24 มิ.ย.61 ที่มหาวิทยาลัยรังสิต นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมร่วมระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รัฐบาล และพรรคการเมือง เพื่อหารือเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ในวันพรุ่งนี้ (25 มิ.ย.) ว่า ตนติดภารกิจไม่ได้เดินทางไปร่วมประชุมด้วย เนื่องจากต้องเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช จึงมอบหมายให้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ , น.ต.สุธรรม ระหงษ์ ผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์ และนายถวิล ไพรสณฑ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ ผลจะออกมาเป็นอย่างไรทั้งหมดอยู่ที่ คสช.ที่จะซักถามความเห็นของพรรคการเมือง แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีผลต่อการตัดสินใจมากน้อยเพียงใด ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์หาก คสช.ยกเลิกคำสั่งการห้ามทำกิจกรรมต่างๆ เราก็สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้ทั้งหมด เพราะปัญหาขณะนี้ที่พรรคการเมืองปฏิบัติไม่ได้ คือ ยังไม่สามารถประชุมทำกิจกรรมเพื่อเดินต่อตามกระบวนการของพรรคการเมืองได้ ส่วนพรรคการเมืองที่กำลังตั้งขึ้นหรือบางพรรคที่ข้อบังคับพรรคอาจมีปัญหาในเรื่องการตั้งสาขาพรรคนั้น ก็ต้องแก้กฎหมายเพื่อให้เขาเดินได้ แต่ถ้ายังไม่อนุญาตให้มีการทำกิจกรรม หรือไม่อนุญาตให้ประชุม ก็จะเป็นอุปสรรคต่อไปเรื่อยๆ และเป็นปัญหามากขึ้น
"ถ้า คสช.ห่วงเรื่องของความมั่นคงก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า เวลาพรรคการเมืองทำกิจกรรมอะไรก็สามารถไปดูได้ว่ากระทบต่อความมั่นคงหรือไม่ การที่กรรมการบริหารประชุม การเดินทางออกไปพบปะสมาชิกเพื่อระดมสมาชิก หรืออะไรก็ตาม ไม่น่าจะเป็นปัญหา และกิจกรรมใดที่อาจสร้างปัญหาต่อความมั่นคงก็มีกฎหมายอื่นๆ รวมถึงคำสั่ง คสช.อยู่แล้ว ที่ใครทำให้บ้านเมืองวุ่นวายก็ดำเนินการตามกฎหมาย แต่ควรให้ทุกอย่างเดินได้ เพราะ คสช.เองบอกว่าจะเข้ามาปฏิรูปการเมือง แต่การปฏิรูปการเมืองของ คสช.คือการมากำหนด หลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นเรื่องใหม่ในกฎหมายพรรคการเมืองบ้าง กฎหมายเลือกตั้ง หรือกฎหมายอื่น แล้วในที่สุดถ้าเราไม่ทำให้กฎหมายเดินได้ สุดท้ายก็คือไม่ได้ปฏิรูป ถ้าต้องการให้พรรคการเมืองเพียงแค่ปฏิบัติตามกฎหมาย มีสมาชิกจังหวัดละ 100 คน ที่ระบุว่าทำไพรมารี่โหวตเพื่อให้สมาชิกมีส่วนร่วม แต่เอาเข้าจริงคนชนะได้คะแนน 30 ถึง 40 คะแนน ก็คงไม่ใช่การปฏิรูปการเมือง ดังนั้น หากต้องการปฏิรูปการเมือง ก็ควรจะให้พรรคการเมืองสามารถระดมสมาชิกจำนวนมากเข้ามามีส่วนร่วมในการเลือกคนจะลงสมัครรับเลือกตั้ง มีส่วนร่วมในเรื่องนโยบายและอื่นๆ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม อาจพิจารณายกเลิกการทำไพรมารี่โหวตในการเลือกตั้งครั้งแรก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็กลายเป็นว่าการที่อ้างว่าจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงปฏิรูป สุดท้ายก็บอกว่าทำไม่ได้หรือไม่ได้ทำอีก เพราะฉะนั้นอยู่ที่ คสช.จะต้องย้อนกลับไปดูภาพใหญ่ว่าตกลงเรื่องอะไรที่สำคัญ ถ้าบอกว่าการปฏิรูปการเมืองเป็นเรื่องสำคัญ ก็ต้องพยายามให้กฎหมายเดินได้ตามเจตนารมณ์
เมื่อถามต่อว่า การเมืองขณะนี้มีพรรคการเมืองเกิดขึ้นหลายพรรค รวมถึงพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) สถานะของพรรคประชาธิปัตย์จึงถูกมองว่ากำลังถูกกดดันให้ต้องเลือกข้างหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีความกดดันใดๆ พรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนที่ชัดเจน และมีการเตรียมชุดนโยบาย รวมถึงเตรียมแนวทางแก้ไขปัญหาของประเทศ ซึ่งไม่เหมือนกับพรรคการเมืองอื่น และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราเสนอตัวเป็นทางเลือกของประชาชน และขอความสนับสนุนจากประชาชน
เมื่อถามถึงกระแสดูดนักการเมืองที่หนักหน่วงในขณะนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อพรรคการเมืองเกิดขึ้นมาก็ต้องพยายามที่จะแข่งขันกัน แต่ที่ติดใจอยู่เรื่องเดียวคือ ถ้าเรากลับไปสู่ระบบที่เอาเรื่องผลประโยชน์ ไม่ว่าเงินหรือตำแหน่ง หรือเลวร้ายที่สุดมีการพูดถึงการต่อรองเรื่องคดีความขึ้นมา การเมืองมันก็ถอยหลัง แต่ถ้าเป็นเรื่องของการตั้งพรรคการเมืองแล้วใครมีแนวความคิดอยากไปสนับสนุนแนวทางหรืออุดมการณ์นั้นก็ไม่ว่ากันอยู่แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี