13 ก.ค.61 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ว่า ในโอกาสที่เดือนกรกฎาคมนี้ เป็นเดือนมหามงคล เนื่องจากเป็นเดือนที่ปวงชนชาวไทยจะได้เฉลิมฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โดยก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้เชิญชวนให้พสกนิกรชาวไทย ทุกภาคส่วนได้ร่วมใจกันแต่งกายสีเหลือง ตลอดทั้งเดือนอย่างพร้อมเพรียงกัน นอกจากนี้ อยากจะเชิญชวนให้บ้านเรือน ชุมชน วัด สถานที่ราชการ ได้ร่วมกันปลูกป่า ปลูกต้นไม้ เฉลิมพระเกียรติ โดยเฉพาะต้นรวงผึ้ง ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำพระองค์ มีดอกสีเหลือง เป็นสีประจำวันพระราชสมภพ จะผลิดอก ช่วงวันพระราชสมภพพอดี ที่ผ่านมา เมื่อพระองค์เสด็จฯ ประกอบพระราชกรณียกิจตามสถานที่ต่างๆ ก็จะทรงปลูกต้นรวงผึ้งพระราชทานไว้ เพื่อเป็นตัวแทนแห่งพระองค์ท่าน และเป็นสิริมงคลแก่ราษฎรในพื้นที่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประชาชนอาจจะรณรงค์กันปลูกต้นไม้ประจำจังหวัดของตนด้วยก็ได้ ไม้ยืนต้นตามข้างถนน ริมน้ำ สวนสาธารณะให้เป็นทิวแถวสวยงาน หรือสลับสีสัน เวลาออกดอกก็งดงาม อาจจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวประจำถิ่น ในอนาคต ทำอุโมงค์ต้นไม้ ที่มีสีสันด้วยอะไรทำนองนี้ ก็ดูตัวอย่างจากทางภาคเหนือ หรือจากต่างประเทศเขาบ้าง มีภาพงดงามเยอะแยะไป ที่เป็นประโยชน์ที่เราจะเอามาประยุกต์ใช้ในประเทศไทยได้ จะทำให้พวกเราชาวเมืองรู้สึกผูกพัน แล้วก็มีความรู้เกี่ยวกับต้นไม้ประจำจังหวัดของตน แล้วต้นไม้อื่นๆ อีกด้วย เด็กวันนี้หลายคน ไม่รู้จักต้นไม้ ชื่อต้นไม้ต้นอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ทั้งๆ ที่ต้นไม้ที่ทุกคนน่าจะรู้จัก แสดงว่าขาดหายไปในเรื่องเหล่านี้ การที่จะให้เด็กๆ เยาวชนช่วยกันรักษาป่า แล้วเราจะต้องมีการปลูกฝังความรักธรรมชาติ รักป่าไม้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ อาจจะปลูกป่าเพื่อเป็นธนาคารอาหารชุมชน (Food Bank) ตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ที่ทรงต้องการให้ราษฎรมีอาหารไว้กิน ไว้ใช้ อย่างยั่งยืน พูดง่ายๆ ก็คือมีการปลูกพืชที่สามารถเก็บกินได้ต่างๆ ในพื้นที่ป่านะครับ ที่ไม่มีปัญหาทางกฎหมาย เขาก็มีการจัดสรรพื้นที่ไปแล้ว เช่นป่าชุมชน หรือป่าเศรษฐกิจเหล่านี้ เพราะฉะนั้นก็ฝากดูแลกันด้วยนะครับ เช่นหน้าฝนก็มีเห็ด มีโอกาสเก็บได้ บางทีก็ไปปลูกพืชผักสวนครัวไว้ได้ก็เก็บได้ ขายได้นะครับ อันนี้ก็อยู่ในพื้นที่ที่เป็นป่าชุมชน สามารถที่จะได้ประโยชน์จากป่าด้วย จะได้ช่วยกันดูแลป่าไปด้วยนะครับ แต่ทั้งนี้ความรับผิดชอบหลักก็คงเป็นหน้าที่ของกระทรวงทรัพยากรแห่งชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานราชการทั้งสิ้น
นายกฯ กล่าวว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นห่วงว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ สภาพแวดล้อม อาจจะส่งผลให้โลกขาดอาหาร เปรียบเสมือนการสร้าง "ธนาคารอาหาร" ของครัวเรือน หรือชุมชน ทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน ได้มีประโยชน์ร่วมกัน เราอาจจะเริ่มการปลูกไม้ยืนต้น ในพื้นที่ของตนเองไว้บ้าง ไม้มีค่าเหล่านั้น ก็จะถือเป็นการออมนะครับ วันนี้กฎหมายก็ออกมาแล้ว นอกเหนือจากสะสมเงินทอง ก็อาจจะเป็นการสร้างความมั่นคง ในอนาคต ด้วยการปลูกต้นไม้ ที่มีค่า ที่สามารถแปลงเป็นเงินได้ในอนาคตนะครับ ก็ต้องไปแจ้งจดทะเบียนให้เรียบ ร้อย ตามนโยบายและกฎหมายที่รัฐบาลนี้ได้ออกไปนะครับ ก็จะถือว่าเป็นมรดกให้กับลูกหลานในวันข้างหน้า เพราะมีค่าทั้งสิ้น ไม้ที่ใช้ประโยชน์ได้นะครับ
"ในเดือนมหามงคลนี้ ตนอยากเชิญชวนให้พี่น้องประชาชน ชาวบ้าน ชาวเมือง ทั้งหลาย ได้ร่วมกันดูแลบ้านเรือนของตน ให้เรียบร้อย สะอาดตา รวมทั้งการร่วมกันบูรณะวัดวาอารามของชุมชน และรักษาสถานที่ราชการที่ใกล้เคียง ด้วยการตัดแต่งต้นไม้ ดูแลสนามหญ้า ทาสีรั้ว ซ่อมแซมอาคาร สิ่งปลูกสร้าง ให้สวยสดงดงาม ให้เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษาอาชีวะต่างๆ มาร่วมกิจกรรม เพื่อปลูกฝังความรัก ความผูกพันกับชุมชนของตน เช่น ที่ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ก็ได้ร่วมกับสถาบันการศึกษา นักศึกษาอาชีวะ ขอขอบคุณ อาสาสมัครมา เอาชั่วโมงเรียนที่ต้องฝึกงานนั้นมาฝึกงานในพื้นที่จริง มีการมาฝึกการทาสีรั้ว ทาสีกำแพง อาคารต่างๆ ให้ดูใหม่ขึ้น แล้วก็รักษาของเดิมไว้ไม่ให้เสียหาย พร้อมทั้งได้ความรู้ในการทำนุบำรุงสถานที่ราชการ ตามหลักวิชาการ ซึ่งมีความสำคัญสำหรับคนไทยทุกคน" นายกฯ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี