28 พ.ค.61 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุม ครม.ซึ่งสรุปสาระสำคัญดังนี้
กฎหมาย
1. เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและรับทราบ ดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
2. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
3. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองซึ่งต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ
1. กำหนดให้ในกรณีที่มีเหตุผลและความจำเป็น ก.พ.อ. อาจกำหนดให้ข้าราชการพลเรือน ในสถาบันอุดมศึกษาได้รับการเยียวยาโดยให้ได้รับเงินเดือนหรือเงินประจำตำแหน่งตามที่เห็นสมควร
2. กำหนดให้กรณีที่ ก.พ.อ. เยียวยาข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาในครั้งแรก ให้คำนึงถึงเงินเดือนหรือเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนประเภทอื่นในสถานศึกษาประกอบด้วย
2. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงแรงงาน (รง.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้ รง. รับความเห็นของกระทรวงการคลังไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
รง. เสนอว่า
1. พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2558 เป็นต้นไป นั้น มาตรา 75 ตรี ได้บัญญัติให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร จำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน และต่อมาได้มีกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร พ.ศ. 2549 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรสำหรับบุตรซึ่งมีอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์ จำนวนคราวละไม่เกิน 2 คน และให้เหมาจ่ายเป็นเงินในอัตรา 400 บาทต่อเดือน ต่อบุตร 1 คน
2. โดยที่กฎกระทรวงดังกล่าวได้ใช้บังคับมานานแล้ว สมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน อันจะเป็นการช่วยเหลือบุตรของผู้ประกันตน ซึ่งจะส่งผลให้มีผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์บุตร จำนวน 1,202,009 ราย จำนวนบุตร 1,326,695 คน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง
1. กำหนดให้กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป
2. กำหนดให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรจากอัตราเหมาจ่ายเป็นเงิน 400 บาทต่อเดือน ต่อบุตร 1 คน เป็นอัตราเหมาจ่าย 600 บาทต่อเดือน ต่อบุตร 1 คน โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561
3. กำหนดให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรซึ่งมีอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์ จากจำนวนคราวละไม่เกิน 2 คน เป็นจำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน ทั้งนี้ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2558
เศรษฐกิจ-สังคม
3. เรื่อง การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข (ตำแหน่งนายแพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกร)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ตามมติ คปร. ในการประชุมครั้งที่ 1/2561 เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2561 ตามที่สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) เสนอ
ทั้งนี้ ให้ สธ. ดำเนินการตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐดังกล่าว รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย สำหรับงบประมาณในการดำเนินการตามมติ คปร. ภาครัฐ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ให้ คปร. เร่งพิจารณาจัดทำแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกำลังคนและภารกิจบริการด้านสุขภาพของ สธ. ให้แล้วเสร็จก่อนการพิจารณาจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ เพื่อรองรับการบรรจุนักศึกษาแพทยศาสตร์ ทันตแพทย์ศาสตร์ และเภสัชศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2562 เพื่อใช้เป็นแผนหลักในการบริหารจัดการกำลังคนด้านสุขภาพทั้งระบบของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2560 (เรื่อง การพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมของการกำหนดอัตราข้าราชการตั้งใหม่ตำแหน่งเภสัชกร จำนวน 316 อัตรา ให้กับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
4. เรื่อง ผลการดำเนินการตามมาตรา 5/8 แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 เรื่อง แนวทางการควบคุมดูแลกิจการของคณะกรรมการองค์การมหาชน
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2552
พ.ศ. 2559 เรื่อง แนวทางการควบคุมดูแลกิจการของคณะกรรมการองค์การมหาชน และให้องค์การมหาชนที่จัดตั้งโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม นำไปใช้เป็นแนวปฏิบัติต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วนของการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรไม่ให้เกินกว่าร้อยละสามสิบของงบประมาณ
ค่าใช้จ่ายตามแผนการใช้จ่ายเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการองค์การมหาชนในปีงบประมาณ ยกเว้นองค์การมหาชนที่มีมติคณะรัฐมนตรีกำหนดไว้เป็นการเฉพาะนั้น ให้สำนักงาน ก.พ.ร. จัดให้มีกลไกในการทบทวนความเหมาะสมของสัดส่วนค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรขององค์การมหาชนแต่ละแห่งอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงภารกิจ รายได้ และเงินทุนสะสมของแต่ละองค์การมหาชน รวมทั้งยึดหลักการที่มิให้มีค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรเกินกว่าความจำเป็น และไม่เป็นภาระงบประมาณของประเทศ และนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนเพื่อพิจารณาเป็นประจำทุกปีด้วย เพื่อให้การบริหารทรัพยากรบุคคลขององค์การมหาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
สาระสำคัญของแนวทางการควบคุมดูแลกิจการของคณะกรรมการองค์การมหาชน เป็นการ
ปรับปรุงให้มีความสอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 และครอบคลุมมติคณะรัฐมนตรีต่าง ๆ ที่ประกาศใช้ในภายหลัง
ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวมีประเด็นที่ได้กำหนดเพิ่มเติม จำแนกเป็น 2 ประเภท คือ 1) แนวทางที่ต้องปฏิบัติ และ 2) แนวทางที่เป็นคำแนะนำ
1) แนวทางที่ต้องปฏิบัติ เนื่องจากมีข้อกฎหมายหรือมติคณะกรรมการกำหนดไว้ หรือ
เป็นแนวทางตามหลักธรรมาธิภบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ได้แก่ หลักประสิทธิผล หลักประสิทธิภาพ หลักการตอบสนอง หลักภาระรับผิดชอบ หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักการกระจายอำนาจ หลักนิติธรรม หลักความเสมอภาพ และหลักมุ่งเน้นฉันทามติ
2) แนวทางที่เป็นคำแนะนำ เป็นการรวบรวมมาจากแนวทางการบริหารของคณะกรรมการ
รัฐวิสาหกิจ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตัวอย่างการบริหารจัดการที่ดีของคณะกรรมการในหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนอื่น
5. เรื่อง การลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติมภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ในกลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ในปี 2560
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการและแนวทางการดำเนินการการลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 (การลงทะเบียนเพิ่มเติมฯ) ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ โดยผู้ที่ลงทะเบียนในโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2560 ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติและไม่มีสิทธิได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรสวัสดิการฯ) ไม่สามารถมาลงทะเบียนในการลงทะเบียนเพิ่มเติมฯ ได้
หลักเกณฑ์และแนวทางการลงทะเบียนเพิ่มเติมฯ มีดังนี้
ลงทะเบียนฯ ปี 2560 ครั้งแรก ทั้งนี้ ผู้ลงทะเบียนในโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2560 ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติจะไม่สามารถเข้าร่วมการลงทะเบียนเพิ่มเติมฯ ได้ นอกจากนี้ การลงทะเบียนดังกล่าวเป็นรูปแบบสมัครใจ (Voluntary Basis) โดยผู้ลงทะเบียนจะต้องยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลแก่หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น รายได้ เงินฝากธนาคาร การถือครองที่ดิน หนี้สิน เป็นต้น อีกทั้งยินยอมให้นำข้อมูลในบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมภาพถ่ายใบหน้าไปใช้ เพื่อให้รัฐบาลมีข้อมูลสำหรับนำไปใช้ในการจัดทำสวัสดิการของรัฐต่อไป
รายได้น้อยที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2560 โดยเฉพาะผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่ไม่สามารถมาลงทะเบียนได้ และสอบถามความต้องการในการฝึกอบรมเพื่อการพัฒนาทักษะและอาชีพ ตามแบบฟอร์มการลงทะเบียนเพิ่มเติมฯ ตามโครงการไทยนิยมฯ และใช้กลไกประชาคมในการตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นเพื่อ คัดกรองผู้เข้าข่ายคุณสมบัติเพื่อลงทะเบียนเพิ่มเติมฯ
อิเล็กทรอนิกส์ที่จัดทำโดย กค. ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2561 เพื่อจัดเก็บข้อมูลและตรวจสอบความถูกต้องในภายหลัง
ถือครองที่ดิน กรมที่ดิน มท. ฐานข้อมูลการยื่นชำระภาษี กรมสรรพากร ฐานข้อมูลบำนาญ กรมบัญชีกลาง กค. ฐานข้อมูลเงินฝากของธนาคารพาณิชย์และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐที่รับฝากเงินจากประชาชน พันธบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทย สลากออมทรัพย์ของ ธ.ก.ส. และธนาคารออมสิน และข้อมูลจากฐานข้อมูลคนพิการ ของ
กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อนำมาประมวลผลผู้มีรายได้น้อยและนำไปใช้ในการจัดสวัสดิการที่เหมาะสมต่อไป
กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเว็บไซต์ www.epayment.go.th
รับสวัสดิการตามที่ภาครัฐกำหนดต่อไป โดยแจกจ่ายบัตรสวัสดิการฯ ผ่านกลไกของทีมไทยนิยมฯ
ทั้งนี้ การลงทะเบียนเพิ่มเติม จะสนับสนุนโครงการไทยนิยมโดยเปิดโอกาสให้ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่ไม่สามารถมาลงทะเบียนได้ ในปี 2560 สามารถเข้าสู่กระบวนการขอรับบัตรสวัสดิการฯ เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือตามจุดมุ่งหมายของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยทุกกลุ่ม
ต่างประเทศ
6. เรื่อง ร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีด้านการท่องเที่ยวเอเปคประจำปี พ.ศ. 2561
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) เสนอ ดังนี้
อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้แล้ว ให้ กก. ดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ ดังกล่าว
สาระสำคัญของเรื่อง
กก. รายงานว่า การประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวเอเปค ครั้งที่ 10 (10th APEC Tourism Ministers’ Meeting : TMM) จะจัดขึ้น ณ เมืองพอร์ตมอร์สบี รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี ในวันที่ 1 มิถุนายน 2561 ภายใต้หัวข้อ “ความครอบคลุมและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัลสำหรับภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก” (Harnessing Inclusive and Sustainable Tourism in the Digital Age for the Asia-Pacific) โดยมีนาย Emil Tammur รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี เป็นประธานการประชุม และมีประเทศสมาชิกเข้าร่วมทั้งหมด 21 ประเทศ เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา จีน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม เป็นต้น
สาระสำคัญของร่างแถลงการณ์ฯ ครอบคลุมประเด็นสำคัญ เช่น 1.ปฏิญญาลิมา 2.คณะทำงานด้านการท่องเที่ยว (Tourism Working Group : TWG) 3.ผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านการท่องเที่ยว 4.การหารือนโยบายระดับสูงฮาลอง (Ha Long High-Level Policy Dialogue) 5.วัฒนธรรมประเพณี 6.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อลดความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจ 7.บทบาทของสตรี 8.การให้ข้อมูลแบบ Real Time 9.การเปลี่ยนแนวทางในการดำเนินธุรกิจให้เป็น “Sharing Economy” (สังคมเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน) 10.การจัดทำคู่มือนโยบายและการพัฒนานโยบายที่สนับสนุนการเติบโตของการท่องเที่ยว 11.ปฏิญญาผู้นำเอเปค 12.ความร่วมมือกับคณะทำงานเอเปค 13.การผลักดันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
แต่งตั้ง
7. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงยุติธรรม)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้ง นายนิยม เติมศรีสุข รองเลขาธิการ ป.ป.ส. สำนักงาน ป.ป.ส. ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ป.ป.ส. กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
8. เรื่อง รัฐบาลสาธารณรัฐยูกันดาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐยูกันดาประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ กรณีรัฐบาลสาธารณรัฐยูกันดามีความประสงค์ขอแต่งตั้ง นางดอโรที ซามาลี ฮยูฮา (Mrs. Dorothy Samali Hyuha) ให้ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐยูกันดาประจำประเทศไทย คนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย สืบแทนนางสาว นิมิชา ยายานท์ มาทวานี (Miss Nimisha Jayant Madhvani) ซึ่งมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย และเป็นเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐยูกันดาประจำประเทศไทยคนล่าสุด ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละองธุลีพระบาทถวายอักษรสาส์นตราตั้ง เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2555 ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
9. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอแต่งตั้ง นายดนัย เมนะโพธิ อัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ให้ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน นิวซีแลนด์ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ การแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับ
10. เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต จำนวน 5 คน ดังนี้
1. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค (1) นางดาราพร ถิระวัฒน์ (2) นายอรรถพล อรรถวรเดช
2. ด้านการเงินการธนาคาร นางจรี วุฒิสันติ
3. ด้านคอมพิวเตอร์ นายอนุชิต อนุชิตานุกูล
4. ผู้แทนผู้ประกอบการด้านธุรกิจภาคเอกชน นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2561 เป็นต้นไป
11. เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 122/2561 เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ตามที่ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 323/2560 เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2560 และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 17/2561 เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 18 มกราคม 2561 นั้น
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10 และมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 มาตรา 11 และมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550 ประกอบกับพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการมอบอำนาจ พ.ศ. 2550 จึงให้ปรับปรุงการมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในส่วนของรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) โดยยกเลิกความในข้อ 2.2 ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 323/2560 ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2560 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“2.2 มอบหมายให้กำกับดูแลองค์การมหาชนและหน่วยงานของรัฐ ดังนี้
2.2.1 สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน)
2.2.2 สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน)
2.2.3 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
2.2.4 สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)”
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี