‘ณัฐวุฒิ’ยอมรับเสียงอ่อย
ดูดได้ดูดไป
ไม่ห้าม‘สุพร’ชิงหนี‘นปช.’
ย้ายมุ้งซบ‘พลังประชารัฐ’
โรคหวัดตามเล่นงาน‘บิ๊กตู่’
โรคหวัดเล่นงาน “บิ๊กตู่” ยันจัดครม.สัญจรอีสานไม่ได้ไปดูดใคร เพื่อไทยเลือดไหลต่อเนื่อง “ณัฐวุฒิ” ไม่ห้าม “แรมโบ้” มุดซบ “พลังประชารัฐ” เป็นสิทธิส่วนตัว ทุกอย่างประชาชนตัดสินเผยคนออกไปน้อยแต่จะไหลเข้ามา 3-4 เท่า “มีชัย” ชี้ 5 เสือถกเลือกปธ.กกต. 31 กรกฎาคม ระบุสายศาลมาแรง แบะท่าพร้อมให้คำแนะนำ
เมื่อบ่ายวันที่ 17กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึง กระแสวิพากษ์วิจารณ์การลงพื้นที่ประชุม ครม.สัญจรที่ จ.อุบลราชธานี ถูกโยงเป็นเรื่องการเมืองว่า อย่ามองเป็นเรื่องการเมืองอย่างเดียว แต่เป็นการทำงานลักษณะส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น และการขับเคลื่อนและติดตามงานหลายโครงการของรัฐบาลที่ทำมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา หากมีส่วนใดติดขัดรัฐบาลก็จะเพิ่มเติมให้
อย่างไรก็ตามในการลงพื้นที่ไม่ใช่นายกฯ ไปคนเดียว แต่ไปกันทั้งครม. ที่กำกับกูแลงานตามฟังชั่น อีกทั้งเป็นการบูรณาการกับคณะกรรมการระดับจังหวัด ระดับกลุ่มจังหวัดและระดับภาค ซึ่งที่ผ่านมามีโครงการไทยนิยมลงไปในระดับพื้นที่อยู่แล้ว จึงเป็นการทำงานในรูปแบบประชารัฐ และขอให้ติดตามว่าอะไรเป็นความคืบหน้า ซึ่งตนไม่อาจพูดได้ว่าที่ทำนั้นดีที่สุด แต่เชื่อว่าไม่ได้แย่ที่สุด และไม่มีใครมีเจตนาไม่ดี เพราะรัฐบาลนี้ไม่มุ่งหวังทางการเมืองใดๆทั้งสิ้น ขอยืนยัน ส่วนเรื่องการเมืองก็ว่ากันไป ตนไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวหลังการประชุมครม. ในวันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ มีน้ำเสียงแผ่วเบา และใช้เวลาแถลงข่าวเพียงประมาณ 10 นาที โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในช่วงท้ายว่า “ต้องขอโทษที่พูดเยอะไม่ได้ เพราะยังเป็นหวัดอยู่ เดี๋ยวจะติดเชื้อ
เชิญดูดไปเลยถ้าทำเพื่อชาติ
วันเดียวกันนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีกลุ่มสามมิตรดูดตัวส.ส.พรรคเพื่อไทยว่า นปช.และมวลชนส่วนใหญ่ที่ร่วมต่อสู้กันมาทุกคนยังยืนยันในหลักการประชาธิปไตยและไม่ได้ต่อต้านการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตร ไม่ได้ไปกดดันกับมวลชนว่าห้ามไปร่วมกับกลุ่มสามมิตร ถ้าหากกลุ่มสามมิตรคิดว่าขบวนการดูดดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการทางการเมืองก็ทำได้
ไม่ขวาง”สุพร อัตถาวงศ์”ย้ายมุ้ง
เมื่อถามว่าขบวนการดูดแกนนำนปช.มีการต่อรองเรื่องคดีความโดยเฉพาะนายสุพร อัตถาวงศ์ อดีตส.ส.นครราชสีมาที่มีคดีความอยู่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เท่าที่จำได้นายสุพรได้ประกาศยุติบทบาททางการเมืองและได้สาบานที่อนุสาวรีย์ย่าโม หลังจากการยึดอำนาจของ คสช.ได้ไม่นานจากนั้นตนก็ไม่ได้พบกับนายสุพรอีกเลย
“ถ้าเขาตัดสินใจร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็ถือเป็นสิทธิ์โดยชอบของ นายสุพร ซึ่งความเป็นนปช.ดำรงอยู่ตามหลักการประชาธิปไตยเมื่อใดก็ตามที่ใครทิ้งหลักการนี้หรือไปสนับสนุนขบวนการสืบทอดอำนาจก็ถือว่าสิ้นสภาพความเป็น นปช.ไม่ใช่ตนหรือแกนนำเป็นคนตัดสินแต่อยู่ที่หลักการเป็นคนตัดสิน”นายณัฐวุฒิ กล่าว และว่าเมื่อมีคนออกไป แต่ตนเชื่อว่าจะมีคนไหลเข้ามาอีก3-4 เท่า
ทั้งนี้ผู้มีอำนาจจะมองนปช.เป็นปรปักษ์ต้องทำให้ย่อยสลายไป แต่ความจริงตลอด 4 ปีเราไม่ลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับผู้มีอำนาจเราสงบอยู่ในที่ตั้ง ดังนั้นถ้าฝ่ายผู้มีอำนาจจะดูดหรืออะไรต่อไปตนก็ไม่ห้ามก็ขอให้ไปเต็มที่ ส่วนประชาชนจะตัดสินใจอย่างไรก็ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชนด้วย
‘ชูศักดิ์’วอน คสช.ต้องทำให้ชัด
นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย ได้ให้ความเห็นต่อกรณีที่มีหลายกลุ่มการเมืองได้เคลื่อนไหวทางการเมืองในรูปแบบต่างๆ ในขณะนี้ว่า หากพิจารณาข้อห้ามตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ที่ห้ามมิให้ผู้ใดมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆที่มีจำนวนตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป จะเห็นได้ว่า คำสั่งดังกล่าวมีลักษณะเป็นการห้ามเด็ดขาด ปัญหาจึงมีอยู่ว่าอะไรคือการมั่วสุม อะไรคือการชุมนุมทางการเมือง
ที่ผ่านมารู้สึกว่า คสช. หรือฝ่ายความมั่นคงจะตีความเรื่องดังกล่าวไม่อยู่กับร่องกับรอยเท่าไรนัก ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่มีสมาชิกพรรคพท. สามคนขึ้นไปแถลงติชมวิพากษ์วิจารณ์ผลงาน 4 ปี ของรัฐบาล คสช. ทั้งที่การแถลงในลักษณะดังกล่าวสมาชิกพรรคก็ทำมาตลอดตั้งแต่หลังการยึดอำนาจและถือว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อมวลชนและก็มีเพียง 3 คน ไม่ใช่ 5 คน แต่ คสช. ก็มอบให้คนไปแจ้งความร้องทุกข์เอาผิด แถมยังพ่วงว่าเป็นการยุยงปลุกปั่น เป็นความผิดต่อความมั่นคงเข้าไปอีก
แต่ขณะนี้มีหลายกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มที่สื่อตั้งชื่อว่าสามมิตร ได้แสดงออกโดยเปิดเผยถึงวัตถุประสงค์ทางการเมืองด้วยการชักชวนหรือดูดอดีต ส.ส. นำไปร่วมพรรคของตน มีการตั้งโต๊ะแถลงข่าวหลายครั้งหลายหน และก็มีจำนวนเกินกว่า 5 คน แต่กลับพบว่า คสช. และฝ่ายความมั่นคงนิ่งเฉยแถมยังมีแกนนำรัฐบาลบางคนออกมาปกป้องแก้ต่างให้ด้วยซ้ำว่าไม่ผิด เรื่องนี้จึงเข้าใจได้ว่ามีการเลือกใช้มาตรการข้อห้ามตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 กับบุคคลที่แตกต่างกันหรือไม่ หากเป็นพวกตนเองก็ไม่ผิด แต่ถ้าเป็นฝ่ายตรงข้ามก็วิจารณ์รัฐบาลผิดใช่หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลควรทำให้ชัดไม่เลือกปฎิบัติ
ลุ้นเคาะประธานกกต.31กค.
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกระแสข่าวล็อบบี้เลือกประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ ว่า จะไปตั้งข้อรังเกียจหรือระแวงไม่ได้มันก็แบบนี้ทุกครั้ง คงต้องพูดคุยกันก่อนว่าใครเป็นอย่างไรเหมาะสมแค่ไหนใครดีที่สุด เป็นของธรรมดา อย่าไปคิดว่าล็อบบี้ ประธานต้องมีหลายอย่างผสมกัน ต้องมีภาวะผู้นำมากกว่าอีก 4 คน ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา จะเป็นตัวเต็งนั้น ก็ไม่ได้มีอะไรบังคับว่าจะต้องมาจากสายไหน แต่สายศาลส่วนใหญ่มักมีความอาวุโส และมีความสามารถทำหน้าที่ได้
“ภาพรวม กกต. 5 คนที่ได้มา ตรงตามที่เขียนรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตอนนี้ตอบไม่ได้ ต้องรอดูทำงานก่อนอดีตเขาอาจเคยมีการทำงานในอีกสถานะหนึ่ง ก็ต้องดูบทบาทในสถานนะนี้ ซึ่งต้องให้เวลาเขาศึกษารายละเอียดการทำงานก่อน เพราะมีที่มากันคนละทิศเราต้องให้กำลังใจ แนะนำเขาบ้าง เพราะวิธีการเลือกตั้งเป็นของใหม่ “ นายมีชัยกล่าว
และว่า สิ่งแรกที่กกต.ใหม่ต้องทำคือศึกษารัฐธรรมนูญเจตนารมณ์มุ่งหมายอะไร กฎหมายเลือกตั้งกับกฎหมายกกต.ให้เครื่องมืออะไรไป และให้เขาแข็งขันทำหน้าที่ให้ลุล่วง มีอะไรสงสัยให้ช่วยหาทางออก มาถามคนที่รู้หรือ กรธ.ก็ยินดี ที่จะบอกเล่าว่าเราคิดอะไร แม้เวลานั้น กรธ.คงไม่ได้อยู่ปฏิบัติหน้าที่แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องเชื่อ แต่เป็นความเห็นที่อาจนำไปขยายผลต่อ ส่วนข้อสังเกตว่า กกต.ยังไม่ครบ 7 คนจะมีปัญหาเรื่ององค์ประชุมที่ทั้ง5 คนไม่สามารถขาดได้หรือไม่นั้น เมื่อรู้ข้อจำกัดทุกคนก็ต้องพยายามทำให้ได้จนกว่าจะได้อีก 2 คน ที่ไม่น่าเกิน 4 เดือนโดยทั้ง 5 คนที่มี ก็ไม่จำเป็นต้องประชุมทุกเรื่อง อาจแบ่งกันไปทำแล้วมามานั่งหารือกัน เพื่อให้ความเห็นชอบก็ได้ ไม่น่าเป็นปัญหา อยู่ในช่วงเตรียมการการเลือกตั้ง ยังไม่ใช่ช่วงการเลือกตั้ง ไม่จำเป็นต้องไปลงโทษใครจึงยืนยันว่าทำงานได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี