19 ก.ค.61 พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยภารกิจด้านต่างประเทศของนายกรัฐมนตรีว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 19 - 20 ก.ค.61
โดยพล.ท.วีรชน กล่าวว่า การเดินทางเยือนภูฏานอย่างเป็นทางการครั้งนี้ เป็นการตอบรับคำเชิญของดาโช เชริง โตบเกย์ (Dasho Tshering Tobgay) นายกรัฐมนตรีภูฏาน เมื่อครั้งเยือนไทยและเข้าพบหารือกับนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีจะใช้โอกาสนี้กระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทย - ภูฏาน ให้มีความแน่นแฟ้นในทุกมิติ โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน การท่องเที่ยว สาธารณสุข และการพัฒนาประเทศตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
พล.ท.วีรชน กล่าวว่า กำหนดการเยือนราชอาณาจักรภูฏาน และภารกิจสำคัญของนายกรัฐมนตรี โดยสรุปดังนี้ วันที่ 19 ก.ค.61 เวลา 07.55 น. นายกรัฐมนตรีและภริยา พร้อมด้วยคณะเดินทางออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเดินทางถึงท่าอากาศยานพาโร (Paro Airport) เมืองพาโร ราชอาณาจักรภูฏาน ในเวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (เวลาที่เมืองพาโรช้ากว่าเวลาที่กรุงเทพฯ 1 ชั่วโมง) เมื่อเดินทางถึงนายกรัฐมนตรีจะเดินต่อไปยังไปยังพระราชวังทาชิโช (Tashichhodzong) โดยขบวนเกียรติยศแบบพื้นเมือง (Chipdrel) เพื่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก (His Majesty King Jigme Khesar Namgyel Wangchuck, the Fifth Druk Gyalpo) สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรภูฎาน ณ พระราชวังทาชิโช
ขณะที่ช่วงบ่าย เวลา 16.45 น. นายกรัฐมนตรีพบหารือกับนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรภูฏาน ณ สำนักนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรภูฏาน ภายในอาคารรัฐสภา (Gyalyong Tshokhang) และช่วงค่ำในวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรภูฏานจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรี และคณะ ณ อาคารจัดเลี้ยง (Royal Banquet Hall) สำนักนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรภูฏาน
พล.ท.วีรชน กล่าวว่า สำหรับวันที่ 20 ก.ค.61 ช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีและภริยาเดินทางไปยังเจดีย์อนุสรณ์สถานแห่งชาติ (National Memorial Chorten) เพื่อประกอบพิธีจุดตะเกียงตามธรรมเนียมพื้นเมือง และเยี่ยมชมร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (One Gewog One Product: OGOP) ก่อนจะเดินทางกลับประเทศไทย ในเวลา 16.00 น. และเดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเวลา 21.50 น.
ทั้งนี้ไทยและราชอาณาจักรภูฎานสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2532 ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดทั้งในระดับราชวงศ์ รัฐบาล และประชาชน รวมทั้งยังมีความเชื่อมโยงทางพุทธศาสนา สังคมและวัฒนธรรม โดยเฉพาะสถาบันกษัตริย์เป็นจุดเชื่อมโยงจิตใจของประชาชนทั้งสองประเทศด้วย ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ส่วนใหญ่อยู่ในบริบทของความร่วมมือทางวิชาการ โดยภูฏานมองไทยเป็นแบบอย่างในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่สอดคล้องกับทฤษฎีความสุขมวลรวมประชาชาติ (Gross National Happiness - GNH) ของภูฏาน
สำหรับโครงการความร่วมมือที่สำคัญ อาทิ โครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โครงการผลิตภัณฑ์ OGOP (One Gewog One Product) ของภูฏาน และโครงการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบทางการเกษตรในพระราชดำริของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก (Chimipang Frontline Agriculture Demonstration and Training Project) ณ เมืองพูนาคา ซึ่งได้น้อมนำหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้เป็นต้นแบบ สำหรับการออกแบบโครงการด้านระบบชลประทานและการบริหารจัดการน้ำสำหรับโครงการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ฯด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี