ขอเวลาแบ่งเขตเลือกตั้ง
กกต.ยื่นเงื่อนไข
ถ้าต้องทำไพรมารีโหวต
‘บิ๊กจิ๋ว’ส่งทนายแจ้งความ
ล่าหญิงแสบอ้างเป็นเมีย
เดินสายรีดไถร่วม100ล.
“บิ๊กจิ๋ว” เต้น! ถูกลูบคมอ้างเมียนอกสมรส เดินสายไถ-หาผลประโยชน์ร้อยล้าน ในขณะที่ “ประวิช รัตนเพียร” ยันกกต.พร้อมจัดเลือกตั้งทั้งท้องถิ่น-สส. แต่ต้องแก้ปัญหาอุปสรรค 4 ข้อ ระบุกกต.ไม่ได้เสนอยกเลิกไพรมารี่โหวตแต่หากจะทำรัฐบาล-คสช.ต้องมีเวลาให้กกต.แบ่งเขตเลือกตั้งให้ชัดเจน
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.61 เวลา 09.45น. นายประวิช รัตนเพียร กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เป็นประธานเปิดอบรมหลักสูตรพลเมืองดีวิถีประชาธิปไตยให้กับครูและนักเรียนโรงเรียนยอเซฟอุปถัมป์ อ.สามพรานจ.นครปฐม เพื่อปลูกฝังการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นทั้งระดับท้องถิ่นและเลือกตั้งใหญ่ที่จะมีขึ้นในปีหน้าเพราะกติกาใหม่มีการเปลี่ยนแปลงจากการเลืือกตั้งเดิมจะใช้ระยะเวลารณรงค์สร้างการรับรู้ไม่นาน
โดยนายประวิช ยืนยันว่า กกต.พร้อมจัดการเลือกตั้งไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นหรือเลือกตั้งใหญ่ก่อนก็ตาม ทั้งนี้. แม้จะเป็นกกต.รักษาการแต่ก็ยังมีอำนาจเต็มที่และมีการวางแนวทางขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อให้สามารถจัดการเลือกตั้งได้ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำหนดได้ แม้จะเป็นกกต.ชุดใหม่ก็สามารถทำได้
ขอเวลาแบ่งเขตเลือกตั้ง
“ส่วนปัญหาการแบ่งเขตเลือกตั้งและการทำไพมารี่โหวตว่าควรจะใช้ มาตรา 44 เพื่อแก้ไขเพื่อให้ทันกรอบเวลาโรดแมปเลือกตั้งเป็นเพียงเครื่องมือแต่สิ่งสำคัญกว่านั้น หากมีการเลือกตั้งภายในเดือน ก.พ. 2562 จะต้องแก้ปัญหาอุปสรรค 4 ข้อตามที่มีการสรุปในที่ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการเลือกตั้ง โดยไม่จำเป็นต้องเร่งรัดแก้ไขภายในเดือนนี้เพราะยังมีเวลาพอในการดำเนินการ“นายประวิช กล่าว
นายประวิช ยืนยันด้วยว่า กกต.ไม่ได้มีความเห็นให้ยกเลิกหรือไม่ให้ทำไพมารี่โหวตเพราะมีปัญหาเรื่องกรอบเวลา แต่กกต.ได้เสนอต่อที่ประชุมต่อคณะทำงานด้านเทคนิคจัดการเลือกตั้งเมื่อวันที่14มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่าหากจะมีการทำไพมารี่โหวตก็จะต้องดำเนินการให้ทันตามเวลาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ว่าจะต้องแบ่งเขตอย่างไร ซึ่งเรื่องไพรมารี่โหวตเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมาตลอดว่าใช้กับประเทศที่มีระบบประธานาธิบดี โดยมีกำหนดเวลาชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อใด ซึ่งจะต้องใช้เวลาทำร่วมปีแต่หากจะใช้มติที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคแทนโดยอ้างว่าเป็นสาขาพรรคที่เป็นตัวแทนประชาชนนั้นไม่น่าจะทำได้เพราะผิดวัตถุประสงค์
เชื่อ คสช. มีบันได 3 ขั้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า จะปลดล็อกพรรคการเมือง หลังจากประกาศบังคับใช้กฎหมายการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว .แล้วว่า รัฐบาลคงดูเงื่อนไขระยะเวลาของโรดแม็ปเลือกตั้งแล้ว ส่วนตัวเห็นว่า คสช.จะคลายล็อกเป็น 3 ขั้น คือ
1.ก่อนกฎหมายทั้งสองฉบับจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาอาจจะคลายล็อก ให้พรรคการเมืองสามารถจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี เลือกกรรมการบริหารพรรค แก้ไขหรือยกร่างข้อบังคับพรรคการเมือง โดยทุกพรรคการเมืองต้องทำเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายพรรคการเมืองใหม่และรัฐธรรมนูญปัจจุบัน และเมื่อกฎหมายทั้งสองฉบับประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ก็ยังไม่มีผลบังคับใช้ในวันรุ่งขึ้นได้เหมือนเช่นกฎหมายปกติ เพราะจะต้องหน่วงเวลาไว้อีก 90 วัน ถึงจะมีผลบังคับใช้ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
2.เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว คสช.อาจใช้มาตรา 44 หรือตราเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) หรือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เพื่อให้ กกต.สามารถแบ่งเขตเลือกตั้งได้ ก่อนที่จะมีการประกาศพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ) ให้มีการเลือกตั้งทั่วไปเป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้เพื่อให้พรรคการเมืองมีเวลาในการเตรียมตัวในการทำไพรมารีโหวตและ
3.เมื่อกฎหมายทั้งสองฉบับมีผลบังคับใช้หลังจาก 90 วันแล้ว ก็เริ่มต้นกระบวนการทำไพรมารีโหวต คือการคัดเลือกผู้สมัครเบื้องต้นในแต่ละเขตเลือกตั้งของแต่ละพรรคการเมือง ซึ่งจะค่อนข้างสับสนวุ่นวาย เพราะเป็นระบบใหม่ที่เพิ่งใช้ แต่ทั้งหมดยังอยู่ในกรอบระยะเวลาของโรดแม็ป หาก คสช.ปลดล็อกเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งเรียกฟื้นความเชื่อมั่นด้านต่างๆ ได้มากขึ้น
นางร้ายลูบคมบิ๊กจิ๋ว
วันเดียวกัน นายสุขุม วงประสิทธิ เลขานุการของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายสมพร มูสิกะ ทนายความ ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ณัฏฐนันท์ พันทองอ่อน รอง สว.(สอบสวน) สน.บางซื่อ เพื่อขอลงบันทึกประจำวัน เนื่องจากมีบุคคลแอบอ้างชื่อมูลนิธิยงใจยุทธฯ รวมทั้งแอบอ้างเป็นที่ปรึกษา คนสนิท และภรรยานอกสมรสของ พล.อ.ชวลิต ทำการหลอกลวงประชาชนเพื่อหาผลประโยชน์ ความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท
นายสมพร เปิดเผยว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวมีประมาณ 10 ราย ได้กระทำการแอบอ้างชื่อของ พล.อ.ชวลิต และภรรยา รวมถึงชื่อของมูลนิธิ ไปแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่ผิด และเป็นการทำลายชื่อเสียงของ พล.อ.ชวลิต โดยที่ผ่านมา พล.อ.ชวลิต ได้พยายามฝากตักเตือนไปแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังคงมีพฤติกรรมดังกล่าวอีก จึงตัดสินใจมอบหมายให้มาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดความเสียหาย และหากหลังจากนี้ยังพบว่า ยังมีบุคคลใดที่กระทำพฤติกรรมเช่นนี้อยู่ จะถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
ทำเป็นขบวนการใหญ่
“คนกลุ่มนี้เชื่อว่าทำกันเป็นขบวนการทั้งในและต่างประเทศ โดยมักอ้างเป็นคนสนิทหรือเลขาฯของ พล.อ.ชวลิต บางส่วนมีการไปแอบอ้างกับหน่วยงานภาครัฐเพื่อวิ่งเต้นเรื่องต่างๆ ซึ่งเท่าที่ทราบมีมูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท” นายสมพร กล่าว
ด้าน นายสุขุม กล่าวยืนยันว่า พล.อ.ชวลิต ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่อ้างชื่อหรือนำภาพที่ถ่ายร่วมกับ พล.อ.ชวลิต ตามสถานที่ต่างๆ ไปแสดง หรือหากมีผู้ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ชวลิต เพื่อทำการติดต่อกิจธุระใดๆ จะต้องมีเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมตราประทับของ พล.อ.ชวลิต เอง ซึ่งหากพบบุคคลที่มีพฤติกรรมแอบอ้างดังกล่าว ก็สามารถประสานมายังทีมงานของ พล.อ.ชวลิต ที่หมายเลข 095-993-5465 เพื่อดำเนินการได้ทันที
ยังไม่ให้2ขั้นทีมงานคสช.
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าว ครม.อนุมัติหลักการให้โควตาบำเหน็จประจำปี (2 ขั้น) นอกเหนือโควตาปกติกับเจ้าหน้าที่ คสช.จำนวน 600 คน ว่า ที่ประชุม ครม.ครั้งที่ผ่านมาเพียงแค่รับทราบข้อเสนอของ คสช.เท่านั้น โดยได้ให้ฝ่ายความมั่นคง และ คสช. กลับไปพิจารณาทบทวนเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การพิจารณาให้บำเหน็จแก่ผู้ปฏิบัติงานใน คสช.ให้มีความเหมาะสมและเป็นธรรมอีกครั้งหนึ่ง จึงยังไม่ได้อนุมัติให้ดำเนินการตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
“มีสื่อมวลชนเพียงไม่กี่สำนักที่นำเสนอข่าวนี้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ราวกับต้องการลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล” กล่าว
ทั้งนี้ นายกฯเน้นย้ำว่า เจ้าหน้าที่เหล่านี้ปฎิบัติหน้าที่กระจายกันอยู่ทั่วประเทศ และต้องรับผิดชอบภาระงานหลายหน้าที่มากขึ้นนอกเหนือจากงานประจำ ก็ควรให้บำเหน็จตอบแทนบ้างตามความเหมาะสม เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ผู้ที่ทำงานด้วยความทุ่มเท เสียสละ และมีผลงานที่เด่นชัด แต่จะต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ของงบประมาณ มีรายละเอียดหลักเกณฑ์ที่รัดกุม ตลอดจน ใช้งบประมาณที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี