เบิร์ธเดย์เทพเทือกกระหึ่ม
‘มาร์ค’วอนอย่าดูดปชป.
อวยพรให้แข็งแรงมีพลัง
ทำสิ่งดีๆให้กับบ้านเมือง
สนช.เคาะ7กกต.12กค.นี้
“มาร์ค” ร่วมงานเบิร์ธเดย์ 69 ปี ของกำนันสุเทพ อวยพรขอให้มีพลัง ทำสิ่งดีๆ ให้บ้านเมือง วอนอย่าดูดลูกพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่กำนันสุเทพ แทงกั๊ก หนุน “ประยุทธ์” เป็นนายกฯต่อ เมินพลังกระแสพลังดูดสส. ลั่น รปช. ไม่ดูดใคร เน้นสร้างนักการเมืองรุ่นใหม่จับตา! “สนช.” เคาะ 7 กกต. สเปกขั้นเทพ วันที่ 12 กรกฎาคมนี้ หลังถูกคว่ำรอบแรกมาแล้ว
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม เมื่อเวลา 09.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย เดินทางมายังวัดชลประทานรังสฤษดิ์ ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พร้อมครอบครัว อาทิ นางศรีสกุล พร้อมพันธุ์ นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ นายแทน เทือกสุบรรณ เป็นต้น เพื่อทำบุญวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 69 ปี อย่างไรก็ตาม ภายในงานมีผู้ร่วมก่อตั้งพรรครปช. เข้าร่วมด้วย อาทิ นายธานี เทือกสุบรรณ นายสุริยะใส กตะศิลา ดร.จักษ์ พันธุ์ชูเพชร นายอุทัย ยอดมณี เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมอดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่เคยร่วมชุมนุมกปปส.ด้วย เช่น นายวิทยา แก้วภราดัย นายชินวรรณ์ บุญยเกียรติ นายเทพไท เสนพงศ์ 3อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช นายชุมพล จุลใส อดีตส.ส.ชุมพร นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู แกนนำปชป.ภาคเหนือ นายวรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตส.ส.กทม. นายอิสสระ สมชัย อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร อดีตผู้สมัครพรรค นางอัญชลีและนายทศพร วานิชเทพบุตร อดีตส.ส.ภูเก็ต
มาร์คมอบประเช้าดอกไม้
โดยในเวลา 09.15 น. นายอภิสิทธิ์ นำกระเช้าต้นไม้มงคลมามอบแสดงความยินดี พร้อมกับการอวยพรนายสุเทพ ว่า “ขอให้มีพลังทำสิ่งดีๆให้บ้านเมือง” พร้อมถ่ายรูปร่วมกับอดีตส.ส.ปชป.ภาคเหนือ ระหว่างนั้น นายสุเทพ กล่าวสัพยอกว่า วันนี้ไม่ได้มาดูดใคร ขณะที่นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า เห็นเขาว่าท่านจะดูดผม ทำให้นายสุเทพ กล่าวว่า “ถามสมบัติดู” พร้อมกับจับไหล่นายสมบัติ ยะสินธุ์ อดีตส.ส.แม่ฮ่องสอน พรรคประชาธิปัตย์ และกล่าวต่อว่า “จะมาไหม ผมจะรับคุณในกรณีพิเศษ ถ้าหัวหน้าให้ออกจากพรรค” ขณะเดียวกันนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ขอทำรายชื่อก่อนแล้วจะส่งบัญชีให้” พลันสิ้นเสียง วงสนทนาขณะนั้นก็หัวเราะอย่างเสียงดัง
อย่างไรก็ตาม ภายหลังกล่าวทักทายแขกในงาน ก็เดินไปพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เพื่อประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เนื่องในวันคล้ายวันเกิด และถวายภัตตาหารเพลพระ
บอกย้ายพรรคมีมาตลอด
ต่อมา นายสุเทพ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมือง หลังจากตั้งรปช. ว่า ขณะนี้ทางพรรคกำลังรวบรวมผู้ร่วมจัดตั้งให้ได้ 500คน ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งตอนนี้ใกล้จะครบแล้ว จากนั้นเราจะประชุมผู้จัดตั้งพรรค และตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชั่วคราว เพื่อดำเนินการจัดตั้งพรรคตามกฎหมาย ส่วนการหาสมาชิกพรรคนั้นก็ต้องรอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ปลดล็อคให้ก่อนเราจะดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ พร้อมทั้งยืนยันว่าพรรคเราจะทำตามกฎหมาย และคำสั่งคสช. ขณะเดียวกันเราเข้าใจคสช.ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องทำให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย และยังเชื่อมั่นในประชาชน แม้ว่าตอนนี้จะมีความกำกับอยู่บ้าง แต่ถึงเวลาประชาชนจะตัดสินใจได้
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า สำหรับกระแสการดูดส.ส. ในขณะนี้ ทางพรรครปช.ไม่สนใจประเด็นนี้ ซึ่งยืนยันว่าพรรคเราจะไม่ดูดใครแต่จะสร้างนักการเมืองรุ่นใหม่ซึ่งตนมองว่าการย้ายพรรคของส.ส.มีมาตลอด และเรื่องนี้ต้องอยู่กับจุดยืน ความคิดของนักการเมืองแต่ละคนที่จะย้ายพรรค
ส่วนกระแสข่าวที่ว่าฝ่ายรัฐบาลใช้พลังดูดนักการเมือง จะสวนทางกับการปฏิรูปการเมืองหรือไม่ ตนคิดว่า การไปคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลทำเป็นการใช้พลังดูดนั้น อาจเป็นการปรักปรำรัฐบาลหรือไม่ เราต้องดูเรื่องนี้กันต่อไป
บอกไม่ยึดติดกับประยุทธ์
เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่าพรรครปช. ต้องการให้การเมืองในอนาคตเป็นการเมืองที่ดี เราไม่ยืดติดตัวบุคคล เรายึดแนวทางการปฏิรูปประเทศทุกๆด้านโดยที่ผ่านมารัฐบาลก็ดำเนินการปฏิรูป ขณะนี้การปฏิรูปที่ใกล้สำเร็จ คือ ปฏิรูปตำรวจ
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าวันเกิดปีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ส่งคำอวยพรหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า “ไม่มี ผมไม่ได้ติดต่อกับพล.อ.ประยุทธ์” เมื่อถามอีกว่า แนวโน้มพล.อ.ประยุทธ์ จะลงเล่นการเมือง จะมองอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของตน เป็นเรื่องของพล.อ.ประยุทธ์ และประชาชนทั้งประเทศ
“มาร์ค”วอนเทพเทือกเลิกดูด
ด้านนายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างพรรคปชป. กับพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) ว่า เรื่องส่วนตัวไม่มีเปลี่ยนแปลงเพราะเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ส่วนทางการเมืองต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ของตัวเอง แข่งขันกันธรรมดา ทั้งนี้ เมื่อมีการตั้งพรรคขึ้นมาใหม่ย่อมต้องแย่งฐานเสียงกันแน่นอน ไม่ใช่เฉพาะแค่เพียงพื้นที่ภาคใต้ แต่แย่งกันทั่วประเทศถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ผู้สื่อข่าวถามว่าอดีตส.ส.ของพรรคจะมีใครย้ายอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สมาชิกแต่ละคนต้องตัดสินใจ ซึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมาเชื่อว่าหลายคนตกผลึกและมีความคิดเป็นของตัวเอง ทั้งนี้ ที่ลาออกไปแล้วก็มีที่จังหวัดสุราษฏร์ธานีและจังหวัดจันทบุรีตามที่ปรากฏเป็นข่าว ส่วนคนอื่นๆ ต้องถามกับเจ้าตัวเอง ด้านนายสุรเชษฐ์ แวอะแซ อดีตส.ส.นราธิวาส ปรารภอยู่บ้างแต่ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนกรณีนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตส.ส.กทม. นั้น นายพุทธิพงษ์ ยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่นายณัฏฐพลอยู่ระหว่างการตัดสินใจ
“ส่วนการดูด สส.เสนอต่อรอง คิดว่าประชาชนเบื่อหน่าย และหากตอกย้ำเรื่องแบบนี้ เมื่อไหร่อนาคตของประชาชนจะลืมตาอ้าปากกันได้ ดังนั้นใครที่ยังทำเรื่องเก่าๆแบบนี้ อย่าทำ เกรงใจประชาชนบ้าง”นายอภิสิทธิ์ ระบุ
ทหารปัดร่วมดูดสส.
พล.ท. ธรากร ธรรมวินทร แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.กองทัพภาคที่2) กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยอ้างถึงนายทหารระดับสูงสังกัดกองทัพบกเคลื่อนไหวดึงนักการเมืองจังหวัดนครราชสีมามาร่วมพรรคพลังประชารัฐว่า ตนไม่ทราบข้อมูลตรงนี้เลย แต่ขอยืนยันว่าไม่เคยสั่งการให้ทหารชั้นผู้ใหญ่ในพื้นที่กองทัพภาคที่2 ไปดำเนินการในลักษณะเช่นนั้นอย่างที่พรรคเพื่อไทยกล้างอ้าง เพราะไม่ใช่หน้าที่ของทหารที่จะต้องทำ เพราะสิ่งนั่นเป็นงานการเมือง ซี่งหน้าที่หลักของเราคือ ภารกิจการดูแลรักษาความมั่นคง และดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อให้ประเทศชาติเราสามารถเดินต่อไปได้
“ทหารเราไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับการดูด ส.ส. ในพื้นที่ภาคอีสานเลย มันไม่เกี่ยวข้อง และไม่ใช่หน้าที่ของเรา เพราะนั่นเป็นเรื่องของการเมือง ก็ต้องว่าไปตามกระบวนการ และตามกรอบโรดแมป ขณะที่อีกมุมหนึ่งอาจเป็นการดำเนินการในลักษณะส่วนตัวกันมากกว่า เพราะอยู่ในพื้นที่ก็คงรู้จักนักการเมืองกัน เจอหน้าเจอตากันบ่อยอยู่แล้ว ดังนั้นผมก็ขอย้ำว่าไม่ได้สั่งให้ไปทำแบบนั้นแน่นอน เพราะไม่ใช่หน้าที่ของทหาร” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว
ทิ้งห่างเลือกตั้ง3เดือน
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงไทม์ไลน์การเลือกตั้งท้องถิ่นว่า ขณะนี้กฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นยังไม่เสร็จ บางคนบอก 2-3 เดือน จะเดือนก.ค. หรือ ส.ค.หรือก.ย.ก็ว่ากันไป แต่ที่สำคัญคือต้องดูเวลาที่เหมาะสม ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ได้พูดให้ฟังไปหมดแล้วว่าต้องดูเวลาที่เหมาะสม โดยทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เขาขอว่าหากเลือกตั้งใหญ่เมื่อไหร่ ก็ขอให้ห่างกัน 3 เดือน จะได้มีเวลาในการเตรียมการ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ไหว และมันจะไม่เหมาะ เพราะประชาชนจะสับสน หากมีการเลือกตั้งติดๆกัน นอกจากนี้ก็ช่วยทำให้ผู้สมัคร หรือคนหาเสียงมีเวลาในการหาเสียงด้วย
“แต่ทั้งนี้หากมีช่องว่างสามารถเลือกก่อนได้ ก็เลือกก่อน เพราะสังคมก็บอก เลือกก่อนหาคนลงไม่ได้ เขาก็จะไปลงสนามใหญ่ แต่บางคนก็บอกเลือกที่หลังสอบตก ส.ส.ก็มีโอกาสไปลง ก็แล้วแต่ มีข้อคิดทั้งนั้น ดังนั้นต้องดูช่วงเวลาที่เหมาะสม แต่หากพูดตามหลักการแล้ว หากกฎหมายเสร็จ และ กกต.มีความพร้อม ก็ดูวันเหมาะสมที่จะเลือกตั้งได้ แต่จะต้องห่างกัน 3 เดือน” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี