ยุบพรรค-ตัดสิทธิ์เลือกตั้ง
กกต.ขู่เพื่อไทย
บินพบ‘แม้ว-ปู’ที่สิงคโปร์
ถ้ารับเงินมา/ให้คนนอกชี้นำ
‘ประยุทธ์-คสช.’สั่งเช็คถี่ยิบ
เตือนยิ่งชุมนุมยิ่งไม่ได้กาบัตร
สมช.ไม่วิตกม็อบอยากเลือกตั้ง
“บิ๊กตู่- คสช.” จับตาเด็กเพื่อไทย“บินพบ” ปู-แม้ว “2 พี่น้องหลบหนีคดีอาญาแผ่นดินที่สิงคโปร์ ระบุทำไม่ได้ ในขณะที่ กกต.ขู่ตัดสิทธิ์ยุบพรรคหากไปรับเงิน หรือให้คนนอกพรรคชี้นำ ส่วนลิ่วล้อนายใหญ่ บอกไม่มีอะไรแค่เคารพรักกัน สมช.ไม่หวั่นม็อบอยากเลือกตั้ง ด้าน’มาร์ค’ไม่ขัดข้องถ้าลูกทีมย้ายพรรคเพื่อชาติ
เมื่อวันที่ 5พฤษภาคม พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวถึงการยืนยันสมาชิกของพรรคการเมืองเดิม ว่า พรรคการเมืองเดิมต้องรายงานจำนวนสมาชิกพรรค ต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองภายใน 30 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 30 พฤษภาคม ตามที่ กกต ได้ออกระเบียบไปก่อนหน้านี้ และเมื่อรายงานมาทาง กกต.ก็จะตรวจสอบ ความถูกต้องทางธุรการ หากไม่ถูกต้องก็จะมีการแจ้งเพื่อให้ดำเนินการแก้ไข แต่ถ้าไม่แจ้งในกำหนดเวลาก็มีโทษ แต่ไม่ถึงกับให้พรรคสิ้นสภาพ
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวอีกว่า ส่วนจำนวนสมาชิกของพรรคการเมืองลดลงนั้น ตนเห็นว่าเมื่อคสช.มีการปลดล็อค ให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ ก็สามารถกลับมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้ ทั้งนี้ สำหรับการจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ในขณะนี้ มีผู้ยื่นขอจดแจ้งจัดตั้งพรรคแล้ว 100 กลุ่มการเมือง และมีกลุ่มการเมืองที่นายทะเบียนได้ออกหนังสือ รับแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมือง หรือแบบ พ.ก.7/2 แล้ว 34 กลุ่ม และมี 20 กลุ่มที่นายทะเบียนแจ้งขอให้มีการแก้ไข และมีเพียง 2 พรรคที่ยืนจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองแล้ว คือ พรรคทางเลือกใหม่ และพรรคมติประชา
กกต.เผย100กลุ่มขอจัดตั้งพรรค
อย่างไรก็ตาม ในจำนวน 100 กลุ่มการเมือง ที่ได้ยื่นขออนุญาต คสช.เพื่อจัดประชุมเตรียมการจัดตั้งพรรคผ่าน กกต.นั้น ได้ยื่นหนังสือแล้วทั้งสิ้น 57 กลุ่มการเมือง และ กกต.ได้ส่งให้ คสช.พิจารณา 42 กลุ่ม โดย คสช.อนุญาตแล้ว 16 กลุ่ม
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ยังกล่าวด้วยว่า ส่วนที่ คสช.ไม่อนุญาต ประมาณ 20 กลุ่มการเมือง ส่วนใหญ่จะเนื่องมาจากไม่มีการระบุวันเวลาสถานที่ในการจัดประชุมที่ชัดเจน หรือบางกลุ่มก็ขอที่จะเดินถนนเพื่อรณรงค์หาสมาชิก ซึ่งอาจมีปัญหาในเรื่องของการรักษาความสงบเรียบร้อย ที่ คสช.จะต้องเข้าไปดูแลเมื่อทุกพรรคจัดประชุม แต่เมื่อทางพรรคได้รับทราบว่า คสช.ไม่อนุญาตก็มีการแก้ไข และยื่นหนังสือกลับมาใหม่ ซึ่ง กกต.ก็ดำเนินการส่งให้ คสช.พิจารณาอนุญาตต่อไป
ขู่ทำผิดกม.ยุบพรรคเพื่อไทย
เลขาธิการ กกต.ยังให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีอดีตสส.พรรคเพื่อไทย จะเดินทางไปพบ นายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2อดีตนายกฯ สองพี่น้องผู้หนีคดีอาญาแผ่นดิน ที่สิงคโปร์ ว่า ต้องดูว่าเข้าลักษณะการครอบงำ ชี้นำโดยบุคคลซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรค หรือกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ เพราะตามกฏหมายพรรคการเมือง ไม่ให้มีการดำเนินการในลักษณะดังกล่าว รวมถึงการนำเงินจากต่างประเทศ เข้ามาสู่พรรคก็ไม่ได้ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ก่อน หากพบว่าผิดจริงตามกฎหมายกำหนดโทษ ให้ต้องยุบพรรคและถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง
ส่วนที่ขณะนี้เริ่มมีการออกรายการโทรทัศน์ในลักษณะของการหาเสียงเพื่อหวังผลของการเลือกตั้งนั้น กกต.ยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เพราะยังไม่อยู่ในช่วงของการควบคุมการหาเสียง จึงเป็นเรื่องของเสรีภาพ การแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ แต่ก็ต้องระมัดระวังว่าอย่าให้ไปละเมิดผู้อื่น
พท.บอกแค่ไปในนามส่วนตัว
ด้านนายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส. เชียงรายพรรคเพื่อไทย ยอมรับว่า จะมีอดีตสส.ไปพบนายทักษิณ และนส.ยิ่งลักษณ์ ที่สิงคโปรจริง ช่วง4-6 พ.ค. นี้ เป็นการไปในนามส่วนตัว เพราะขณะนี้ยังไม่ได้ปลดล็อคการเมือง แต่อาจะมีเรื่องการหารือเรื่องกระแสดูดและหาตัวผู้นำพรรคคนใหม่ แต่เรื่องนี้พรรคไม่เร่งรีบ เพราะตัวบุคคลที่เป็นแคนดิเดต ทั้งนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ อดีตรมว.คมนาคม และ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ แกนนำพรรค หัวหน้ากลุ่มกทม.เพื่อไทย ก็สามารถเป็นหัวหน้าพรรคได้ทั้งนั้น
เผยอดีตสส.บินไปกันหลายคน
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คนที่เดินทางไปพบนายทักษิณและนส.ยิ่งลักษณ์ คงเป็นเพราะความเคารพรักกัน ไม่มีนัยยะทางการเมืองใดๆ ไม่มีการไปแก้ปัญหาการเมืองในพรรค นอกพรรคอะไรทั้งสิ้น
มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยว่า การเดินทางมาที่ประเทศสิงคโปร์ มีกันหลายคน โดยจะวิเคราะห์สถานการทางการเมืองในไทยขณะนี้ ที่กำลังมีปรากฎดูดนักการเมืองจากพรรคและกลุ่มต่างๆ ไปเป็นแนวร่วมของรัฐบาลคสช. ชิงการนำในการเลือกตั้งครั้งหน้า ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องปรับยุทธศาสตร์ทางการเมืองใหม่ รวมทั้งหารือแกนนำพรรคในการเตรียมวางตัวรายชื่อผู้สมัครสส.เขตและบัญชีรายชื่อ โดยเฉพาะตัวบุคคลขึ้นเป็นผู้นำหรือหัวพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ที่จะนำพรรคฯ ต่อสู้ในศึกเลือกตั้งสมัยหน้า เนื่องจากหลังนี้จะเริ่มเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ผู้สมัครจะต้องลงพื้นที่ รวมถึงยอดสมาชิกพรรคที่ลดฮวบ
บิ๊กตู่สั่งฝ่ายกฎหมายจับตาดู
วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีอดีตสส.พรรคเพื่อไทย จะเดินทางไปพบ นายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2อดีตนายกฯ สองพี่น้องผู้หนีคดีอาญาแผ่นดิน ที่สิงคโปร์ว่า เท่าที่ คสช. ดูอยู่ จริงๆ แล้วมันไม่ได้และจะไปหาเสียงอะไรก็ไม่ได้ทั้งสิ้น ตอนนี้กำลังให้ติดตามดูอยู่ว่าใครทำผิดกติกาเหล่านี้บ้าง หลายคนก็ฉวยโอกาสเหมือนกัน แม้กระทั่งช่วงสงกรานต์ก็ไปเดินที่นู้นที่นี่ คุยกับคนนั้นคนนี้ เป็นการหาเสียงหรือไม่ กำลังให้ฝ่ายกฎหมายดูอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า คสช.จำเป็นต้องออกคำสั่งใหม่ที่ห้ามนักการเมืองเดินทางออกนอกประเทศ หรือต้องแจ้งก่อนเดินทาง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่มีทุกคนต้องรู้มันจะสั่งอะไรกันบ่อยนัก เมื่อคำสั่งออกมา ถ้าทุกคนปฏิบัติตามคำสั่งมันก็จบ และคำสั่งที่ออกมา ตนไม่ได้ให้เอื้อประโยชน์ใคร เพียงแค่ให้ทุกอย่างสงบเรียบร้อย เพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง หากมีความขัดแย้งกันตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง แล้วจะไปเลือกตั้งกันได้อย่างไร นั่นคือวัตถุประสงค์ของตน
“จะออกคำสั่งอะไรกันบ่อยๆ พอออกมาก็มีโต้กันอีกแล้วจะให้ออกกันถึงเมื่อไหร่ ทำไมไม่รู้จักทำงาน เพื่อความสงบสุข สันติของสังคมโดยรวมกันบ้าง ทุกคนพยายามจะสร้างเรื่องสร้างเหตุการณ์กันตลอด แล้วก็ให้รัฐบาลใช้อำนาจออกคำสั่ง เสร็จแล้วก็มีการโต้กลับมาที่รัฐบาล หาว่ารัฐบาลต้องการจะสืบทอดอำนาจ มันก็วนกันอยู่อย่างนี้ สื่อก็รู้ดีอยู่” นายกฯ กล่าว
ลงบุรีรัมย์ไม่มีสัญญานพิเศษ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานทีอย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) ที่จ.สุรินทร์ และบุรีรัมย์ 7-8 พ.ค.นี้ว่า ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ไปเหมือนกับจังหวัดอื่นๆ ไม่มีอะไรพิเศษ ไม่มีไปสัญญาอะไรกับใคร ไม่ได้ต้องการพบนักการเมือง ทั้งหมดคือประชาชนของประเทศไทย เป็นรัฐบาลต้องไปทุกจังหวัด ส่วนที่นักการเมืองจะมาให้การต้อนรับนั้น ตนเห็นว่าจะไปห้ามเขาได้หรือไม่ สื่อก็ห้ามเขาสิ จะให้ตนห้ามไม่ให้มารับหรืออย่างไร มันทำได้หรือไม่ อย่าเขียนให้เป็นเรื่องเป็นราวเลย พอแล้ว “เรื่องการเมืองรู้ว่าหลายคนอยากถามผม ก็ยังไม่มีคำตอบ เพราะผมก็ยังไม่มีการตัดสินใจอะไรเลยตรงนั้น” นายกฯ กล่าว
เตือนยิ่งชุมนุมยิ่งไม่ได้เลือกตั้ง
เมื่อถามว่า ได้กำชับฝ่ายความมั่นคงเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่ กรณีกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง นัดชุมนุมในวันที่ 5 พ.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่าทำผิดกฎหมายฝ่ายความมั่นคงดูแลอยู่ ส่วนที่หวั่นว่าจะเกิดความบานปลายนั้น สื่อก็อย่าให้เขาออกมา ต้องบอกเขาว่าขอให้บ้านสงบเรียบเรียบร้อยหากอยากจะเลือกตั้ง แต่ถ้ายิ่งทำแบบนี้ก็ไม่ได้เลือก
“ฉะนั้น การที่จะได้เลือกตั้งหรือไม่ได้เลือก ไม่ได้อยู่ที่ผม อยู่ที่คนเหล่านี้นั่นแหล่ะ ซึ่งการเลือกตั้งตนก็วางไว้แล้ว ต้นปี 62 จบ เลิกพูดเรื่องเหล่านี้ พอแล้วเหนื่อย บ๊ายบาย ซาโยนาระ ลาก่อน” นายกฯ กล่าว
พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่าประชาชนไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งในวันที่ 5 พค.นี้ เพราะเป็นการชุมนุมภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.)
‘มาร์ค’ไม่ขัดสมาชิกย้ายพรรค
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคปชป.ให้สัมภาษณ์ถึงความเคลื่อนไหวพรรคการเมืองที่ถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ดูดไปร่วมงาน ว่า ซึ่งส่วนตัวตนไม่ได้มีปัญหาเรื่องสมาชิกย้ายพรรค แต่อยากให้ย้ายเพื่ออุดมการณ์และประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก มากกว่าการที่รัฐบาลจะใช้อำนาจ ผลประโยชน์และตำแหน่งมาต่อรอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี