24 เม.ย.61 น.ส.ปิติกาญจน์ สิทธิเดช อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เปิดเผยกรณีรายงานการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศต่างๆ ประจำปี 2560 (The 2017 Country Reports on Human Rights Practices) ออกโดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่าทางการไทยละเมิดสิทธิมนุษยชนและจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนว่า รายงานดังกล่าวยังขาดความสมดุลของข้อมูล ซึ่งรัฐบาลมีความตระหนักและมีนโยบายขับเคลื่อนงานสิทธิมนุษยชนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้จาก
1.การประกาศ "วาระแห่งชาติ : สิทธิมนุษยชนร่วมขับเคลื่อน Thailand 4.0 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน" แสดงถึงเจตนารมณ์ทางการเมืองของรัฐบาล ที่ต้องการยกระดับสิทธิมนุษยชนให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อยืนยันถึงความมุ่งมั่นและความพร้อมของทุกภาคส่วนในการส่งเสริม คุ้มครองสิทธิมนุษยชนนำไปสู่สังคมสันติสุข
2.รัฐบาลเห็นชอบในหลักการ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. .... เพื่อให้เป็นไปตามอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และการประติบัติ หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรี และอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญที่ได้มีการลงนามรับรองแล้ว และในระหว่างนี้ได้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกกระทำทรมาน และถูกบังคับให้หายสาบสูญ เพื่อทำหน้าที่รับเรื่องร้องทุกข์ ตรวจสอบข้อเท็จจริง ตลอดจนให้ความช่วยเหลือเยียวยา คุ้มครองสิทธิผู้เสียหายจากการทรมาน และถูกบังคับให้หายสาบสูญ
"หากเจ้าหน้าที่มีการกระทำการละเมิดก็จะมีการลงโทษทางวินัยหรือทางกฎหมายต่อไป ที่ผ่านมาได้ส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ และจัดทำคู่มือแนวทางสำหรับเจ้าหน้าที่ในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด รวมทั้งภาคประชาสังคม สื่อมวลชน ก็มีส่วนช่วยตรวจสอบและเสนอความเห็นเกี่ยวกับการส่งเสริม ป้องกัน และคุ้มครองประชาชนตามร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว" อธิบดีกรมคุ้มครองฯ กล่าว
น.ส.ปิติกาญจน์ กล่าวว่า 3.การส่งเสริมสิทธิของผู้ต้องขังในประเทศไทย ได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ซึ่งมีสาระสำคัญในการปฏิรูประบบราชทัณฑ์ของประเทศให้สอดคล้องกับมาตรฐานและข้อบัญญัติระหว่างประเทศเกี่ยวกับผู้ต้องขังในด้านต่างๆ เช่น ข้อกำหนดกรุงเทพฯ (Bangkok Rules) และข้อกำหนดแมนเดลา (Mandela Rules) เพื่อส่งเสริม คุ้มครองสิทธิของผู้ต้องขังให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และมีการดำเนินงานพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถดำเนินงานสอดคล้องกับกฎหมายที่วางไว้
นอกจากนี้ 4. รัฐบาลมีนโยบายในการอำนวยความยุติธรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ทั้งการประกาศ พ.ร.บ.กองทุนยุติธรรม พ.ศ.2558 รวมถึงการคุ้มครองเยียวยาผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา ตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 และที่แก้เพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงความยุติธรรมได้อย่างเสมอภาค และเท่าเทียมกัน ตลอดจนยังอำนวยความสะดวกและเปิดช่องทางการรับเรื่องราวร้องทุกข์และการแสดงออกของทุกฝ่ายผ่านทางศูนย์ต่างๆ อย่างกว้างขวาง
น.ส.ปิติกาญจน์ กล่าวว่า 5.รัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจมีการเคารพสิทธิมนุษยชน ตามกรอบหลักการสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (UN Guiding Principles on Business and Human Rights : UNGPs) ทั้งการเคารพ คุ้มครอง และเยียายา โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม และเคารพในสิทธิมนุษยชน ล่าสุดคณะทำงานด้านสิทธิมนุษยชนกับบรรษัทข้ามชาติและองค์กรธุรกิจอื่นๆ ของสหประชาชาติ ได้เดินทางมาเยือนไทยได้แสดงความยินดีกับความมุ่งมั่นกับรัฐบาลไทยที่ต้องการเป็นผู้นำในภูมิภาคในเรื่องธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน และเปิดกว้างให้คณะได้เข้ามาพูดคุยข้อท้าทายต่าง ในเรื่องสิทธิมนุษยชน รวมทั้งจัดเวทีหารือร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคธุรกิจ เพื่อพัฒนาความร่วมมือระหว่างองค์กรภาคีเป็นที่น่ายินดีจากการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของเลขาธิการองค์กรความร่วมมืออิสลามกลาง (Organization of Islamic Cooperation - OIC) ได้กล่าวชื่นชมและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นความก้าวหน้าในเชิงบวก ในการแก้ไขปัญหาในภาคใต้ของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเป็นเพียงพัฒนาการดำเนินงานสิทธิมนุษยชนของประเทศไทยเพียงแค่บางส่วนที่สำคัญเท่านั้น ซึ่งเป็นข้อมูลที่ประจักษ์ชัดเชิงบวก ที่ไม่ได้ถูกนำมาพิจารณาในรายงานฉบับดังกล่าวให้เกิดความสมดุลกับมุมมองทางด้านลบที่ประเทศต้องเร่งพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นแต่อย่างใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี