ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “วีระ สมความคิด” แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวเลขหนี้สินของรัฐบาล ซึ่งจากข้อมูลเมื่อเดือนเมษายน 2561 พบว่า มีตัวเลขสูงถึง 5.1 ล้านล้านบาท พร้อมกับตั้งคำถามถึงรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า จากตัวเลขหนี้สินที่มากมายขนาดนี้ รัฐบาลและคสช.ได้นำงบประมาณไปใช้ในด้านใดบ้าง หรือเป็นเพียงหนี่ที่เพิ่มขึ้นจากกาขาดดุลงบประมาณเท่านั้น และที่สำคัญหลังรัฐบาลหมดอำนาจไปแล้ว ใครจะต้องเป็นผู้ใช้หนี้สินจำนวนมหาศาลเหล่านี้
“นี่คือความจริง ที่ประชาชนไทยต้องรู้ ผู้ที่ต้องใช้หนี้จำนวนมากมายมหาศาลที่รัฐบาล คสช. ได้ก่อเอาไว้ คือพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ
ข้อมูลในเดือนเมษายน 2561 หนี้สินของรัฐบาลเพิ่มสูงขึ้นไปอยู่ที่ 5,182,896 ล้านบาทแล้ว(กว่าห้าล้านล้านบาทนะครับ)
โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงนี้ ล่าสุดในเดือนเมษายน 2561 พบว่ามีมากถึง 4,309,677 ล้านบาท (กว่าสี่ล้านล้านบาทนะครับ) เทียบกับหนี้ส่วนเดียวกันในเดือนมกราคม 2561 ซึ่งมี 4,189,590 ล้านบาท ถือว่าเพิ่มขึ้นมากถึง 120,082 ล้านบาท ในระยะเวลาเพียง 4 เดือน
ตัวเลขที่สำคัญที่สุดตัวเลขหนึ่งก็คือ หนี้ที่เป็นเงินกู้ชดเชยการขาดดุลงบประมาณ และการบริหารหนี้ ซึ่งระยะเวลาเพียง 4 ปี รัฐบาล คสช. สามารถสร้างหนี้สินในส่วนนี้เพิ่มขึ้นมากถึง 1,410,633 ล้านบาท (กว่าหนึ่งล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นถึง 61.8 %
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ หนี้สินมากมายขนาดนี้ รัฐบาล คสช. ได้นำงบประมาณไปใช้ในด้านใดบ้างแล้ว? หรือเป็นเพียงหนี้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการขาดดุลงบประมาณเท่านั้น? โครงการพัฒนาด้านต่างๆทำไปถึงไหน มีผลสำเร็จอะไรแล้วบ้าง? และใครจะมาเป็นผู้ใช้หนี้จำนวนมหาศาลถึง 5.18 ล้านล้านบาท ให้ประเทศเมื่อรัฐบาล คสช. หมดอำนาจไปแล้ว??? น่าสะพรึงกลัวนะครับ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี