17 มิ.ย.61 นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ว่า ต้องเชื่อว่า การเลือกตั้งยังเป็นไปตามโรดแม็พที่รัฐบาลประกาศไว้ เพราะยังไม่มีอย่างอื่นที่ทำให้โรดแม็พต้องเคลื่อนไป ซึ่งทั้งหมดอยู่ที่การปลดล็อค ดูเหมือนตั้งใจจะปลดหลายระยะๆ โดยใช้คำว่าคลายล็อค ทั้งนี้เหตุที่ทำให้สถานการณ์คลาดเคลื่อนไปมี 2 เรื่อง คือ1.คลายล็อกช้าไป และ2.ไม่ปลดล็อกทั้งหมดเพราะถ้าปลดล็อคเร็ว ก็จะเดินไปสู่การเลือกตั้งได้ แต่ตนคิดว่าจะการคลายให้ทีละล็อก จึงทำให้ช้า แต่ควรที่จะหาวิธีทำให้พรรคการเมืองสามารถประชุมได้ และเร่งดำเนินการแบ่งเขตเลือกตั้ง มิฉะนั้นจะไม่สามารถทำไพรมารีโหวตได้
เมื่อถามว่า ยังคิดว่าจะสามารถทำไพรมารีโหวตได้หรือไม่ นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า การที่จะไม่ให้มีการทำไพรมารีโหวต ไม่ใช่พรรคใหญ่เรียกร้อง แต่เป็นความต้องการของพรรคเล็กและพรรคใหม่ เพราะหากหาสมาชิกได้ไม่ครบ ก็ไม่สามารถทำได้ ส่วนพรรคใหญ่พร้อมอยู่แล้ว ซึ่งอาจมี 3-4 พรรคใหญ่เท่านั้นที่ทำได้ แต่อาจมีบางพรรคที่ทำไม่ได้ โดยเฉพาะพรรคที่สนับสนุน คสช. ก็จะเป็นปัญหา ทั้งนี้อยู่ที่ผู้มีอำนาจตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร
ต่อข้อถามว่ามองดูแล้วมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเกิดรัฐบาลแห่งชาติขึ้น นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า เมื่อการเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้ว จะมีปัญหาหลังเลือกตั้ง คือการตั้งรัฐบาลไม่ได้ สูตรรัฐบาลก็ไม่รู้จะเอาใครผสมกับใครก็มีปัญหาทั้งนั้น ส่วนรัฐบาลแห่งชาติไม่น่าเกิดขึ้น เพียงแต่เราไม่รู้จะเอาพรรคไหนรวมกับพรรคไหน ส่วนทางออกควรจะเป็นอย่างไรนั้น ตนคงพูดไม่ได้ แต่คอยดูก็แล้วกันว่าตั้งรัฐบาลยาก
นายนิพิฎฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนยุทธศาสตร์ชาติจะเป็นปัญหาของรัฐบาลใหม่ แม้ผู้ร่างจะบอกว่าสามารถแก้ไขได้ใน 5 ปี หากเกิดสถานการณ์ใดขึ้นมาก็ตาม แต่ความยากอยู่ตรงที่เป็นกฎหมาย เมื่อจะแก้ไข จะต้องเสนอเพื่อขอความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ซึ่งกรณีของสภาผู้แทน ฯ ตนคิดว่าคงไม่เท่าไหร่ แต่จะผ่านวุฒิสภาหรือไม่นั้น ตรงนี้คือปัญหา เพราะวุฒิสภาชุดใหม่มาจากการเลือกตั้งของคสช.และยุทธศาสตร์ชาติเป็นผลผลิตของคสช. จนเกิดคำถามว่า วุฒิสภาชุดดังกล่าวจะยอมให้แก้ไขหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ แกนนำก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) เชื่อว่า การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้าภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ จะมีพรรคการเมืองได้คะแนนเสียงเข้าไปในสภาหลายพรรค กระจัดกระจายไม่ต่ำกว่า 10 พรรค ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของทุกพรรคที่จะมีโอกาสได้เข้าไปทำงาน จึงเชื่อว่ารัฐบาลในสมัยหน้าจะต้องเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค และไม่มีทางที่พรรคการเมืองเดียวจะตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดรัฐบาลแห่งชาติ เพราะการเลือกตั้งแบบนี้ ไม่มีพรรคใดได้เสียงเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จึงต้องพยายามประนีประนอมรอมชอมรวบรวมเก้าอี้ให้ได้มากที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี