8แกนนำพท.มอบตัว21พค.
คดีรุมสับ‘คสช.’
‘ภูมิธรรม’อ้างบริสุทธิ์ใจ
ชี้ครม.สัญจรบุรีรัมย์หนักกว่า
‘ชูศักดิ์’ขู่ล้ำเส้นเจอฟ้องกลับ
‘บิ๊กจิ๋ว’ชูตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล
อ้างโทร.คุยแม้วอยากกลับบ้าน
8 แกนนำ พท. เตรียมเข้ามอบตัวกองปราบฯ 21 พฤษภาคม หลังโดน คสช.แจ้งจับเพราะเปิดแถลงข่าวรุมยำผลงาน 4 ปีล้มเหลว ด้าน “ภูมิธรรม” บอกทำด้วยใจบริสุทธิ์ แขวะซ้ำ ครม. สัญจรบุรีรัมย์ หนักกว่าขนคนมาเพียบ “บิ๊กจิ๋ว” ชูตั้ง “รัฐบาลเฉพาะกาล” แก้นักการเมืองขัดแย้ง-ทหารยึดอำนาจ เผยโทร.คุย “แม้ว” อยากกลับบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม เวลา 10.30 น. แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.)ประกอบด้วย 1.พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค 2.นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค 3.นายชูศักดิ์ ศิรินิล 4.นายชัยเกษม นิติสิริ 5.นายจาตุรนต์ ฉายแสง 6.นายนภดล ปัทมะ 7.นายวัฒนา เมืองสุข และ 8.นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง จะเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนที่กองปราบฯ เพื่อรับทราบที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แจ้งความดำเนินคดีแกนนำทั้ง 8 คน จำนวน 4 ข้อหาภายหลังจากที่มีการจัดแถลงข่าวเรื่อง “4 ปีที่ล้มเหลวของรัฐบาล และ คสช. นำประเทศไปสู่ความมืดมนและอันตราย” ที่พรรคพท. เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา
เปิดข้อกล่าวหาแกนนำพท.
ซึ่งเนื้อหาการแถลงข่าวมีลักษณะเป็นการกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช้เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมาย แห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 โดยแอดมินเพจ และหรือผู้ที่รับผิดชอบบัญชีเฟสบุ๊คชื่อ “Pheu Thai Party” ในความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตระหนกแก่ประชาชน อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 และข้อหาร่วมกันมั่วสุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป โดยเป็นการชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าคสช. หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย อันเป็นความผิดตามคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 3/2558 เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ลงวันที่ 1 เม.ย.2558 ข้อ 12
ทหารบอกเตือนแล้วยังไม่ฟัง
ขณะที่พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคสช. กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวน่าจะผิดคำสั่งคสช.และกฎหมาย โดยรายละเอียดหลักฐานและเอกสารสำนวนทั้งหมดได้ส่งให้พนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่มีความกังวลว่าจะเป็นการจุดกระแสให้สถานการณ์บานปลายหรือไม่นั้น ตนคิดว่าไม่บานปลายอะไร เพราะทางคสช. ใช้กฎหมายดำเนินการตามพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็เป็นไปตามขั้นตอน ทั้งนี้คสช.พยายามรักษาบ้านเมืองให้มีความสงบเรียบร้อย หากมีการยุยงปลุกปั่น หรือมีการกระทำใดที่ขัดคำสั่งคสช. ก็ต้องถูกดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าคสช.ทำตามหน้าที่ ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร หรือมีการเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด เพราะเราจะไม่ปล่อยให้มีการทำผิด และต้องดูแลภาพรวมความสงบเรียบร้อย
“เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปที่ทำการพรรคเพื่อไทยแล้ว เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกับแกนนำพรรคที่กำลังรวมตัวเพื่อจัดกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งคสช.ยังไม่ได้อนุญาตให้จัดกิจกรรมทางการเมืองได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงชี้แจงในเรื่องผลที่จะตามมาว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ทางแกนนำพรรคก็ยังคงยืนยันที่จะขึ้นเวทีร่วมกัน จะเห็นว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ปล่อยให้เขาทำ แต่ทางแกนนำไม่ยอมยกเลิกกิจกรรมดังกล่าว ดังนั้นทางคสช.จึงต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป”พล.ต.ปิยพงศ์ กล่าว
“บิ๊กป้อม”ยืนยันไม่ได้เป็นคนสั่ง
ประเด็นดังกล่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ระบุว่าเจ้าหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการ คงต้องว่าไปตามนั้น ส่วนที่มีการแถลงข่าวก่อนหน้านี้แล้วไม่ถูกดำเนินการอาจเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ดูแล้วไม่ผิด เรื่องทั้งหมดเจ้าหน้าที่เป็นผู้พิจารณาว่าผิดต่อคำสั่ง คสช.หรือพ.ร.บ.อะไรหรือไม่ หากผิดต้องว่าไปตามผิด ยืนยันตนไม่เกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุผลที่แจ้งความครั้งนี้ เป็นเพราะหัวข้อที่แถลงต้องการดิสเครดิตหรือโจมตีรัฐบาล คสช. หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “อาจจะเป็นได้ ก็ไม่รู้” ต่อข้อถามว่า หลังจากนี้การแถลงข่าวของพรรคเพื่อไทยต้องเพิ่มความระมัดระวังหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อย่าให้มันผิดกฎหมาย อย่าโจมตีในข้อที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าแถลงอะไรที่ขัดคำสั่ง คสช.ได้แสดงว่าคำสั่งที่ออกมาไม่มีประโยชน์ คสช.ทำงานมาตลอด ถ้า 4 ปี ไม่ดีจริงอยู่ไม่ได้
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าถ้าพรรคใดแถลงโจมตี คสช.จะมีปัญหา แต่พรรคไหนที่แถลงชื่นชมจะไม่มีปัญหา พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่เห็นมีใครชม เขาแค่สนับสนุน และหากจะโจมตีขอให้โจมตีในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ไม่ใช่สิ่งที่คิดไปเองว่าจะทำให้ประเทศเกิดอันตราย
‘ภูมิธรรม’บอกทำด้วยบริสุทธิ์ใจ
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่าเรื่องนี้เราแถลงไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ อีกทั้งก็ไม่ได้มีคณะกรรมการบริหารพรรค เข้าไปชี้แจงหรือแถลงอะไร มีเพียงสมาชิกพรรค 3 คนเท่านั้น คือนายจาตุรนต์ ฉายแสง นายวัฒนา เมืองสุขนายชูศักดิ์ ศิรินิล
“อยากถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ การที่มีหัวหน้าพรรคการเมือง มีพรรคการเมืองมาต้อนรับพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. แล้วมีการพูดปราศรัยอะไรต่างๆ ยิ่งเข้าข่ายมากกว่า”นายภูมิธรรม ระบุและว่า ถ้าจะเอาผิดอะไร ก็ต้องเอาผิดอย่างเสมอหน้ากันทุกฝ่าย อย่าให้มีลักษณะที่มาคอยเล่นงานแต่พรรคเพื่อไทยฝ่ายเดียว
ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่รู้สึกหนักใจ ถือว่าการดำเนินการของตนและสมาชิกพรรค เป็นการทำหน้าที่ของประชาชนคนหนึ่ง ขณะเดียวกันพรรคการเมือง ถือเป็นตัวแทนของประชาชน มีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของชาติและของประชาชนหากเห็นว่ามีการตั้งข้อหาที่รุนแรงเกินจริงก็คงจะต้องใช้สิทธิทางกฎหมายในการดำเนินคดีกลับเพื่อปกป้องสิทธิเช่นกัน
“บิ๊กจิ๋ว”โผล่แถลง4ปีผลงานคสช.
วันเดียวกัน “บิ๊กจิ๋ว”พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึง ครบรอบ 4 ปีของ คสช.ว่า ความมุ่งหมายของทุกรูปแบบการปกครองก็เพื่อประชาชน
เมื่อถามถึง การตั้งพรรค คสช. สืบทอดอำนาจจะเป็นปัญหาในอนาคตหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า เหตุการณ์เหมือนในอดีตจะกลับมาอีก และจะเกิดความรุนแรงกว่า เนื่องจาก คนมีความรู้มากขึ้นเงินมากขึ้น ซึ่งความรุนแรงจะมากขึ้นถือเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อถามว่า มองปรากฎการดูด สส.อย่างไร พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า เป็นเรื่องความพยายาม และเป็นเรื่องธรรมดา
ฟุ้งตัวเองยังมีกองกำลังที่3
พล.อ.ชวลิต กล่าวยอมรับว่า ห่วงประเทศชาติและประชาชน นอนไม่หลับ ซึ่งก่อนหน้านั้นตนเคยใช้หลักโซ่ข้อกลาง พยายามดึงซ้าย ดึงขวา มารวมกันเพื่อสร้างสันติ แต่มาเปลี่ยนเป็นกองกำลังที่ 3 ซึ่งตนมีกองกำลังอยู่ระวังให้ดี และกองกำลังของตนคือ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับแดงเหลือง ฝ่ายค้านหรือรัฐบาล แต่ยุ่งเกี่ยวอย่างเดียวคือประชาชนเพราะเป็นหัวใจสำคัญ
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีใครมาดูดหรือยัง พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ยังไม่มีใครมาดูด เพราะเขารู้ว่าดูดยังไงก็ไม่มีทางสำเร็จ
“ลุงตู่ ไม่มาดูดพ่อใหญ่หรอก แต่เกือบทุกพรรคการเมืองมาชวน แต่บอกไปว่า อย่าเอาพ่อใหญ่ไปเลย เดินก็ไม่ค่อยได้ หูไม่ดี ตามองไม่ชัดความจำก็เลว จะเอาไปทำไม เขาก็ไม่เอาเอง” พล.อ.ชวลิต กล่าว
หนุนจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล
เมื่อถามว่า สนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติที่คาดว่าอาจจะเกิดก่อนและหลังเลือกตั้งหรือไม่ พลเอกชวลิตกล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติแก้ไขปัญหาไม่ได้ เนื่องจาก แก้ไขปัญหาไม่ได้ รัฐบาลแห่งชาติ คือนำนักการเมืองจากพรรคต่างๆ มารวมกัน ซึ่งก็จะเหมือนเดิมเหมือนที่เกิดขึ้นมา เนื่องจากนักการเมืองทะเลาะกัน และทหารจะออกมายึดอำนาจอีก แต่สิ่งที่จะต้องเกิดคือรัฐบาลเฉพาะกาล มีหน้าที่แก้ไขปัญหาเฉพาะเรื่อง ใช้เวลา 5,6 หรือ 8 เดือน ก่อนจะกลับมาสู่การเลือกตั้งปกติ
เมื่อถามว่า สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ตนไม่ใช่หมอดู แต่เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ พยายามทำพื่อประชาชน แต่ยังไม่ตรงหัวใจ
โทรคุย’ทักษิณ’อยากกลับบ้าน
พล.อ.ชวลิต ให้สัมภาษณ์ถึง นายทักษิณ ชินวัตร ที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศว่า ได้คุยกันเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา “ทักษิณทำอย่างไรดี ถึงจะกลับบ้านได้ใช่ไหม ซึ่งมันก็มีวิธีที่สามารถทำให้กลับบ้านได้ มีอย่างเดียว ทักษิณ ก็ทำงานเพื่อประชาชน เมื่อถามย้ำว่า นายทักษิณได้บอกใช่หรือไม่ว่าอยากกลับประเทศไทยแล้ว พล.อ.ชวลิต กล่าวว่าใครๆก็อยากกลับบ้าน”คุณทักษิณ ไม่ต้องบอกหรอกว่าอยากกลับบ้าน ผมฟังเสียงท่านก็รู้ แบบใจถึงใจ ใครๆก็อยากกลับบ้าน ทั้งนี้คุณทักษิณ ทำอะไรไว้ให้กับคนส่วนใหญ่ 65 ล้านคน ถ้าคน 65 ล้านคนอยากให้คุณทักษิณกลับ ถามว่ากลับได้หรือไม่ แต่นายทักษิณ ต้องทำเพื่อประชาชน” พล.อ.ชวลิต กล่าว กล่าว เมื่อถามว่า ได้ยินฟังเสียงนายกฯปู (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี)น้ำเสียงอยากประเทศหรือไม่ พล.อ.ชวลิต ย้อนถามกลับว่า นายกฯปู คือใคร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี