จากกรณีเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายวัส ติงสมิตร ประธาน กสม.และ กสม.อีก 2 คน คือ นางฉัตรสุดา จันทร์ดียิ่ง และนางประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้วินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กสม. พ.ศ.2560 มาตรา 60 ที่บัญญัติให้ประธาน กสม.และ กสม.ชุดที่ 3 ซึ่งเป็นชุดปัจจุบัน พ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค.60 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 2560
ล่าสุดวันนี้ (24 มิ.ย.61) นายวัส กล่าวว่า กฎหมายลูกฉบับนี้ ขัดต่อหลักนิติธรรมในส่วนของหลักการคุ้มครองสิทธิที่ได้รับมาแล้วโดยชอบธรรม (The Doctrine of Acquired Rights) และหลักความมั่นคงแน่นอนแห่งนิติฐานะของบุคคล (The Principle of Legal Certainty) ซึ่งเป็นหลักการที่มุ่งให้กฎหมายต้องมีความชัดเจนและแน่นอน อันจะทำให้ประชาชนเชื่อถือและไว้วางใจได้ว่า หากตนได้กระทำการใดโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว การกระทำดังกล่าวย่อมได้รับผลตามที่กฎหมายกำหนด และจะมีผลเช่นนั้นคงอยู่ต่อไป โดยไม่ถูกกระทบจากการเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือตรากฎหมายใหม่ในภายหลังจนเกินจำเป็นหรือเกินสมควรแก่เหตุ หลักการนี้จึงมีผลเป็นการคุ้มครองความเชื่อโดยสุจริตหรือความคาดหวังโดยสุจริตของประชาชน (Legitimate Expectation)
"ก่อนมาดำรงตำแหน่งใน กสม.ผมต้องลาออกจากตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกาตามที่กฎหมายบังคับ ซึ่งได้กระทำลงไปด้วยความคาดหวังโดยสุจริตว่า ผมจะได้ดำรงตำแหน่งจนครบวาระ กสม. 6 ปี ซึ่งเป็นความคาดหวังที่ชอบธรรม เนื่องจากเป็นไปตามที่กฎหมายในขณะนั้นกำหนด ความคาดหวังโดยสุจริตนี้จึงสมควรต้องได้รับความคุ้มครอง ตามหลักความมั่นคงแน่นอนแห่งนิติฐานะของบุคคล ไม่ใช่ต้องมาพ้นจากตำแหน่งเมื่อทำงานได้เพียง 2 ปีเศษเท่านั้น" ประธาน กสม.กล่าว
นอกจากนี้ การให้ กสม.ชุดปัจจุบันพ้นจากตำแหน่งเมื่อดำรงตำแหน่งเพียง 2 ปีเศษ ยังไม่ครบ 6 ปี เป็นกรณีที่กฎหมายมีผลย้อนหลังในทางที่เป็นผลร้ายแก่บุคคล โดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ ในทางกฎหมายมหาชนแล้ว ไม่สามารถจะทำได้
นายวัส กล่าวต่ออีกว่า เหตุที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อ้างในการเซตซีโร่ กสม.ว่าเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสากล และให้ กสม.ไทยมีโอกาสได้สถานะ A กลับคืนมานั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะไม่มีข้อกำหนดหรือแนวปฏิบัติใดในหลักการสากลที่แสดงให้เห็นเช่นนั้น
"การที่กฎหมายลูกให้องค์กรอิสระอีก 3 องค์กร คือ ผู้ตรวจการแผ่นดิน , กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) และกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อยู่ในตำแหน่งต่อไปโดยไม่ถูกเซตซีโร่ แต่เซตซีโร่ กสม.ซึ่งเป็นองค์กรอิสระเหมือนกัน เป็นการเลือกปฏิบัติ ขัดต่อหลักความเสมอภาคที่รัฐธรรมนูญคุ้มครอง" ประธาน กสม.กล่าว และว่า เนื่องจากคณะกรรมการสรรหาได้เริ่มรับสมัครบุคคลมาเป็น กสม.ชุดต่อไปตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย.61 ผมและคณะจึงยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายลูกว่าด้วย กสม.และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว โดยระงับกระบวนการสรรหาไว้ก่อน เพื่อรอผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นการเซตซีโร่ กสม.ชุดปัจจุบันว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี