เปิดผลโพลล์นั่งนายกฯคนใหม่
เรตติ้ง‘บิ๊กตู่’พุ่ง
ซื่อสัตย์เด็ดขาดเพื่อส่วนรวม
พท.ประกาศไม่รอมชอมคสช.
มอบตัวแน่กรณียำ4ปีรัฐบาล
ปูดล็อกตัว8แกนนำเข้าห้องขัง
ยุม็อบอยากเลือกตั้งบุกทำเนียบ
ผลโพลล์เชียร์หนุน “บิ๊กตู่” นั่งนายกรัฐมนตรีอีกสมัย เพราะอยากได้ผู้นำ ซื่อสัตย์ สุจริต เด็ดขาด ในขณะที่ คสช.ยันแจ้งจับ 8 แกนนำเพื่อไทย ทำตามกฎหมาย ส่วน “นพดล-วัฒนา “บอกไม่มีปัญหาและไม่รอมชอม มอบตัวแน่จันทร์นี้ ปูดซ้ำจะมีการล็อคตัวเข้าห้องขัง ด้าน นปช.ทำบุญรำลึก 8 ปีสลายชุมนุม ’ณัฐวุฒิ’ยุกลุ่มอยากเลือกตั้งบุกทำเนียบ ในขณะที่ศรีวรา สั่งตั้งด่าน จัดตำรวจ 3 กองร้อยไว้ต้อนรับ
เมื่อวันที่ 19พฤษภาคม “กรุงเทพโพลล์”โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพเปิดผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง “นายกฯ แบบไหนที่โดนใจคนไทย”โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,205 คน พบว่า นโยบายประชานิยมที่โดนใจประชาชน ทำให้อยากเลือกเข้ามาเป็นนายกฯมากที่สุด คือ นโยบายรักษาฟรี ประกันสุขภาพถ้วนหน้า (ร้อยละ 57.0) รองลงมาคือ นโยบายช่วยเกษตรกร ผลผลิตเกษตรกร (ร้อยละ 54.4) นโยบายสวัสดิการ และค่าครองชีพ รายได้(ร้อยละ48.3) นโยบายช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากจน เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ร้อยละ 48.0) และนโยบายเกี่ยวกับการปราบการทุจริตคอร์รัปชั่น (ร้อยละ 46.9)
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีแบบไหนที่อยากได้มาดำรงตำแหน่งคนต่อไป ส่วนใหญ่ร้อยละ 66.4 อยากให้เป็นผู้นำที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่มีประวัติคอร์รัปชั่น รองลงมาร้อยละ 46.6 เป็นผู้นำที่มีความเด็ดขาด กล้าตัดสินใจในการบริหารประเทศ ร้อยละ45.9 เป็นผู้นำที่มีความสามารถสร้างสรรค์ผลงานเป็นที่ประจักษ์หรือโครงการใหม่ๆและร้อยละ 45.2 เป็นผู้นำที่มีความขยันทุ่มเทในการทำงานเพื่อประชาชน
เมื่อถามว่าการที่ นายกฯ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงพื้นที่ไปตามจังหวัดต่างๆ ท่านคาดว่าจะทำให้ได้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด ส่วนใหญ่ร้อยละ 56.5 เห็นว่าจะเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ขณะที่ร้อยละ 43.5 เห็นว่าจะได้เพิ่มขึ้นน้อยถึงน้อยที่สุด และเมื่อถามว่าหากวันนี้ ท่านมีสิทธิออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี ท่านจะออกเสียงสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ประชาชนร้อยละ 40.0 จะสนับสนุน (เพิ่มขึ้นจากผลสำรวจ เดือนมกราคม 2561ร้อยละ 3.2) ขณะที่ ร้อยละ25.5 จะไม่สนับสนุน ส่วนอีกร้อยละ 34.5 งดออกเสียง
โฆษก คสช.ท้า พท.ฟ้องกลับได้
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)กล่าวถึงแกนนำพรรคเพื่อไทยจะฟ้อง กลับคสช.กรณีร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับทางแกนนำและสมาชิกพรรคเพื่อไทยร่วมกันแถลงข่าววิพากษ์วิจารณ์ผลงาน4ปีรัฐบาล คสช.เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ว่า ก็เป็นสิทธิ์ของแกนพรรคเพื่อไทยที่จะแจ้งความ คสช.ก็สุดแล้วแต่เลย ถ้าจะดำเนินการแบบนั้น หากแกนนำพรรคเพื่อไทยแจ้งความจริงก็ต้องไปสู้คดีกันในกระบวนการ แต่ขอยืนยันว่าการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจร้องทุกข์กล่าวโทษการแถลงข่าววิพากษ์วิจารณ์ผลงานรัฐบาล 4 ปีของพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นการดำเนินการไปตามกรอบกฎหมาย อำนาจหน้าที่เพื่อที่จะรักษากฎกติกาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ให้ได้มากที่สุด
วัฒนาปูดคสช.จ่อส่ง8พท.ฝากขัง
นายวัฒนา เมืองสุข หนึ่งในแกนนำพรรคเพื่อไทย ที่ถูก คสช.แจ้งความดำเนินคดีจากกรณีจัดแถลงข่าวกล่าวหา 4 ปีรัฐบาลและคสช.นำพาประเทศเข้าสู่ยุคมืด ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า”กลัวจัง”ทุกท่านคงทราบข่าวที่ คสช.แจ้งความดำเนินคดีกับพวกตนรวม 8คนในข้อหามั่วสุมทางการเมืองจากการแถลงข่าวที่พรรคโดย 3คน ที่ขึ้นไปแถลงบนเวทีคือตน นายจาตุรนต์ ฉายแสงและนายชูศักดิ์ ศิรินิล ถูกกล่าวหาว่า ทำความผิดต่อความมั่นคงเพิ่ม ส่วนแอดมินเพจของพรรคถูกกล่าวหาจากการถ่ายทอดสดการแถลงข่าวผ่านเฟซบุ๊ค
“พวกผมจะไปรับทราบข้อกล่าวหา ที่กองปราบ ในวันที่ 21พ.ค.นี้ เวลา10.30น.ตามขั้นตอนปกติ เมื่อพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาและสอบคำให้การซึ่งทุกคนจะปฏิเสธ แล้วจะอนุญาตให้กลับเพราะไม่มีเหตุที่จะต้องควบคุมตัวเนื่องจากผู้ต้องหา เป็นบุคคลสาธารณะมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และไม่มีเจตนาหลบหนี แต่คดีนี้ ผมได้ข่าวว่าอาจจะมีการนำตัวพวกผมไปฝากขังต่อศาลเหมือนที่ทำกับประชาชนกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง”
ลั่นไม่’เกี้ยเซี๊ยะ’ไม่สังฆกรรม
แกนนำพรรคเพื่อไทย ยังระบุอีกว่าก่อนการแถลงข่าวได้มีตำรวจมาที่พรรคเพื่อไทย เพื่อยับยั้งการแถลงข่าว แต่พวกเราเห็นว่า การแถลงข่าวเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญเพื่อสื่อสารให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจได้ทราบว่าภาษีและอำนาจของพวกเขาที่ถูกคนกลุ่มหนึ่งยึดมาจนครบ 4 ปีแล้วนั้นได้ถูกใช้ไปอย่างไร จึงเป็นการทำหน้าที่ของนักการเมือง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน หากกลัว คสช.จนไม่กล้าทำหน้าที่ก็ไม่สมควรเป็นนักการเมือง เราจึงตัดสินใจเดินหน้า
“พฤติกรรมที่ คสช.ปฏิบัติกับพรรคเพื่อไทย คือ การยืนยันว่า คสช.กับพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง คำถามที่เคยเกิดขึ้นว่า หลังเลือกตั้งจะ’เกี้ยเซี๊ยะ’กันหรือไม่ ก็คงไม่ต้องตอบอีก และขอยืนยันอีกครั้งว่าพวกเราจะไม่ร่วมสังฆกรรมทางการเมืองกับ คสช.รวมทั้งจะไม่ร่วมทำกิจกรรมใดที่ผิดไปจากครรลองประชาธิปไตยทั้งสิ้น ทั้งยังจะตรวจสอบการใช้อำนาจของ คสช.ด้วย หากมิได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนจะเอาตัวมาขึ้นศาลเพื่อรับโทษ”
‘นพดล’ไปรับข้อกล่าวหาตามนัด
ขณะที่ นายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทย หนึ่งใน 8 ที่ถูก คสช.แจ้งความดำเนินคดี กรณีการแถลงข่าวของสมาชิกพรรคเพื่อไทย ถึงผลงานคสช.วันที่ 17พ.ค.โดยยืนยันว่าวันที่21พ.ค.จะเดินทางไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กองบังคับการปราบปรามตามที่มีการนัดหมาย คิดว่าคนที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 8คนจะเดินทางไปครบทั้งหมด ส่วนตัวจะให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา เพราะที่มีการกล่าวหาว่าชุมนุมทางการเมืองนั้น ขอยืนยันว่าเราไม่ได้ชุมนุมทางการเมือง ที่ขัดกับคำสั่ง คสช.หวังว่าพนักงานสอบสวนจะรับฟังการอธิบายและคำให้การของคนที่ถูกกล่าวหาซึ่งส่วนตัวได้เตรียมความพร้อมหลักทรัพย์ไว้ประกันตัวแล้ว หากต้องประกันตัว
“วันนี้สถานการณ์การเมืองกำลังคลี่คลายก้าวไปสู่การเลือกตั้ง อยากเห็นการนำประเทศไปสู่สภาพบ้านเมืองปกติ เปิดพื้นที่เสรีภาพ ปลดล็อคทางการเมือง คนไทยจะได้มีความปรารถนาดีต่อกันช่วยให้ทุกฝ่ายนำบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าร่วมกัน”นายนพดล ย้ำ
‘วรชัย’ไม่ยอมให้8แกนนำโดดเดี่ยว
ด้าน นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การแจ้งข้อกล่าวหากับ 8 แกนนำพรรคเพื่อไทย ถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรม เพราะการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลที่ใช้เงินภาษีของประชาชน เป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองและรัฐธรรมนูญให้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นไว้แต่กลับถูกแจ้งข้อกล่าวหารุนแรง เกี่ยวกับความมั่นคงในมาตรา 116 ทั้งที่ความจริงแล้ว การบริหารประเทศล้มเหลว คนยากจน ยาเสพติดล้นเมือง กระทบความมั่นคงมากกว่า การแถลงข่าว ซึ่งในวันที่ 21 พ.ค.ที่แกนนำพรรคเพื่อไทยจะไปรับทราบข้อกล่าวหา ตนพร้อมอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะเดินทางไปให้กำลังใจเพราะทุกคนเป็นสมาชิกพรรค มีภารกิจในการปกป้องพรรค
“วีระ”ซัดคสช.เลือกปฏิบัติ
ด้านนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านการคอร์รัปชั่นได้แสดงความคิดเห็นกรณีคสช.เข้าแจ้งความดำเนินคดีแกนนำพรรคเพื่อไทยกรณีจัดแถลงข่าวกล่าวหา4 ปีรัฐบาลและคสช.”นำพาประเทศเข้าสู่ยุคมืด”โดยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว Veera Somkwamkid ระบุว่า“คสช.แจ้งเอาผิด 8 แกนนำพรรคเพื่อไทย กรณีแถลงข่าวเปิดโปงความล้มเหลวของ คสช.7ข้อซึ่งไม่มีการยุยงปลุกปั่นประชาชนแต่อย่างใดทั้งสิ้น
“อย่างนี้ไม่ให้เชื่อว่ามีการกลั่นแกล้งได้อย่างไร คสช.อ้างต้องดูแลความสงบ ไม่ได้กลั่นแกล้ง ในขณะที่ คสช.เดินสายหาเสียงตามที่ต่างๆได้ พรรคประชาชนปฏิรูป ที่ประกาศหนุนประยุทธ์ให้นั่งเก้าอี้นายกฯต่อไป ได้รับไฟเขียวให้ทำ กิจกรรมทางการเมืองได้ พรรคการเมืองที่สนับสนุน คสช.ทำอะไรก็ได้ใช่ไหม?”
นปช.รำลึก 8ปีสลายชุมนุม
วันเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา10.00น.ที่วิหารคต วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)นำโดย นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษา นปช.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช.นายก่อแก้ว พิกุลทองและนายเหวง โตจิราการ แกนนำนปช. พร้อมสมาชิกนปช.ร่วมจัดพิธีทำบุญ รำลึก 8 ปีเหตุการณ์สลายการชุมนุมเดือนพ.ค.ปี2553ซึ่งมีการวางดอกไม้ และจุดเทียนรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายม็อบด้วย บรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบร้อย
‘เต้น’จวกเละ4ปี คสช.ไร้อนาคต
นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงครบรอบ 4 ปีของ คสช.ว่ามองว่าตลอด4 ปีของ คสช.สถานการณ์ของประเทศ ไม่ได้พัฒนาไปในทางทีดีขึ้นตามที่ผู้มีอำนาจกล่าวอ้างว่า การที่เข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมืองแต่ตนคิดว่ายังไม่เห็นผลของการกระทำว่าจะสร้างสิ่งที่แตกต่าง เรื่องการปรองดองนั้น สิ่งที่เป็นรูปธรรม มีแค่”น้องเกี่ยวก้อย” ส่วนการปฏิรูป ก็มีเพียงแผนอย่างที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านกฎหมายระบุไว้ ส่วนการเลือกตั้งก็ไม่มีหลักประกันว่าจะเป็นไปตามโรดแม็ปและไม่มีหลักประกันว่า หลังการเลือกตั้งจะทำให้บ้านเมือง จะเป็นประชาธิปไตย
ในด้านเศรษฐกิจ จากการที่ตนได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของคนเดินดินกินข้าวแกง สะท้อนถึงความอยากลำบากเนื่องจากเศรษฐกิจย้ำแย่จึงอยากให้รัฐบาล ลงพื้นที่รับฟังกลุ่มคนพวกนี้ด้วย ถ้าพบความจริง จะอธิบายต่อสังคมอย่างไร ถ้าพูดกันตรงๆในฐานะชาวบ้านโดยรวมแล้ว ไม่เห็นว่ามีอะไรที่ดีกว่าและจะมีอนาคตที่ดีขึ้น
ยุกลุ่มอยาก ลต.บุกทำเนียบฯทวง
นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงการประเมินกลุ่มคนอยากเลือกตั้งนัดชุมนุมเคลื่อนไหวของวันที่ 22พ.ค.จะบุกทำเนียบฯเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล คสช.ลงจากอำนาจและทั้งจัดให้มีการเลือกตั้งว่าเชื่อว่าในการรวมตัวกันเป็นกลุ่มหนุ่มสาวปัญญาชนที่นิยมสันติวิธี ถือว่าไม่ใช้ข้อเรียกร้องที่เกินเลย แต่ตรงกับความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่ที่อยากให้มีการเลือกตั้ง การเคลื่อนไหวที่ผ่านมา ก็ไม่ปรากฏการใช้ความรุนแรง ส่วนตัวเห็นด้วยว่าประเทศไทยจำเป็นต้องมีการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด และเชื่อมั่นในแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งว่าไม่ใช่พวกท้าทีท้าต่อยหรือ เดินเกมใต้ดินเพื่อให้เกิดสถานการณ์บานปลาย จุดสำคัญ อยู่ที่เจ้าหน้าที่และผู้มีอำนาจจะปฏิบัติหรือแสดงออกอย่างไรต่อประชาชน
เตือนจนท.อย่าแหลมหวั่นบานปลาย
ส่วนสถานการณ์จะบานปลายหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ว่าจะแสดงออกต่อประชาชนอย่างไรและอยู่ที่การเปิดใจให้กัน แทนที่สกัดขัดขวางกลุ่มผู้ชุมนุมก็เปิดหน้าเปิดหน้าเปิดตากันหมดแล้ว ประชาชนก็ได้มองเห็น ส่วนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่ากลุ่มเสื้อแดงฮาร์ดคอ อย่าแหลมออกมา ส่วนตัวก็ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่หมายถึงว่าเป็นกลุ่มใดเพราะกลุ่มเสื้อแดงใช้วิธีสันติมาโดยตลอด อยากให้เคารพการแสดงออกและเชื่อว่ากลุ่มคนอยากเลือกตั้งไม่มีกลุ่มคนฮาร์ดคออยู่ ฮาร์ดคอที่ไหนจะแหลมหรือไม่แหลม ไม่รู้ แต่บอกว่าเจ้าหน้าที่ อย่าแหลมออกมา ก็แล้วกัน เพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลาย
คสช.เตือนอย่าทำเกินกรอบกม.
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช.กล่าวถึงการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ เนื่องในโอกาสครบรอบ8 ปีการสลายการชุมนุม 19 พฤษภาคม 2553ว่าตนคิดว่าการแสดงออกและการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ ไม่จำเป็นต้องทำวันนี้จะทำวันไหนก็ได้ ซึ่งคิดว่าการเคลื่อนไหวอะไรต่างๆต้องเป็นไปตามกรอบกฎหมาย จะละเมิดกรอบกฎหมายไม่ได้ เพราะจะส่งผลกระทบด้านจราจรและจะทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เกิดความเดือดร้อน ทั้งนี้ การการแสดงออก และการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์นั้นก็เป็นกลุ่มคนเดิมๆดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องพยายามอธิบายทำความเข้าใจให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะทำให้เกิดความเรียบร้อยของบ้านเมือง
ศรีวราห์ย้ำห้ามเคลื่อนเด็ดขาด
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.)กล่าวถึงมาตรการดูแลการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง นัดชุมนุมในวันที่ 22 พ.ค.นี้ครบรอบ4ปีคสช.ยึดอำนาจว่า การชุมนุมต้องอยู่ในขอบเขตไม่ละเมิดกฎหมาย และชุมนุมในบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์เท่านั้นห้ามเคลื่อนขบวนออกนอกพื้นที่ไปยังจุดอื่นๆเพราะจะถือว่าผิดกฎหมาย เนื่องจากการเคลื่อนขบวนย่อมส่งผลกระทบต่อการจราจรทั้งนี้กองบัญชาการนครบาลได้แจ้งไปยังแกนนำแล้ว ไม่อนุญาตให้เคลื่อนขบวนโดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะดำเนินการตามกฎหมาย
พร้อมสั่งเฝ้าระวังมือที่สามป่วน
พร้อม เตรียมกำลังตำรวจกองบังคับการตำรวจนครบาล1จำนวน3กองร้อย หรือ 450นาย ร่วมกับฝ่ายสืบสวนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลความปลอดภัยโดยรอบพื้นที่จัดชุมนุมและ เพื่อความไม่ประมาท สั่งการเฝ้าระวังมือที่3ที่อาจฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย โดยให้ตำรวจทั่วประเทศ ตั้งด่านความมั่นคง ระดมตรวจค้นอาวุธทุกประเภท ตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมาถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี