ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทยโผล่สับรัฐบาล 4 ปีมือเติบถลุงเงินงบเกินดุลไปมากกว่า 1.8 ล้านล้านบาท เตือนชะลอเมกกะโปรเจก แนะแก้ปัญหาปากท้องประชาชนลดหนี้ท่วมรายได้หด ก่อนยอดรายได้ครัวเรือนดิ่งเหว
17 ก.ค. 61 นายวิม รุ่งวัฒนจินดา ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทยในขณะนี้ว่า ในภาพรวมเวลานี้เราคงต้องยอมรับความจริงกันแล้วเศรษฐกิจประเทศไทยตกต่ำย่ำแย่ลงมาก อย่าหวังกับตัวเลขที่ภาครัฐเอามาโชว์ โตเท่านั้นเท่านี้ เนื่องจากสภาพความเป็นจริงมันสวนทางกัน เวลานี้คำพูดที่ติดปากพ่อค้าแม่ค้าคือ ขายไม่ดี ไม่มีคนซื้อ ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่ารอปิดกิจการ
ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยเดินมาถึงจุดนี้ มาจากความไม่เชื่อมั่นในรัฐบาลของนักลงทุนและตลาดผู้บริโภคโดยจะเห็นได้จากตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มอาเซียน ที่ขยายตัวในอัตราที่สูงกว่า 5-10 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ขณะที่ประเทศไทยขยายตัวต่ำไม่ถึง 3 เปอร์เซ็นต์ของ จีดีพี การทุจริตคอรัปชั่นที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากโครงการลงทุนของภาครัฐ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการแบ่งผลประโยชน์แทบทุกโครงการทำให้บริษัทข้ามชาติ และนักลงทุนชะลอการเข้ามาลงทุน แม้จะมีตัวเลขการจดทะเบียนบริษัทจัดตั้งใหม่เกิดขึ้น
นายวิม กล่าวต่อว่า ขณะที่ภาครัฐไม่มีมาตรการกระตุ้นใดๆ ที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัว แม้ว่า การใช้เงินงบประมาณรายจ่ายตลอด 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาล คสช ใช้งบเกินดุลไปมากกว่า 1.8 ล้านล้านบาทก็ตาม แต่งบฯดังกล่าว ไม่ได้ถูกนำไปใช้เพื่อการแก้ไขปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชนเลย โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตร ทำให้เกษตรกรกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ของประเทศอยู่ในภาวะยากจนลง ขณะที่เงินภาษีของประชาชนรัฐบาลกลับนำไปใช้กับการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ และโครงการขนาดใหญ่ที่เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ นอกจากนี้การจัดซื้ออาวุธให้กับกองทัพมากกว่าปกติ ทำให้นักวิชาการหลายคนเริ่มมองเห็นเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ต้องการเปลี่ยนสนามการค้าให้เป็นสนามรบ อีกครั้งหรือไม่
นายวิม ยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดในเวลานี้ คือหนี้สินภาคครัวเรือนที่ขยับสูงขึ้นถึง 95 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ ทำให้เกือบทั้งหมดของรายได้ต้องนำไปชำระหนี้ เกษตรกร และผู้มีรายได้น้อยต้องเดินเข้าสู่กับดักของหนี้นอกระบบ กลายเป็นทาสของนายทุนที่ปล่อยเงินกู้แบบรายวัน ขณะเดียวกันการออกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กลับกลายเป็นกำแพงปิดกั้นการเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างสถาบันการเงินไปอย่างสิ้นเชิง เพราะแบงก์จัดกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นบุคคลที่ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ จึงไม่สามารถปล่อยกู้ให้กับประชาชนกลุ่มนี้ได้
“อยากฝากถึงรัฐบาลควรเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในระดับฐานรากเป็นการด่วน อย่ามัวแต่เล่นเกมการเมืองโดยเฉพาะปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน และควรชะลอการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ไว้ก่อนเนื่องจากเวลานี้ เศรษฐกิจของประเทศตกต่ำมาก โครงการขนาดใหญ่อาจไม่จำเป็นเท่ากับความเดือดร้อนของประชาชน” นายวิม กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี