‘บิ๊กป้อม’ย้ำปลายมิถุนายน
ถกฝ่ายการเมือง
ปัดแผนเก่าเชิญไปแล้วคุมตัว
รบ.ลั่นไม่ลาออกก่อนกาบัตร
ยันเลือกตั้งแน่นอนกพ.2562
‘ชูศักดิ์’ซัดปัญหาอยู่ที่คสช.
ทั้งที่มีอำนาจปลดล็อกทันที
“บิ๊กป้อม” ยันเลือกตั้งกุมภาพันธ์ 2562 แน่ลุยปลดล็อกหลัง 2 กม. ลูกประกาศใช้ เมินลาออก 3 เดือนก่อนหย่อนบัตร เผยนัดถกฝ่ายการเมืองปลายมิถุนายนนี้ พร้อมปฏิเสธแผนเก่าแบบ 4 ปีที่แล้ว ที่เชิญไปประชุมแล้วล็อกตัว ด้านประธานกกต.ระบุเลือกตั้งขึ้นกับความพร้อมของกฎหมาย-สถานการณ์ ชี้นายกฯ-คสช.มีแนวทางคลายล็อกให้พรรคการเมืองประชุม-หาสมาชิก “ชูศักดิ์” ลั่นปัญหาเลือกตั้งทั้งหมดอยู่ที่คสช.เอง ออกคำสั่งล็อกได้ ก็ต้องปลดล็อกได้
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ยืนยันว่าโปรแกรมการเลือกตั้งยังมีตามเดิมคือในเดือนกุมภาพันธ์ปี2562 และไม่จำเป็นที่คสช.ต้องลาออกก่อนเลือกตั้ง 3เดือน
เมื่อถามว่า ได้กำหนดวันหารือกับพรรคการเมืองแล้วหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่ได้กำหนด ตนขอดูวันก่อน อาจเป็นช่วงปลายเดือนมิ.ย. และไม่ต้องรอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.เดินทางกลับจากการไปปฏิบัติภารกิจที่ประเทศอังกฤษและฝรั่งเศส เพราะนายกฯได้มอบหมายให้ตนมาดูเรื่องนี้แล้ว ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้เลือกสถานที่ในการพูดคุย เพียงแค่กำหนดวันว่าอาจจะเป็นช่วงสิ้นเดือนมิ.ย.นี้เท่านั้น
เมื่อถามย้ำว่า มีคนกลัวว่าหากเลือกใช้สถานที่สโมสรทหารบก(ทบ.) จะซ้ำรอยรัฐประหารเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา เพราะไปแล้วไม่ได้กลับออกมา พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “โอ๊ย คิดมากไปได้”
เมื่อถามถึงกรณีวงเสวนาที่มีพรรคเพื่อไทย(พท.) พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) และพรรคอนาคตใหม่(อนค.) ระบุว่า ถึงอย่างไรก็ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 อย่างแน่นอน ทั้งที่การเลือกตั้งยังไม่เกิดขึ้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ต้องไปถามเขาดูว่ามีเจตนาอะไร ตนไม่รู้เจตนาของเขา เมื่อถามย้ำว่า มองว่าเป็นเจตนาอะไร พล.อ.ประวิตรตอบว่า มองว่าเขาอยากแก้ แต่แก้ไม่ง่าย ส่วนที่มีการเสนอว่าอยากให้รัฐบาลและคสช.ออกจากตำแหน่ง 3 เดือนก่อนการเลือกตั้งนั้น ตนเห็นว่า ก็เสนอไปได้ทั้งนั้น อยากเสนออะไรก็เสนอได้
เมื่อถามอีกว่า มีปัจจัยใดที่ทำให้คสช.สามารถปลดล็อกให้พรรคการเมืองได้ ไม่ใช่แค่คลายล็อก พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็ยังไม่ปลด เขาบอกว่าคลายล็อก มีกี่ขั้นตอนก็ค่อยว่ากันไป ต้องมาพูดคุยกันก่อน ซึ่งการจะปลดล็อก จะปลดทันทีหลังจากกฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้ง 2 ฉบับประกาศใช้แล้ว แต่ตอนนี้กฎหมายยังไม่ออกก็ทำอะไรไม่ได้ แต่คลายล็อกนั้นคลายได้ ส่วนปัจจัยที่จะทำให้ไม่สามารถปลดล็อกได้นั้น ตนเห็นว่าก็มีแค่กฎหมาย 2 ฉบับ ไม่ต้องมีนอกเหนือจากนั้น
กกต.ชี้กฎหมายต้องพร้อมรองรับ
นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงผลการหารือเพื่อแก้ไขปัญหาการแบ่งเขตเลือกตั้งและการทำไพรมารีโหวตของพรรคการเมืองร่วมกับรัฐบาลวานนี้(14 มิ.ย.) ว่า กกต.ชี้แจงถึงปัญหาที่พรรคการเมืองติดขัด ซึ่งเกี่ยวข้องกับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 53/2560 ว่ามีเรื่องใดที่พรรคการเมืองสามารถทำได้ก่อน ระหว่างรอพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) ใช้บังคับ และขอให้รัฐบาลพิจารณาให้ กกต.แบ่งเขตเลือกตั้งได้เมื่อพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ประกาศในราชกิจานุเบกษา
ประธานกกต. กล่าวว่า กกต.คิดว่าจะใช้เวลารับฟังความคิดเห็น ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญ ไม่ทำไม่ได้ แม้รัฐบาลจะมองว่าอาจเข้าข่ายเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง รัฐบาลจะพิจารณาหาวิธีการเพื่อให้กกต.รับฟังความเห็นจากพรรคการเมืองและประชาชนได้ โดยจะไม่ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 และประกาศคสช.ที่ 57/2557 เมื่อได้ข้อมูลแล้ว กกต.จะวินิจฉัยว่าจะเลือกใช้รูปแบบใดในแต่ละเขต รวมใช้เวลาประมาณ 50 วัน ซึ่งพรรคการเมืองจะมีข้อมูลในส่วนนี้เพื่อไปทำเรื่องไพรมารีโหวตที่คาดว่าพรรคจะมีเวลา 35 วัน ซึ่งคิดว่าพรรคที่มีความพร้อมและมีศักยภาพจะสามารถทำได้ ซึ่งรวมแล้วจะใช้เวลา 85 วัน จะเหลือ 5 วันก่อนกฎหมายมีผลใช้บังคับ
“ไม่กังวลเรื่องที่พรรคจะไปแย่งกันหาสมาชิกพรรคให้ครบ 500 คน เพื่อทำไพรมารีโหวต เพราะผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งประเทศมีประมาณ 45 ล้านคน ถ้าพรรคการเมืองจะมาคิดเรื่องแย่งสมาชิกก็เป็นความคิดที่สุดโต่ง ดังนั้น พรรคต้องสร้างความศรัทธาให้ประชาชนมาสมัครเป็นสมาชิก ขณะที่ประชาชนต้องเห็นความสำคัญของการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง” นายศุภชัย กล่าว
บอกเลือกตั้งมีข้อร้องเรียนเพียบ
ประธานกกต. กล่าวว่า ในส่วนของคำสั่ง 53/2560 รัฐบาลจะแก้ไขให้พรรคสามารถดำเนินการได้บางเรื่อง เช่น จัดประชุมเพื่อแก้ไขข้อบังคับพรรค ประกาศอุดมการณ์ จัดหาสมาชิก เพราะปัจจุบันองค์ประกอบของการประชุมที่มีอยู่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ โดยไม่ต้องให้หัวหน้าสาขาพรรคเป็นองค์ประชุม ซึ่งทางกฤษฎีกาจะไปดูรายละเอียดเหล่านี้และยกร่างการแก้ไขคำสั่งดังกล่าวเสนอรัฐบาล และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมายจะนำเรื่องดังกล่าวหารือกับนายกรัฐมนตรีและคสช. ส่วนจะแก้ไขเมื่อใดอย่างไร เป็นอำนาจของ คสช.ซึ่งนายวิษณุ ระบุแล้วว่า มีแนวทางคือ ออกเป็นพระราชกำหนด(พรก.) พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) และใช้มาตรา44
“ในการหารือ การเลือกตั้งยังคงเป็นไปตามโรดแมป ยังไม่เลื่อน แต่อาจจะขยับปรับเปลี่ยนบ้าง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ส่วนจะเกิดการเลือกตั้งอะไรก่อนขึ้นอยู่กับว่ากฎหมายใดมีผลบังคับใช้ก่อน โดยในที่ประชุมได้ซักถามความคืบหน้าของกฎหมายแต่ละฉบับ ซึ่งกฎหมายส.ส.และส.ว.อยู่ระหว่างนายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ ส่วนกฎหมายท้องถิ่น คณะกรรมการกฤษฎีกายกร่างเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างการรับฟังความเห็น และจะนำเสนอสนช.พิจารณา ซึ่งคาดการณ์ว่าสนช.จะใช้เวลาพิจารณา 60-90 วัน เนื่องจากจะมีกฎหมายของแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าพิจารณาด้วยรวม 6 ฉบับ ในส่วนของ กกต. ชี้แจงให้ที่ประชุมทราบว่าหากจะเลือกตั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นควรจะเว้นระยะห่างกันประมาณ 3 เดือน เพราะเลือกตั้งท้องถิ่นมีเรื่องร้องเรียนมาก และกำลังคนของกกต.มีจำกัด” นายศุภชัย กล่าว
ปัญหาเลือกตั้งอยู่ที่’ คสช.’
นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ กรณี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีได้แถลงผลการประชุมร่วมกัน ระหว่าง กรธ. กกต. และ สนช. เพื่อคลี่คลายปัญหา อันเกิดจากกฎหมายพรรคการเมือง และคำสั่ง คสช. ที่ 53/2560 เพื่อแก้ปัญหาให้พรรคการเมืองสามารถดำเนินการต่างๆ ได้อย่างไม่มีอุปสรรคและนำไปสู่การเลือกตั้งให้ได้ตามโรดแมป โดยสรุปว่ามีการตั้งประเด็น 4 ปัญหา อาทิ การประชุมใหญ่ของพรรคการเมือง การตั้งสาขาพรรคการเมือง การแบ่งเขตเลือกตั้ง และการบริหารจัดการ โดยเสนอสามแนวทางออก โดยอาจออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หรือใช้มาตรา 44 และกล่าวว่าจะคลายล็อคมิใช่ปลดล็อกทั้งหมด โดยสุดแต่ คสช. จะเลือกแนวทางใด ว่า โดยส่วนตัวยังคงยืนยันความเห็นว่า การแก้ปัญหาดังกล่าวในที่สุดจะเป็นปัญหาวัวพันหลัก แก้ปัญหาหนึ่งไปเจอปัญหาหนึ่ง เกี่ยวพันกันไปหมดเพราะเกี่ยวโยงถึงรัฐธรรมนูญ กฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายเลือกตั้งและคำสั่งคสช.
“ต้องยอมรับว่า ต้นเหตุของปัญหาสำคัญอยู่ที่ว่า คสช. ได้ใช้อำนาจก้าวล่วงไปแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 โดยใช้อำนาจพิเศษตาม มาตรา 44 แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่าสามารถจะทำได้ และวินิจฉัยว่าคำสั่งที่ 53/2560 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่า การออกคำสั่งดังกล่าวถือเป็นปมปัญหาที่ทำให้เกิดเหตุต่างๆตามมาจนต้องเป็นปัญหาลิงแก้แหในที่สุด และแสดงได้ชัดเจนว่า คสช. มีความต้องการที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้งตั้งแต่แรก”นายชูศักดิ์ ระบุ
กฎหมายท้องถิ่นฉลุยแล้ว1ฉบับ
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่นจำนวน6ฉบับว่า ขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. .... (ร่างแรก) ที่เป็น1ใน6ฉบับของกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น ทางคณะกรรมการกฤษฎีกา(คณะพิเศษ) ได้พิจารณาปรับปรุงแก้ไขเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางกรมฯจึงขอเชิญชวนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ทั่วประเทศ และผู้ที่สนใจร่วมแสดงความเห็นเกี่ยวกับร่างพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. .... โดยสามารถดาวน์โหลด และศึกษารายละเอียดร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะได้ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด เว็บไซต์กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น www.dla.go.th เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th/ect_th เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกา www.krisdika.go.th หรือทางอีเมล์ phromphongwo@dla.go.th ทั้งนี้ สามารถแสดงความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะได้จนถึงวันที่ 27 มิ.ย.นี้ เพื่อประกอบการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
ตั้งกมธ.38คนศึกษายุทธศาสตร์ชาติ
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างยุทธศาสตร์ชาติ ที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) เสนอ ตามมาตรา28 (9) แห่งพรบ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2560 โดยที่ประชุมเปิดให้สมาชิกสนช.ได้อภิปรายแสดงความคิดเห็น ซึ่ง สนช.ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับยุทธศาสตร์ชาติ แต่เห็นว่ายังไม่มีตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจน ควรให้มีการบูรณาการการทำงานตามแผนยุทธศาสตร์ชาติกับหน่วยงานราชการเพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติ รวมทั้งบรรจุแผนยุทธศาสตร์ชาติ เข้าไปในแผนแม่บทด้วย โดยเฉพาะโครงการที่สำคัญๆ และควรสร้างความรับรู้ให้กับประชาชนว่ายุทธศาสตร์ฉบับนี้เป็นของประชาชนทุกคน
หลังอภิปรายเสร็จสิ้นลงกว่า 4ชั่วโมง ที่ประชุมมีมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาร่างยุทธศาสตร์ชาติ ก่อนให้ สนช.ให้ความเห็นชอบ จำนวน 38คน กำหนดเวลาพิจารณาภายใน 22วันและเสนอกลับมา สนช.ให้ความเห็นชอบภายในวันที่ 7กรกาคมนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี