พท.สับ4ปีเหลวหมด7ด้าน
คสช.เต้นผาง
รับไม่ได้-จ่อแจ้งจับ3ข้อหา
ขัดคำสั่งคสช.-ชุมนุมเกิน5คน
‘ไลฟ์สด’เข้าข่ายผิดพรบ.คอมพ์
ตร.บุกคุมเข้มถึงโต๊ะแถลงข่าว
“พท.” ตั้งโต๊ะชำแหละ 4 ปี คสช.บริหารล้มเหลว 7 ด้าน ทั้งปฏิรูป-ปรองดอง-ปราบโกง-ศก.ดิ่งเหว ตำรวจส่งกำลังคุมเข้มที่ทำการพรรค เตือนอย่าทำผิดกฎหมาย ด้าน“บิ๊กป้อม”ลั่นทำไมจนท.จะเข้าฟังไม่ได้ เพราะแถลงให้ปชช.ฟังไม่ใช่หรือ “คสช.”จ่อแจ้งจับ 3 ข้อหา ขัดคำสั่งคสช.-ชุมนุมเกิน 5 คน-พ.ร.บ.คอมพ์ “นิพิฏฐ์”ให้คะแนนติดลบ เหตุหวังสืบทอดอำนาจ กลายเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง ปฏิรูปไม่เป็นรูปธรรม
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย(พท.)ว่า แกนนำพรรคเพื่อไทย 7 คน ได้แก่ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค ,นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค ,นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ,นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย ,นายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ ,นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตรมว.ยุติธรรม และนายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พาณิชย์ เตรียมแถลงการณ์ครบ 4ปี ของการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ตร.คุมเข้ม’พท.’อ่านแถลงการณ์
ก่อนการแถลงการณ์ พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล1(รอง ผบก.น.1) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มักกะสัน ขอความร่วมมือแกนนำพรรคงดทำกิจกรรมทางการเมืองตามคำสั่งคสช.ที่3/2558 เพื่อไม่ให้ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ไม่ให้ชุมนุมเกิน 5คน ไม่ให้ยุยงเพื่อสร้างความวุ่นวาย โดยใช้เวลาพูดคุยกับแกนนำพรรค 15นาที ก่อนได้ข้อสรุปให้แจกเอกสารแทนการแถลงข่าวและได้ส่งตัวแทนจำนวน 3คน คือ นายจาตุรนต์ นายชูศักดิ์และนายวัฒนา ตั้งโต๊ะแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมจากสิ่งที่เตรียมมาแถลงข่าวเพื่อไม่ให้ถูกเชื่อมโยงไปสู่ประเด็นข้อกฎหมายที่อาจเกิดผลกระทบกับพรรค ส่วนบริเวณภายนอกอาคารมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 20นาย กระจายกำลังอยู่โดยรอบ
‘อ๋อย’ซัดไม่เคารพสิทธิประชาชน
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า วันนี้เราไม่ได้แถลงในนามกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) แต่แถลงในฐานะสมาชิกและขอแจกเป็นเอกสารแทนเพื่อไม่ให้เข้าข่ายมีเนื้อหายุยงปลุกปั่น ซึ่งเนื้อหาในเอกสารพูดถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในการแสดงความเห็น สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้แสดงให้เห็นว่ามีปัญหาการลิดรอนสิทธิของประชาชน นักการเมือง พรรคการเมือง ในการแสดงความเห็นอย่างสุจริต ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ สิ่งที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)บอกว่า สิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ แต่ คสช.กลับส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาห้ามเราแถลงข่าว ถือเป็นการประจานไปทั่วโลกว่า คสช.ไม่ได้เคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชนและทำให้เห็นถึงความล้มเหลวในการปกป้องสิทธิมนุษยชนของรัฐบาล
ใช้พรบ.คอมปิดปากฝ่ายตรงข้าม
นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า การดำเนินงานของ คสช.รอบ 4ปีที่ผ่านมา ทำให้สังคมไทยเห็นความล้มเหลวสร้างความปรองดอง กลายเป็นคสช.เป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชนที่รักประชาธิปไตย ล้มเหลวในเรื่องสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพ รวยกระจุกจนกระจาย ทำลายระบบพรรคการเมือง ใช้วิธีการที่อาจเอื้อให้อยู่ในระบบการเลือกตั้งข้างหน้า ขณะที่ช่วงหลังมีการใช้พรบ.คอมพิวเตอร์เกินกว่าเหตุเพื่อปิดปากฝ่ายเห็นต่าง ทำให้การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตกลายเป็นอาชญากรรม
คสช.นำสู่ความมืดมน-อันตราย
ด้าน นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22พฤษภาคม2557 ได้มีประกาศคสช.ที่1/2557 ซึ่งต้องการให้ประเทศกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ให้มีการปฏิรูปทางโครงสร้างเศรษฐกิจและสัญญาจะใช้อำนาจเผด็จการไม่นาน จะปราบการทุจริตประพฤติมิชอบ แต่ครบ 4ปีแล้วพบว่า ความแตกแยกยังมีอยู่ มีการเลื่อนเลือกตั้งมาแล้ว 4ครั้ง จะปฏิรูปการเมืองกลับได้กฎหมายถอยหลังทางประชาธิปไตยเป็นอย่างมาก ทั้งหมดที่ คสช.ประกาศเป็นเรื่องที่ล้มเหลว เป็น 4 ปีที่ล้มเหลวและจะนำประเทศไปสู่ความมืดมนและอันตราย
วัฒนาแฉส่งทหารคุมองค์กรอิสระ
ขณะที่ นายวัฒนา กล่าวว่า คสช.บอกจำเป็นต้องยึดอำนาจ เพราะต้องการแก้ปัญหา 4 อย่างคือ 1.บ้านเมืองสงบสุข 2.ให้คนไทยรักกัน 3.เพื่อการปฏิรูป 4.เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ทุกฝ่าย เป็นภารกิจที่คสช.นำมาใช้อ้างในการยึดอำนาจ แต่ไม่เคยทำหน้าที่ 4อย่างตามที่พูด แม้ประชาชนจะแสดงความเห็นก็ยังถูกห้าม ตนเชื่อหลังจากนี้จะมีแต่นายพลเท่านั้นที่เข้ามาบริหารประเทศโดย ไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระเพราะมีการขยายอำนาจให้พล.ต.มียศเท่ากับอธิบดีแล้ว ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่สืบทอดอำนาจชัดเจน สุดท้ายนี้ตนขอฝากไว้ว่า ถ้าหมดจากอำนาจเมื่อไหร่ ทุกคนติดคุกได้เสมอ
ไม่ร่วมถกรบ.ชี้มุ่งสืบทอดอำนาจ
นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวยืนยันถึงความชัดเจนกรณีที่ทางรัฐบาลเชิญพรรคการเมืองเข้าร่วมพูดคุยในช่วงเดือนมิถุนายน ว่า เรื่องการเลือกตั้ง และการกำหนดวันเลือกตั้งเป็นเรื่องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล และยิ่งคสช.มีส่วนได้ส่วนเสียกับการเลือกตั้ง เห็นว่าจะมีการสืบทอดอำนาจโดยการตั้งพรรค เชิญคนนั้นคนนี้มาร่วม วางกลไกเพื่อให้ตัวเองอยู่ต่อ ดังนั้นการเชิญพรรคการเมืองไปร่วม ถือว่าขาดความชอบธรรมอย่างยิ่ง คสช.ควรออกจากอำนาจด้วยซ้ำ ดังนั้นพท.ยืนยันว่า จะไม่ไปร่วม ไม่ว่ารัฐบาลจะเชิญ หรือขอความกรุณาให้ไปก็ตาม
ร่อนแถลงการณ์7ความล้มเหลว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทย(พท.)“เรื่อง4ปีที่ล้มเหลวของรัฐบาลและคสช.นำประเทศไปสู่ความมืดมนและอันตราย”มีเนื้อหาระบุว่า คสช.ล้มเหลวใน 7ด้าน ประกอบด้วย 1.ล้มเหลวในการปฎิรูปประเทศ 2.ล้มเหลวสร้างความปรองดอง 3.ล้มเหลวปราบทุจริตคอรัปชั่น 4.ล้มเหลวในการทำให้บ้านเมืองมีประชาธิปไตย 5.ล้มเหลวปกป้องสิทธิมนุษยชน6.ล้มเหลวแก้ปัญหาเศรษฐกิจและ7.ล้มเหลวในภาวะความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ดังนั้น 4ปีของ คสช.คือ การนำประเทศไปสู่อนาคตที่มืดมนและอันตราย ประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยถูกมองเป็นเพียงบ่าว ทั้งๆที่พวกเขาคือนาย เพราะเป็นผู้เลือกสส.และรัฐบาล จึงเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนต้องช่วยกันนำระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขกลับคืนมาและไม่ยอมให้เผด็จการทำลายประชาธิปไตยอีกต่อไป
บิ๊กป้อมโวยทำไมตร.จะฟังไม่ได้
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีมีตำรวจเข้ารับฟังการแถลงข่าวของพรรคเพื่อไทย(พท.) เกี่ยวกับเรื่องผลงาน 4 ปีของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า ตำรวจเขาทำตามกฎหมาย ไม่มีปัญหาอะไร ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเป็นบรรทัดฐานว่าต่อไปหากพรรคการเมืองใดออกมาแถลงข่าวต้องมีตำรวจไปรับฟังด้วยใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ต้องฟัง เมื่อเขาแถลงให้ประชาชนรับรู้ แล้วทำไมเจ้าหน้าที่ถึงเข้าไปฟังด้วยไม่ได้
ถามกลับบริหาร4ปีมีอะไรไม่ดีบ้าง
เมื่อถามว่า ในฐานะดูแลงานด้านความมั่นคงมองอย่างไรต่อการบริหารของคสช.ในช่วงเกือบ 4ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า หลังจาก คสช.เข้ามาก็มีความสงบเรียบร้อยและประชาชนให้ความร่วมมือทุกอย่างเพราะต้องการความสงบ ไม่ให้เกิดความแตกแยก ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดี มีด้านใดที่ไม่ดีบ้าง ส่วนด้านเศรษฐกิจเราก็พยายามแก้ไข แต่ยังมีปัญหาในระดับล่าง ซึ่งรัฐบาลจะเอาเงินไปให้ก็ไม่ได้ เพราะผิดกฎหมาย จึงต้องหาทางเพิ่มอาชีพและรายได้ให้ประชาชน ซึ่งมีโครงการต่างๆที่กำลังดำเนินการอยู่
ย้ำการปลดล็อคต้องทำเป็นขั้นตอน
พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการเชิญพรรคการเมืองมาพูดคุยในเดือนมิถุนายน เพื่อเตรียมพร้อมเลือกตั้ง ว่า ยังมีเวลาอีกนาน ยืนยันว่าเชิญทุกพรรค ส่วนที่พรรคเพื่อไทยระบุว่า จะไม่เข้าร่วมการพูดคุยนั้น ก็แล้วแต่เขา แต่คิดว่า ไม่มีปัญหาอะไร เขาไม่มา แล้วจะให้ทำอย่างไรเมื่อถามถึงการปลดล็อกคำสั่ง คสช.ตามที่พรรคการเมืองเรียกร้อง จะมีเงื่อนไขหรือไม่ รองนายกฯกล่าวว่า ต้องปลดล็อกเป็นขั้นตอน ยังไม่ปล่อยหมดทั้ง 100เปอร์เซ็นต์ เพราะต้องดูแต่ละขั้นตอนที่จะปล่อยให้พรรคการเมืองดำเนินการ
‘คสช.’ประกาศเอาผิดพท.3ข้อหา
พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารปฏิบัติการประจำกองบัญชาการกองทัพบก ปฏิบัติหน้าที่ส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย คสช.กล่าวถึงการดำเนินคดีพรรคเพื่อไทยกรณีแถลงข่าวครบรอบ 4ปี คสช.ว่า การแถลงข่าวเข้าข่ายผิดคำสั่ง คสช.ที่ห้ามประชุมพรรคการเมือง แต่พรรคเพื่อไทยกลับแถลงข่าวพาดพิง คสช.เบื้องต้นพบเข้าข่ายความผิด 3เรื่อง คือ ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.เรื่องห้ามดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมือง เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเก่า ที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ประชุมพรรคและความผิด พรบ.การชุมนุม ที่มีการมั่วสุมเกิน 5คน รวมถึงความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากมีการไลฟ์สดผ่านทางเฟซบุ๊ก ฝ่ายกฎหมาย คสช.อยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนจะดำเนินคดีกับใครบ้าง หรือจะดำเนินคดีกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยหรือไม่อยู่ระหว่างการพิจารณา
ขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ระบุว่า คสช.สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษที่ใดก็ได้ ทั้งสถานีตำรวจพื้นที่ หรือที่กองปราบปราม จากนั้นจะส่งเรื่องมาให้พิจารณา ว่า จำเป็นต้องตั้งเป็นคณะทำงานหรือไม่ เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมีการดำเนินคดีกับพรรคการเมืองที่ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.แต่อย่างใด
‘นิพิฎฐ์’ให้คะแนน4ปีคสช.ติดลบ
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงการครบรอบ 4ปีการยึดอำนาจของ คสช.ว่า ตนให้คะแนนบริหารประเทศของ คสช.เป็น 2ระยะคือ ระยะเเรกให้ 7จาก10คะแนน เพราะมีความตั้งใจแก้ปัญหาและไม่มีส่วนได้เสีย แต่ระยะกลางจนถึงปัจจุบันให้คะแนนติดลบ เนื่องจากเห็นชัดเจนว่าต้องการสืบทอดอำนาจ กลายเป็นคู่ความขัดแย้งเสียเอง ขณะที่งานปฏิรูปประเทศแม้จะตั้งใจแต่ก็ยังไม่เห็นรูปธรรม นอกจากแผนงาน การวางยุทธศาสตร์ปฏิรูปประเทศประชาชนก็ขาดการมีส่วนร่วม ส่วนใหญ่เป็นความคิดของผู้มีอำนาจ รัฏฐาธิปัตย์เพียงฝ่ายเดียวและการร่างรัฐธรรมนูญก็ออกแบบเพื่อคงอำนาจของตัวเอง เช่น การให้มีสว.จากการแต่งตั้งเลือกนายกฯรวมถึงการเปิดช่องให้คนนอกเป็นนายกฯด้วย
อัยการสั่งฟ้องอยากเลือกตั้ง45คน
ที่ศาลแขวงดุสิต ถนนนครไชยศรี พนักงานอัยการคดีศาลแขวง3 (ดุสิต) ได้ยื่นฟ้อง นายเนติวิทย์ หรือแฟรงก์ โชติภัทร์ไพศาล นักกิจกรรมกลุ่มคนอยากเลือกตั้งและนายวิศรุต อนุกูลการย์ กลุ่มนักศึกษาประชาธิปไตยใหม่และพวกเป็นจำเลยที่1-45 ในความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.และพรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 กรณีวันที่ 10มีนาคม2561 พวกจำเลยได้จัดปราศรัย“รวมพลังถอนราก คสช.”ที่สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ก่อนเคลื่อนขบวนเดินเท้าไปหน้ากองบัญชาการกองทัพบก โดยศาลประทับรับฟ้องไว้และนัดตรวจหลักฐานพร้อมสอบคำให้การจำเลยวันที่ 12กรกาคม เวลา 09.00น.ขณะที่จำเลยทั้งหมดได้ถูกปล่อยตัวไปโดยไม่ต้องยื่นหลักทรัพย์ประกัน โดยศาลให้จำเลยทั้งหมดสาบานตัวแทน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี