‘แม้ว’หนีไม่รอด
ศาลรับฟ้องคดีเขมือบ‘ทีพีไอ’
เดินหน้าไต่สวนเชือดลับหลัง
วัฒนาลุ้นโกงเอื้ออาทร18มิ.ย.
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองรับฟ้องคดี “ทักษิณ” เซ่นข้อหาส่งคลังฮุบบริษัท “ทีพีไอ” นัดสอบคำให้การครั้งแรก 22 มิถุนายน ยันถึงไม่มีตัวจำเลย ศาลมีอำนาจพิจารณาลับหลังได้ ด้าน “วัฒนา” รอลุ้นชี้ขาด 18 มิถุนายน รับ-ไม่รับฟ้องคดีโกงบ้านเอื้ออาทร
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าองค์คณะผู้พิพากษา 9 คน นำโดย นางอุบลรัตน์ ลุยวิกกัย รองประธานศาลฎีกา นัดฟังคำสั่งรับหรือไม่รับฟ้องคดีหมายเลขดำ อม.40/2561 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อายุ 69 ปี อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 เป็นจำเลย ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตเป็นเหตุให้ผู้หนึ่งผู้ใดเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
สืบเนื่องจากกรณีนายทักษิณให้ความเห็นชอบกระทรวงการคลัง สมัยที่ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ เป็น รมว.คลังเข้าเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟู บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน)หรือทีพีไอ ซึ่งเป็นบริษัทเอกชน จึงเป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ของกระทรวงการคลัง เพราะกระทรวงการคลังไม่มีอำนาจเข้าไปบริหารบริษัทเอกชน อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2546 มาตรา 10 เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ระบบราชการ
โดยคดีนี้ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2553 และยื่นฟ้องคดีเอง เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2561 พร้อมยื่นคำฟ้องรวมถึงเอกสารหลักฐาน 21 กล่อง 120 แฟ้มที่มีมติชี้มูลความผิดอาญานายทักษิณให้ศาลพิจารณา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่องค์คณะผู้พิพากษาจะประชุมพิจารณาคำฟ้องในวันนี้ (6 มิถุนายน) ได้มีการหารือภายในเพื่อเลือกผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน 1 คนก่อน ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าแม้การฟ้องไม่มีตัวจำเลย แต่จำเลยคดีนี้ก็ถูกยื่นฟ้องคดีของศาลฎีกานี้ ซึ่งออกหมายจับไว้แล้ว ขณะที่คำฟ้องคดีก็ถูกต้องตามกฎหมาย และ ป.ป.ช.โจทก์ก็มีอำนาจฟ้อง ศาลจึงมีอำนาจตามพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ( วิ อม.) พ.ศ.2560 มาตรา 27 ที่จะประทับรับฟ้องคดีไว้พิพากษาได้ จึงมีคำสั่งให้ประทับฟ้องคดีไว้พิจารณา
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้สำเนาคำฟ้องส่งให้จำเลยและปิดหมายแจ้งจำเลยทราบตามที่อยู่ในฟ้องคือ บ้านพักย่านจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งให้การปิดหมายมีผลทันที ตามวิ อม.มาตรา 19 โดยองค์คณะฯ กำหนดนัดพิจารณาครั้งแรก เพื่อสอบคำให้การจำเลยวันที่ 22 มิถุนายน เวลา 08.30 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หากวันนัดพิจารณาครั้งแรก นายทักษิณไม่มาศาล องค์คณะฯก็มีอำนาจออกหมายจับให้ติดตามตัวมาดำเนินคดี และตามวิ อม. มาตรา 28 วรรคสอง บัญญัติว่า หากออดหมายจับแล้ว 3 เดือนยังไม่ได้ตัวจำเลย ศาลมีอำนาจพิจารณาลับหลัง แต่ไม่ตัดสิทธิที่จำเลยจะแต่งตั้งทนายความดำเนินการแทนตนได้ สำหรับคดีนี้ถือเป็นสำนวนที่ 7 ที่นายทักษิณ อดีตนายกฯถูกยื่นฟ้องนับจากพ้นจากตำแหน่งทางการเมืองหลังการรัฐประหารปี 2549
ส่วนองค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คน ประกอบด้วย นางอุบลรัตน์ ลุยวิกกัย รองประธานศาลฎีกา นายไสลเกษ วัฒนพันธ์ รองประธานศาลฏีกา นายวิชัย เอื้ออังคณากุล รองประธานศาลฏีกา นายธนสิทธิ์ นิลกำแหง รองประธานศาลฏีกา นายพรเทพ อัมพรกลิ่นแก้ว รองประธานศาลฏีกา นายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา นายพิศล พิรุณ ประธานแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา นายสุนทร ทรงฤกษ์ ประธานแผนกคดีภาษีอากรในศาลฎีกา และนายชัยยุทธ ศรีจำนงค์ ประธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลฎีกา
วันเดียวกัน ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง องค์คณะผู้พิพากษาคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรการเคหะแห่งชาติ (กคช.) 7 โครงการ 7,500 ยูนิต มูลค่า 2,500 ล้านบาท หมายเลขดำ อม.42/2561 นัดฟังคำสั่งคดีที่นายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด (อสส.)เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายวัฒนา เมืองสุข อายุ 60 ปี อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และแกนนำพรรคเพื่อไทย นายมานะ วงศ์พิวัฒน์ อดีตกรรมการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) และอดีตประธานอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการปี 2548-2549 นายพรพรหม วงศ์พิวัฒน์ อดีตผอ.ฝ่ายการเงิน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจก่อสร้างที่พักอาศัย นายอภิชาติหรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร นักธุรกิจค้าข้าวรายใหญ่ น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง ลูกน้องคนสนิทเสี่ยเปี๋ยง , น.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว พนักงาน บจก.เพรซิเดนท์อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด น.ส.รุ่งเรือง ขุนปัญญา พนักงาน บจก.เพรซิเดนท์ฯ บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด โดยนายปกรณ์ อัศวีนารักษ์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน และบริษัท ซิลเวอร์ อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด (เดิมชื่อ บริษัท ไทย เฉน หยู อินเตอร์เนชั่นแนลคอนสตรัคชั่น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) โดยนางพิมพ์วรา รัชต์ธนโรจน์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน เป็นจำเลยที่ 1-9
ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มาตรา .157 ฐานเป็นพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อให้กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ โดยเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6,11 และเป็นผู้สนับสนุนการทำผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา83, 86, 91
โดยคดีนี้อัยการสูงสุดมอบอำนาจให้อัยการคดีปราบปรามทุจริต 2 ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งวันฟ้องนายวัฒนา จำเลยที่ 1 และนายพรพรหม จำเลยที่ 3 ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว ศาลอนุญาตให้ประกันตัวนายวัฒนา 5 ล้านบาท และนายพรพรหม 3 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้เนื่องจากองค์คณะติดภารกิจเร่งด่วน จึงดบิ้แรนัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องคดีไว้พิจารณาหรือไม่เป็นวันที่ 18 มิถุนายน เวลา 13.00 น.
สำหรับคดีนี้อัยการสูงสุด มีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องผู้ทำผิดในการดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทรของ กคช.รวม 19 ราย จึงเหลือจำเลยที่จะยื่นฟ้องอีก 10 รายประกอบด้วย 1.นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย 2.บริษัท พาสทิญ่า ไทย จำกัด ผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทร 3.นายซาร์นน บินยาขอบ 4.นายโมฮ์ด ฮานาเปียร์ บิน อับดุล อาซิล 5.นายอาฮ์มัด บิน ฮารอน
6.นายศักดิ์สิทธิ์หรือเดชวรกุล อลังการกุล 7.บริษัท นามแฟทท์คอนสตรัคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบกิจการก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย 8.นายลาว ซี ฮุง 9.บริษัท พรินซิพเทคไทย จำกัด ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง 10.น.ส.สุภาวิดา คงสุข กก.และผู้มีอำนาจทำการแทน บจก.ไทยเฉนหยู
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับองค์คณะ 9 คนที่รับผิดชอบสำนวนดังกล่าว ประกอบด้วย นายวิชัย เอื้ออังคณากุล รองประธานศาลฏีกา , นายธีระพงศ์ จิระภาค ประธานแผนกคดีแรงงานในศาลฎีกา , นายชัยยุทธ ศรีจำนงค์ ปนะธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลฎีกา , น.ส.บุญมี ฐิตะศิริ ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา ,นายทวี ประจวบลาภ ประธานแผนกคดีพาณิชย์ ในศาลฎีกา , นายสุนทร ทรงฤกษ์ ประธานแผนกคดีภาษีอากรในศาลฎีกา , นายประยุทธ ณ ระนอง ประธานแผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฏีกาในศาล , นายประทีป ดุลพินิจธรรมา ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฏีกา และนายนพพร โพธิ์รังสิยากร ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฏีกา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี