20 ก.ค.61 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ครั้งที่ 4/2561 ว่า วันนี้ได้มีการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งปกติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติจะดูแลสุขภาพของประชาชนทั่วไป แต่วันนี้ได้เน้นให้ดูแลเรื่องคุณภาพอาหารของโรงเรียน โดยมีการขับเคลื่อนทุกเขตที่จะเข้าไปให้ความสำคัญกับอาหารของโรงเรียน ซึ่งจะเดินหน้าตั้งแต่เดือน ส.ค.นี้ เป็นต้นไป นอกจากนี้ ได้พิจารณาการดูแลผู้สูงอายุให้มีสุขภาพพลานามัยที่ดี และผลักดันให้มีการออกกำลังกาย ที่สำคัญได้พิจารณาเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของพระสงฆ์ ซึ่งเมื่อปลายปี 60 เรามีธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติเกิดขึ้นแล้ว และมีการเดินหน้ามาตลอด แต่ยังไม่คืบหน้ามากนัก
พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงสาธารณสุข มีโครงการ 1 วัด 1 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ส่วนกระทรวงวัฒนธรรมมีเรื่องของบวร คือ บ้าน วัด โรงเรียนมาร่วมกัน โดยที่ประชุม เห็นว่าจะนำทั้ง 3 โครงการนี้มาขับเคลื่อนพร้อมกัน โดยผ่าน รพ.สต.เป็นหลัก ทั้งนี้ สิ่งที่เราต้องเข้าไปดูแลคือการจัดทำระบบฐานข้อมูล เพราะปัจจุบันพระหลายรูปไม่มีเลขประจำตัว 13 หลัก รวมถึงจัดทำฐานข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพพระ โดยจะมีการอบรมจากคิลานุปัฏฐาก (คิ-ลา-นุ-ปัด-ถาก) หรือพยาบาลคนไข้ที่ใช้เฉพาะพระสงฆ์ ซึ่งปัจจุบันมีการดำเนินการไปแล้ว 6 เขต และจะดำเนินการต่อไปให้ครบทุกเขต
พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า เมื่อคิลานุปัฏฐาก มีการอบรมพระให้ได้รู้ถึงการดูแลสุขภาพแล้ว ทั้งในเรื่องของการฉันอาหาร และการออกกำลังกายของพระ ซึ่งจะต้องทำร่วมกับมหาเถรสมาคม (มส.) เพราะอย่างการออกกำลังกายของพระบางท่าอาจจะเลยเถิดไป ซึ่งอาจไม่เหมาะสมกับสิ่งที่พระสงฆ์ควรปฏิบัติ ดังนั้นก็จะต้องมาคิดร่วมกันว่าทั้งในเรื่องของอาหาร และสุขภาพพระ จะต้องทำอย่างไร
"สำหรับเรื่องของอาหารพระสงฆ์ ทางคิลานุปัฏฐากจะพิจารณาว่าอาหารที่ญาติโยมนำมาถวายนั้น พระสงฆ์ควรฉันหรือไม่ หรือควรฉันมากน้อยแค่ไหน พร้อมทั้งจะแนะนำญาติโยมด้วยว่าการถวายอาหารพระสงฆ์ ควรมีลักษณะแบบไหน ไม่ควรหวานหรือเค็มหรือมันมากเกิน ทั้งนี้หลังจากพระสงฆ์ ได้รับการอบรมจากคิลานุปัฏฐาก จนมีความเข้าใจแล้วก็จะสามารถไปเทศน์หรือให้ความรู้กับญาติโยมต่อได้ และเมื่อทั้งพระสงฆ์และซาติเข้าใจก็จะทำให้เป้าหมายของสมัชชาสุขภาพแห่งชาติบรรลุผลเร็วขึ้นด้วย ซึ่งผมเห็นว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี"
รองนายกฯ กล่าวด้วยว่า คาดว่าโครงการทั้งหมดนี้จะสามารถเปิดได้ประมาณกลางเดือน ส.ค.ซึ่งเป้าหมายที่กำหนดไว้ คือ ภาคอีสาน โดยจะมี รพ.สต.กับวัดที่จับมือคู่กันแล้ว 5,403 แห่ง เป็นจุดเริ่มต้น และจะมีการขยายออกไปทั่วประเทศ ซึ่งหลังจากเปิดโครงการแล้วน่าจะใช้เวลาประมาณ 4 - 5 เดือน ในการประเมินผล และจะสามารถวัดผลได้ประมาณปลายปีนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี