"มท." ชง "ครม." แก้คุณสมบัติต้องห้ามผู้บริหารท้องถิ่น เคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต –ถูกยึดทรัพย์ข้อร่ำรวยผิดปกติ–เคยต้องคำพิพากษา–เป็นคู่สัญญารัฐทางตรงทางอ้อม หมดสิทธิลงเลือกตั้ง รู้แล้วว่า ขาดยังดันทุรังลงโทษจำคุก ตัดสิทธิ์ 10 ปี ติดดาบ “รมว.มหาดไทย” สั่งพ้นเก้าอี้ได้
24 เม.ย. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้เสนอขอความเห็นชอบมาตรการบังคับใช้กฎหมายเพื่อดำเนินการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่น เนื่องจากมีพฤติกรรมในทางทุจริต หลังจากได้รับมอบหมายจากที่ประชุม ครม.ให้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมเป็นไปได้ถึงข้อเสนอแนะของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว โดยเสนอให้มีการแก้ไขเกี่ยวกับการสอบสวน การวินิจฉัย และการสั่งให้สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่นพ้นจากตำแหน่ง
โดยกำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสอบสวน และวินิจฉัยโดยเร็ว แม้ว่า สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่นผู้นั้นจะได้พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด และถ้าในขณะที่มีคำสั่งดังกล่าว ผู้นั้นกำลังดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นอันเป็นผลจากการเลือกตั้งต่างวาระกันให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งที่กำลังดำรงอยู่ด้วย
นอกจากนี้ ยังแก้ไขให้สามารถดำเนินการสอบสวน แก่ผู้ถูกกล่าวหาได้ในทุกกรณีแม้ถูกผู้กล่าวหานั้นจะพ้นจากตำแหน่งไปแล้วก็ตาม อีกทั้งถ้าเห็นว่า ผู้ถูกสอบสวนมีพฤติการณ์ตามที่ถูกสอบสวน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเสนอผลการสอบสวน พร้อมความเห็นต่อ รมว.มหาดไทย ภายใน 50 วัน นับแต่วันที่สอบสวนเสร็จ และให้ รมว.มหาดไทย สั่งให้ผู้ถูกสอบสวนพ้นจากตำแหน่ง ไม่ว่า ผู้นั้นจะได้พ้นจากตำแหน่งไปก่อนแล้วหรือไม่ก็ตาม โดยในคำสั่งดังกล่าวให้ระบุเหตุผลที่ทำให้พ้นจากตำแหน่งไว้ และให้มีผลตั้งแต่วันที่ รมว.มหาดไทย มีคำสั่ง และให้ถือว่า วันที่สั่งให้พ้นจากตำแหน่งดังกล่าว เป็นวันเริ่มนับระยะเวลาต้องห้ามการใช้สิทธิรับสมัครเลือกตั้ง ทั้งนี้ คำสั่งของ รมว.มหาดไทย ตามมาตรานี้ให้เป็นที่สุด
นอกจากนี้ มท. และ สคก. ยังเสนอให้แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย ว่าด้วยการจัดตั้ง อปท. รวมทั้งกฎหมายการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น ตามข้อเสนอของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ให้เพิ่มบทบัญญัติ “การไม่เป็นผู้มีพฤติกรรมในทางทุจริต” เป็นคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งในทุกตำแหน่ง อาทิ บุคคลผู้ที่อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ไม่ว่า คดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง
รวมถึงเสนอเพิ่มบทกำหนดโทษกรณีบุคคล ซึ่งรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่า ตนเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดสิบปี และ มท.ยังเสนอให้เพิ่มเติมประเด็นที่กำหนดให้ผู้บริหารท้องถิ่น ต้องไม่ทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ไม่จงใจปฏิบัติตามกฎหมาย หรือมติ ครม. อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี