงกรณ์ กล่าว
เตือนอย่าเดินหลงทางอีกเลย
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า ด้วยเหตุนี้การปฏิรูปการเมืองจึงเสนอแนวทางปฏิรูปเชิงโครงสร้างและระบบเพื่อสร้างระบบการเมืองใหม่สนับสนุนนักการเมือง และพรรคการเมืองที่มีคุณภาพและคุณธรรม เพื่อให้เกิดระบอบประชาธิปไตยของประชาชนโดยประชาชนเพื่อประชาชน ถ้าเราสร้างระบบการเมืองที่ดีไม่ได้ ก็เชื่อว่านักการเมืองจะถูกระบบกลืนกินสูญสิ้นอุดมการณ์ถึงกับต้องทุจริตโกงภาษีของประชาชนโดยเฉพาะในระยะหลังในสภาผู้แทนต้องขายงบ ขายโครงการกินเปอร์เซนต์ ซึ่งกว่า 20 ปี ที่อยู่กับระบบการเมืองแบบนี้ จึงไม่เชื่อว่าการเมืองเก่าจะสร้างระบบการเมืองใหม่ได้ในระยะยาวและควรนำบทเรียนจากของสองรัฐบาลในอดีต ว่าเราไม่ควรเดินหลงทางอีกต่อไป
"นพดล"จวกตกปลาในบ่อเพื่อน
นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ และแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีการเดินสายดูดนักการเมืองจากฝั่งต่างๆ ว่า ตนมองว่าการพยายามดูดพรรคการเมืองจากพรรคต่างๆ เหมือนการตกปลาในบ่อเพื่อน เป็นการทำงานการเมืองแบบเก่าทั้งที่เราปฏิรูปการเมืองแล้วต้องทำการเมืองแบบใหม่ ถ้าพรรคการเมืองใดมั่นใจในอุดมการณ์และนโยบายของตัวเองก็ไปคัดสรรบุคคลากรในพื้นที่แล้วมาลงสมัครในนามของพรรคนั้นเพื่อไปเสนอนโยบายของพรรคการเมืองนั้น แข่งกันในสนามเลือกตั้ง
อ้างพท.ไม่มีนโยบายดูดพรรคอื่น
นายนพดล กล่าวว่า ส่วนพรรคเพื่อไทยไม่ได้กังวลและคิดว่าคงจะมีคนถูกดูดน้อย แต่ทั้งนี้ก็เคารพสิทธิของแต่ละคนไม่ว่าคนที่อยู่ในพรรคเพื่อไทยหรือคนที่อยู่ในพรรคการเมืองต่างๆ ก็มีสิทธิที่จะเลือกอนาคตทางการเมืองของตนเอง แต่พรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายไปดูดนักการเมืองจากพรรคอื่นๆ เราคิดว่าการทำงานการเมืองควรสร้างคนของเราเองหรือเน้นนโยบายและอุดมการณ์ของพรรคเป็นหลัก
เลือกตั้งครั้งหน้าแบ่งข้างชัดเจน
"แต่ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้เห็นในมุมดีว่า เป็นการสร้างความชัดเจนให้ประชาชนว่านักการเมืองคนใดเห็นด้วยกับแนวทางการสืบทอดอำนาจหรือเห็นด้วยกับแนวทางประชาธิปไตย ฉะนั้นประชาชนก็จะเลือกและตัดสินใจได้ง่าย มองว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะมีเพียงซีกการเมืองสองกลุ่มคือกลุ่มที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ กับกลุ่มที่ต้องการเสนอหัวหน้าพรรคตัวเองและนโยบายของพรรคให้ประชาชนตัดสิน" นายนพดล กล่าว
"ยะใส"ชี้พรรคดูดล้วนล้มเหลว
นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย กล่าวว่า การดูด สส.กลุ่มต่างๆ เพื่อตั้งพรรคการเมืองขนาดใหญ่ แม้กลายเป็นเรื่องปกติในวิถีการเมืองไทยที่ทำกันมาแทบทุกยุคสมัยเพื่อช่วงชิงอำนาจการเมือง แต่ก็ไม่ควรมองข้ามบทเรียนในอดีต ที่มักจะเป็นแค่พรรคเเฉพาะกิจ อาจประสบความสำเร็จในช่วงสั้นๆ แต่ระยะยาวก็ล้มเหลว
แนะให้ศึกษาบทเรียนในอดีต
"ฉะนั้นพรรคที่จะตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุน คสช.หรือ พล.อ.ประบุทธ์ จันทร์โอชา ก็ต้องศึกษาบทเรียนจากในอดีต ที่สำคัญถ้าตั้งธงจะปฏิรูปประเทศกันหลังเลือกตั้งหรือสานต่องานปฏิรูปที่รัฐบาลชุดนี้คิดว่าได้วางไว้ ก็ต้องทำให้โครงสร้างของพรรคหรือการจัดขั้วอำนาจ เพื่อรองรับรัฐบาลหลังเลือกตั้งให้ความหวังกับประชาชนได้มากกว่าวิธีแบบนี้" นายสุริยะใส กล่าว
ชี้วิธีการเก่าๆกระทบภาพลักษณ์
นายสุริยะใส กล่าวว่า บรรยากาศการดูดและกวาดต้อน ส.ส.สะท้อนสมการอำนาจที่ยังไม่เปลี่ยน ยังวนอยู่ในกับดักเดิม ซึ่งอาจจะส่งผลให้การเลือกตั้งไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นว่าประเทศจะดีขึ้น ในเงื่อนไขสถานการณ์การเมืองแบบนี้พรรคที่ คสช.สนับสนุนน่าจะมีความได้เปรียบกว่าทุกพรรค แต่การส่งสัญญาณดูด ส.ส.แบบนี้อาจจะกระทบภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือได้เพราะประชาชนมองว่าเป็นวิธีเก่าๆ และเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาการเมืองที่ผ่านมา
เตือนสนามเลือกตั้งไม่ง่ายอย่างที่คิด
แต่อย่างไรก็ตามความคาดหวังของประชาชนต่อพรรคการเมืองโดยเฉพาะพรรคขนาดใหญ่ที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลนั้น คงไม่มีใครอยากเห็นแต่ภาพนักการเมืองหน้าเดิมๆ สลับหน้ากันอยู่ในกลุ่มและเครือข่ายเก่าๆ เท่านั้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การเมืองล้มเหลว
"ถ้า คสช.คิดจะตั้งพรรค ก็ต้องยอมรับว่าเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญ แต่จะทำพรรคทั้งที่ก็ควรมีอะไรใหม่ๆ มาเสนอประชาชนด้วย เพราะเดิมพันในสนามเลือกตั้งอาจไม่ง่ายอย่างที่คิดและอาจยากกว่าการทำรัฐประหาร" นายสุริยะใส ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี