23 มิ.ย.61 นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก “นพ.เหวง โตจิราการ” อ้างว่า โต้แย้งมติเรื่อง 99 ศพของ ป.ป.ช. ที่แถลงเมื่อ 22 มิ.ย.61 คำอธิบายของ ป.ป.ช.ที่ยืนตามมติของ ป.ป.ช.ชุดก่อน ไม่รื้อคดีที่กล่าวหาอภิสิทธิ์-สุเทพ กรณี 99 ศพปี53 โดยกล่าวอ้างถึงคำสั่งของศาลแพ่งที่1433/2553 เป็นสำคัญ
ในเรื่องที่การชุมนุมของ นปช.ไม่ใช่เป็นการชุมนุมโดยสงบ ไม่ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ แล้วเลยสรุปรวบยอดให้ยกคำกล่าวหาที่มีต่ออภิสิทธิ์-สุเทพนั้น
มีการเสียชีวิตสองกรณีใหญ่ที่เกิดจากการดำเนินการของรัฐบาลอภิสิทธิ์-สุเทพ และศอฉ.ในเหตุการณ์2553 ที่ ป.ป.ช.ไม่ได้จำแนกแยกแยะออกมาพิจารณาเป็นกรณีเฉพาะ นั่นคือ
1.กรณีการตายของนายเกรียงไกร คำน้อย ซึ่งโดนยิงเสียชีวิตโดยทหารจากการสั่งการของ ศอฉ.ที่หน้ากระทรวงศึกษาธิการในวันที่ 10 เมษายน 2553 เวลาประมาณ 13.00-14.00 น. ในขณะนั้นยังไม่ปรากฏหลักฐานใดๆที่เกี่ยวเนื่องกับกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำ หรือการยิงต่อสู้จากฝ่าย นปช.หรือคนเสื้อแดง ซึ่งในคำสั่งการตายของศาลที่ปรากฏในสื่อได้ให้รายละเอียด ดังนี้
“10 เมษายน 2553 เวลา 13.30 น. ศอฉ.สั่งการให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ขอคืนพื้นที่และพื้นผิวการจราจรบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศและบริเวณใกล้เคียง โดยกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหาราบที่ 31 รักษาพระองค์(ร.31พัน1รอ.) ประมาณ 300 นาย”
โดยเจ้าหน้าที่มีอาวุธประจำกายคือโล่ห์ ปืนลูกซองยาว บรรจุกระสุนยาง ปืนเอ็ม 16 ปืนทาโวร์ ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่มีความเร็วสูง ผลักดันผู้ชุมนุมไปตามถนนราชดำเนินนอกจากแยกสวนมิสกวัน ผ่านหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ไปยังสะพานมัฆวานรังสรรค์ แต่ผู้ชุมนุมไม่พอใจได้ขว้างปาขวดน้ำ สิ่งของ และเหล็ก ใส่เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ทหารจึงได้ใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ผู้ชุมนุม
ต่อมาในเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารใช้อาวุธปืนยิงถูกนายเกรียงไกร ที่ยืนอยู่บนทางเท้าข้างกำแพงกระทรวงศึกษาธิการที่หน้าอกและลำตัวจนได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงนำตัวนายเกรียงไกร ส่ง รพ.วชิรพยาบาล ต่อมานายเกรียงไกรได้เสียชีวิตลงเนื่องจากเสียเลือดมาก ในวันที่ 11 เมษายน 2553 เนื่องจากหลอดเลือดใหญ่บริเวณอุ้งเชิงกรานฉีกขาดจากกระสุนความเร็วสูงที่ยิงมาจากทางเจ้าหน้าที่ทหาร(จากประชาไทบล๊อกกาซีน https://blogazine.pub/blogs/gadfly/post/4909 )
ดังนั้นกรณีการตายของเกรียงไกร คำน้อย รัฐบาลอภิสิทธิ์สุเทพยังไม่ได้รับความคุ้มครองจากคำสั่งของศาลแพ่งที่1433/2553
ป.ป.ช.ต้องแยกกรณีนี้ออกมาพิจารณาเป็นการเฉพาะไม่สามารถ “โยนลงเข่งเดียวกันได้”
2.กรณีการตายของหกศพที่วัดปทุม
นปช.ประกาศสลายการชุมนุมเวลาประมาณ13.30 น. และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่มาชุมนุมได้เดินทางไปขึ้นรถบัสที่สนามศุภชลาศัย ส่วนคนแก่คนป่วยพิการอาจจะพักที่เขตอภัยทานในวัดปทุมวนารามรอจนวันรุ่งขึ้น ภายหลังจากนั้นประชาชนก็ทยอยไปเพื่อขึ้นรถบัส และเข้าพักในวัดปทุมวนาราม
ประมาณ14.00 น.ทหารของ ศอฉ.ก็เข้ายึดครองพื้นที่แถบนั้นอย่างหนาแน่น ไม่มีคนเสื้อแดงเหลืออยู่อีกต่อไป จึงไม่มีกองกำลังอาวุธของคนเสื้อแดงอย่างสิ้นเชิง ปรากฏว่ามีการฆ่าประชาชนโดยเจ้าหน้าที่ทหารของศอฉ.ที่ประจำการอยู่บนรางรถไฟฟ้าเกิดขึ้นเวลาประมาณ 17.30-18.00 น.
ศาลได้มีคำสั่งการตายว่าเป็นการเสียชีวิตจากการยิงของเจ้าหน้าที่ทหารบนรางรถไฟฟ้า ผู้ตายไม่มีเขม่าดินปืน ไม่มีการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ทหาร อาวุธที่ยึดได้นั้นรับฟังไม่ได้
ดังนั้น ป.ป.ช.ต้องพิจารณาความรับผิดของรัฐบาลอภิสิทธิ์-สุเทพในกรณีนี้แยกต่างหากจากคำกล่าวอ้างของ ป.ป.ช.ที่อ้างความชอบธรรมของ รัฐบาลอภิสิทธิ์-สุเทพ ตามความในคำสั่งศาลแพ่งที่1433/2553ดังกล่าว
ลำพังเฉพาะสองกรณีนี้ก็เป็นการ ประกาศชัดแล้วว่า มติของ ป.ป.ช.นั้นไม่อาจรับฟังได้ ไม่มีฐานของหลักกฎหมายมารองรับไม่ได้เป็นไปตามหลักนิติรัฐนิติธรรม
ส่วนรายละเอียดที่เกิดขึ้นใน ระหว่างสองกรณีข้างต้น ก็ปรากฏความไม่ชอบด้วยหลักนิติรัฐ นิติธรรม อีกจำนวนไม่น้อย ต้องแยกไปกล่าวถึงในโอกาสต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี