คว่ำผู้ตรวจการเลือกตั้ง
สนช.จ่อถอย
หวั่นส่งผลเสียระยะยาว
รัฐบาลไม่ให้ราคา‘ทักษิณ’
ทำสงครามประชาธิปไตย
สะกิดกกต.เตือนสามมิตร
อย่าดูดเพลินจนผิดกฎหมาย
สนช.จ่อถอยล้มผู้ตรวจการเลือกตั้ง หวั่นสภานักการเมืองอาศัยช่องล้ม กม.ประกอบรัฐธรรมนูญ จนเกิดปัญหาระยะยาว ด้าน “ไก่อู” ไม่ให้ราคาทักษิณประกาศทำสงครามประชาชน สะกิดกกต.เบรก “สามมิตร”เดินหน้าดูดหวั่นผิดกฎหมาย ในขณะที่“ศุภชัย สมเจริญ”ย้ำอาจชงใช้ม.44 ทุบโต๊ะแบ่งเขตเลือกตั้งผู้แทน
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะตรวจสอบกรณีการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมือง
ทั้งที่ผ่านมากลุ่มสามมิตรระบุว่าเดินสายเพื่อรับฟังความเห็นให้รัฐบาล ว่า ทุกอย่างต้องว่าไปตามกฎหมาย หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่าใครทำผิดก็ว่าไปตามกฎหมายได้เลย ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้ติดตามว่า กลุ่มสามมิตรไปทำอะไร แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เคยย้ำเสมอว่ากฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ดังนั้นหากมีกฎกติการะบุว่า ห้ามทำอะไรโดยพรรคการเมืองหรือโดยกลุ่มการเมืองก็ต้องห้ามทำ ซึ่งจะถูกหรือไม่ถูกก็ต้องไปดูหลักเกณฑ์ในข้อกฎหมาย โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องเป็นผู้ดำเนินการ หาก กกต.เห็นว่าไม่เหมาะ ก็ต้องไปดำเนินคดี
เมื่อถามถึงความเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาประกาศไม่ยอมแพ้ พร้อมระบุว่า สงครามประชาธิปไตยยังไม่จบ พล.ท.สรรเสริญ กล่าวเพียงว่า”ผมขอไม่วิพากษ์วิจารณ์ท่าน เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่กว่า เอาเป็นว่าเรื่องนี้สังคมคงจะพิจารณาได้และรัฐบาลก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย”
โฆษกสามมิตรลั่นทัวร์ไม่ผิดกม.
ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร กล่าวถึงกรณี นายศุภชัยสมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จะตรวจสอบความเคลื่อนไหวกลุ่มสามมิตรว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มไม่น่าจะผิดกฎหมาย เนื่องจากเป็นกลุ่มประชาชน ไม่ได้เป็นพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ((พรป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง กลุ่มสามมิตรไปรับฟังปัญหาประชาชน จึงไม่น่าจะขัดคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่3/2558 ที่ห้ามชุมนุมหรือมั่วสุมทางการเมืองตั้งแต่ 5คนขึ้นไป เพราะการลงพื้นที่ของกลุ่มสามมิตรคือการรับฟังปัญหาประชาชนทั้งสิ้น ไม่ใช่การเคลื่อนไหวทางการเมือง
ชงใช้ม.44 แบ่งเขตเลือกตั้ง
ก่อนหน้านี้ นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีการแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งว่า เป็นไปตามกฎหมายที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ออกมา เพราะหากไม่ปฏิบัติตามก็จะถูกร้องตามมาตรา 157 ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ ตราบใดที่ยังไม่มีการแก้ไข กกต. ก็ดำเนินการตามตารางเวลาของ กกต. ขณะเดียวกันยืนยันว่า ไม่มีการวางคนของเรา ไม่จำเป็นที่จะไปตั้งคนของเรา ส่วนจะมีผลกระทบต่อการตรวจสอบการทำงานหรือไม่ ตรงนี้ยังตอบอะไรไม่ได้ เพราะสนช.ยังไม่ได้ยื่นเรื่องเพื่อขอแก้กฎหมาย ดังนั้น กกต.ชุดของตนได้ปฏิบัติตามกฎหมายที่มีอยู่ และไม่ได้ไปละเมิดกฎหมายแต่อย่างใด
“ในช่วง 90 วัน ระหว่างรอ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ประกาศใช้ จะขอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้มาตรา 44 เพื่อให้อำนาจ กกต. ทำการแบ่งเขตการเลือกตั้งก่อน เพื่อพรรคการเมืองทำไพรมารีโหวตได้ เพราะถ้าไม่มีเขตเลือกตั้งที่แน่ชัดก็ยังไม่สามารถทำไพรมารีโหวตได้” ประธาน กตต. กล่าว
‘นิกร’เห็นใจ’กกต.’หนังหน้าไฟ
ขณะที่ นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงกรณี กกต.จะตรวจสอบกรณีกลุ่มการเมือง เช่น กลุ่มสามมิตร หรือพรรคการเมือง เดินสายพบปะประชาชนในพื้นที่ต่างๆเป็นการกระทำนั้นผิดพรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 หรือไม่ ว่า เรื่องดังกล่าว เป็นหน้าที่ของ กกต.แต่เหมือนกกต.ตกเป็นหนังหน้าไฟ จะไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม จะต้องมองข้อกฎหมายเรื่องนี้เป็นสองอย่าง สำหรับกฎหมายพรรคการเมือง กลุ่มการเมืองที่ยังไม่เป็นพรรคการเมืองอาจจะไม่ผิด แต่ถ้าเป็นพรรคการเมืองคงมีปัญหา ทั้งนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็มีปัญหานั่นคือ ขัดคำสั่ง คสช.ที่57 ที่สั่งไม่ให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองใดๆเกิน5คน ในขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เคยระบุว่า การไปทาบทามสมาชิกนั้นถือว่าไม่เป็นไร ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและตีความยาก จึงกลายเป็นว่า กกต.เป็นหนังหน้าไฟไป ตกอยู่ในสภาวะที่อยู่ยาก ไม่ทำอะไรก็ไม่ได้ ทำก็อาจมีปัญหาในช่วงใกล้หมดวาระก็น่าเห็นใจ
วอนทุกฝ่ายนิ่ง-รอคสช.ปลดล็อค
“ถ้ากกต.ไม่ทำอะปัญหาก็จะไหลไปที่ คสช.ผมมองว่า เป็นการปรามมากกว่า แต่ถ้ายังฝืนทำกันต่อไปจะเป็นปัญหาทั้งองค์รวมในอนาคต ไม่เป็นผลดีแก่ทุกฝ่าย ดังนั้นอีกไม่กี่วันก็จะคลายล็อคแล้ว เพื่อให้ไปต่อกันได้ ผมคิดว่าน่าจะเบาๆลงกันหน่อยก็ดีเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นกลายเป็นว่าอีกข้างทำได้ อีกข้างทำไม่ได้ มันจะลักลั่นกัน คงไม่ดีต่อทุกๆคน รอให้คลายล็อคแล้วทุกๆคนก็ดำเนินการกันไปอย่างเสมอกัน”
หนุนต้องมีผู้ตรวจการเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี กกต.ต้องการขอใช้ ม.44 แบ่งเขตเลือกตั้ง นายนิกร กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องการกำหนดเขตเลือกตั้งนั้นเป็นปัญหา เนื่องจากไปผูกกันหมดทั้งเขตเลือกตั้ง เรื่องตัวแทนประจำจังหวัด เพราะหากไม่มีเขตเลือกตั้งจะเริ่มทำอะไรไม่ได้ ทั้งนี้ผู้กำกับสองเรื่องคือ ต้องมีกฤษฎีกา และในการทำจะต้องให้ประชาชนหรือพรรคการเมืองให้ความเห็น แต่ถ้าให้ความเห็นก็จะกลายเป็นกิจกรรมทางการเมืองซึ่งจะขัดกับคำสั่งคสช.ดังนั้น หากไม่ใช้ม.44 กกต.ก็ไม่มีสิทธิทำอะไรได้ ทั้งนี้ ผู้รับฟังความเห็นในระดับจังหวัดคือผู้ตรวจการเลือกตั้ง ซึ่งถ้าไม่มีตรงนี้ตรงนั้นก็ทำไม่ได้ เพราะกกต.ส่วนกลางลงไปทำก็ไม่ได้ จึงเป็นเหตุให้กกต.ต้องไปตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งขึ้นมาก่อน เพื่อรอดำเนินการเรื่องนี้ จุดนี้อาจทำให้การเลือกตั้งยืดออกไป
แก้’พรป.กกต.’เลือกตั้งยืดชัวร์
‘ส่วนเรื่อง สนช.เสนอแก้ไข พรป.ว่าด้วยกกต.ในส่วนผู้ตรวจการเลือกตั้งนั้น เขาอาจคิดกันว่าเป็นเรื่องง่ายแต่ในความจริงนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะเป็นการแก้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ แล้วที่พูดกันว่าไม่กระทบการเลือกตั้งนั้นจะไม่กระทบได้อย่างไร ต้องกระทบแน่นอนและกระทบต่อผู้มีอำนาจอยู่ในขณะนี้คือพุ่งไปหา คสช.ผมถึงได้บอกว่า มันจะเสียไม่คุ้มได้ เรื่องเหล่านี้เป็นประเด็นผูกโยงกันไปหมด”
มาร์คชี้’แม้ว’ท้ารบสกัดดูดสาวก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีความเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาประกาศในทำนองสงครามยังไม่จบ ยังไม่ยอมเเพ้และต้องต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต่อว่า กรณีดังกล่าวคงเป็นปฏิกิริยาจากภาวะที่กำลังเกิดการตั้งคำถามว่าพรรคของนายทักษิณและพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า กำลังเผชิญปัญหาเรื่องการดูด จนมีคนตั้งข้อสงสัยว่ายังสู้อยู่หรือไม่ เพราะนายทักษิณ พยายามปลุกขวัญกำลังใจฝ่ายของตนเอง โดยบอกว่า เป็นการสู้กันบางช่วงอาจแพ้แต่สุดท้ายจะชนะและพยายามบอกว่า ตัวเองสู้เพื่อประชาธิปไตย
ทั้งนี้ดูจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น แม้พื้นฐานพรรคเพื่อไทย ยังได้เปรียบอยู่ แต่หากประชาชนที่สนับสนุนตั้งคำถามว่า เอาจริงหรือไม่ ขณะที่อดีต สส.ของพรรคถูกดูดไป เขาก็อาจไม่มั่นใจ ซึ่งการปลุกขวัญพรรคเพื่อไทยไม่ใช่เรื่องแปลกและตนก็เคยพูดหลายครั้งแล้วว่า เป็นเรื่องยากที่ นายทักษิณ จะยอม นอกจากนี้ สิ่งที่ตนเป็นห่วงมี 2เรื่อง คือ 1.การมีความเชื่อว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดคือประชาธิปไตยและ2.ความกังวลเรื่องความรุนแรงว่าจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่
ซัดคสช.เกียร์ว่าง-สามมิตรขยับ
เมื่อถามว่า กรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่ในสามก๊กทางการเมืองนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ เกี่ยวกับสามก๊ก เพราะคนที่เคลื่อนไหวในขณะนี้พูดชัดเจนว่า สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ได้เกี่ยวข้องก็ตาม ส่วนการดูดของกลุ่มสามมิตรกับการเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ตนมองว่าเป็นการสู้กัน แต่เป็นการสู้กันในเรื่องที่ผิดตั้งแต่ต้น ด้วยการมองเรื่องผลประโยชน์ หากสู้ด้วยสงครามแบบนี้ตนมองไม่เห็นว่า ประเทศชาติจะชนะได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตร ไม่ใช่พรรคการเมือง ดังนั้นการทำในสิ่งที่กฎหมายห้ามพรรคการเมืองกลุ่มสามมิตรอาจจะไม่ผิด แต่ทำไม กกต.ต้องเป็นคนที่ออกมาเตือนกลุ่มสามมิตร ทั้งที่เป็นหน้าที่ของ คสช.แต่ที่ กกต.ต้องออกมาทักท้วง อาจเพราะคสช.ไม่ทำอะไรและที่ผ่านมามีการบอกว่า การเคลื่อนไหวไม่ได้เป็นการไปช่วยรัฐบาล แต่เป็นเรื่องการเมือง
ชี้ไม่ปลดล็อคก่อปัญหาเป็นลูกโซ่
“ผมมองว่าทั้งสองฝ่ายคงพยายามที่จะเข้าครอบงำพรรคการเมือง แต่คงจะต้องดูว่าพรรคการเมืองยอมที่จะถูกครอบงำหรือไม่ อย่างไรก็ตาม มองว่าปัญหาดังกล่าวเกิดจากการไม่ปลดล็อก เพราะทำให้มีช่องโหว่ให้คนที่ยังไม่จัดตั้งพรรคการเมืองทำกิจกรรมต่างๆได้ แต่พรรคการเมืองที่มีอยู่แล้วกลับทำอะไรไม่ได้”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
สนช.ส่อถอยล้มผู้ตรวจการฯ
แหล่งข่าวจากสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มสมาชิกสนช.ที่ร่วมกับนายมหรรณพ เดชวิทักษ์ สมาชิกสนช. ในการเสนอแก้ไขพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พ.ศ.2560 เพื่อยกเลิกการสรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้ง ได้รับการประสานจากวิปสนช.บางรายว่าขอให้ทบทวนการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสนช. เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาระยะยาว
แหล่งข่าวจากสนช. กล่าวว่า สาเหตุที่ขอให้มีการทบทวนการเสนอกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากไม่ต้องการให้ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายที่มีความสำคัญลำดับรองลงมาจากรัฐธรรมนูญถูกแก้ไขได้ง่ายเหมือนกับกฎหมายทั่วไป นอกจากนี้ หากสนช.ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติไปริเริ่มแก้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเอง โดยที่องค์กรอิสระในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมายไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มแล้ว อาจเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ผิดในอนาคตได้
“โดยเฉพาะสภาผู้แทนราษฎรจะอาศัยแนวทางที่สนช.ทำไว้ ด้วยการให้สส.เข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญอย่างน้อย 1 ใน 10ของสภาฯแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่ตราขึ้นตามรัฐธรรมนูญพ.ศ.2560 เช่น กฎหมายพรรคการเมืองเพื่อยกเลิกการทำไพรมารี่โหวต หรือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ซึงจะส่งผลเสียในระยะยาว” แหล่งข่าวจากสนช.ระบุ
และว่า ทางออกของเรื่องนี้ คือ หากกกต.ชุดปัจจุบันตัดสินใจว่าจะไม่ลงนามรับรองผู้ที่ผ่านการสรรหาเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้ง โดยให้กกต.ชุดใหม่ที่กำลังรอการโปรดเกล้าฯ มาทำการตรวจสอบรายชื่ออีกครั้ง วิปสนช.จะแจ้งข้อมูลไปยังคณะสนช.ที่ริเริ่มเสนอกฎหมายให้ทบทวนต่อไป
รับฟังข้อมูลร่างพรบ.ข้าว
ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ซิตี้ จอมเทียน จ.ชลบุรี นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) พร้อมด้วยสมาชิกสนช. อาทิ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ พล.อ.มารุต ปัชโชตะสิงห์ และนายกรรณภว์ ธรภรรคกวิน ลงพื้นที่รับฟังความเห็นของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 67 จังหวัดกว่า 1,000 คน เพื่อนำความเห็นของประชาชนไปประกอบการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ข้าว พ.ศ. .... โดยนายพีระศักดิ์กล่าวว่า ขั้นตอนในวันนี้คือการรับฟังเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายมาตรา 77 วรรคสองของรัฐธรรมนูญ 2560 สนช.ใช้สิทธิของสมาชิก 25 คนขึ้นไปเสนอกฎหมายนี้ก่อนที่จะยื่นให้ประธานสนช.รับเรื่อง โดยได้รับความร่วมมือจากอธิบดีกรมการข้าวและประชาชนจากทั่วประเทศกว่า 1,000 คน อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องผลกระทบจากพ่อค้าหรือใครก็ตามนั้นเราก็ต้องรับฟังจากทุกภาคส่วน
เมื่อถามว่า มีคนวิจารณ์ว่าการทำร่างกฎหมายในช่วงนี้ของสนช.เพื่อหาเสียงล่วงหน้าและช่วยรัฐบาล นายพีระศักดิ์กล่าวว่า สนช.มีโครงการลงพื้นที่พบประชาชนอยู่ตลอด และนำความเดือดร้อนของประชาชนมาพิจารณา เรื่องข้าวนั้นเราทำมาตลอดอยู่แล้ว รัฐบาลทุกรัฐบาลต้องการให้ประชาชนมีความสุข เราในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติมีหน้าที่ทำกฎหมายให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรม แต่คนมักมองสนช.ไปโยงการเมือง ทั้งที่จริงเราทำงานเพื่อเป็นประโยชน์ให้์กับประชาชน และคิดว่าร่างกฎหมายตัวนี้จะเป็นประโยชน์กับประชาชน ทำให้ห่วงโซ่สมดุลทุกฝ่าย ทั้งพ่อค้าข้าวและเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ไม่ได้ริดรอนสิทธิ์ใคร
ด้านนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกสนช. กล่าวว่า เราเสนอกฎหมายนี้ไม่ได้มีเป้าหมายไปลิดรอนสิทธิ์ใคร ไม่ว่าพ่อค้าหรือชาวนา เราต้องดูแลทุกกลุ่มทุกฝ่ายให้เข้าใจกัน กฎหมายฉบับนี้ผู้รับซื้อข้าวต้องไปจดทะเบียน และอาจจะต้องมีการออกใบเสร็จรับซื้อข้าว ทั้งพันธุ์ข้าว ความชื้น และราคาข้าว แต่เราไม่ได้บังคับผู้ซื้อข้าวอย่างเดียว แต่ต้องรวบรวมฐานข้อมูลข้าวให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะปัจจุบันไม่มีข้อมูลตรงนี้ การค้า ซื้อขาย ต้องมีใบเสร็จเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องแปลกเรื่องใหม่ แน่นอนว่าตรงนี้เราออกกฎหมายเพื่อใช้กับทุกคน ไม่ได้เลือกปฏิบัติ พ่อค้าที่ขายแบบตรงไปตรงมาไม่ได้รับผลแน่นอน แต่คนที่ตุกติกก็สมควรที่จะถูกลงโทษ หากว่าคนส่วนน้อยมามีอิทธิพลกับคนส่วนใหญ่เราก็ต้องช่วยกัน
พล.อ.มารุต ปัชโชตะสิงห์ สมาชิกสนช. กล่าวว่า เราได้รับข้อมูลจากชาวนาทั่วประเทศ ต้องรวบรวมข้อมูลทั้งจากเวปไซต์ของรัฐสภา การลงพื้นที่รับฟัง โดยเราตั้งเป้าจะเสนอร่างพระราชบัญญัตินี้ให้ทันภายในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ และเมื่อประธานสนช.ได้รับร่างกฎหมายแล้ว ท่านจะไปพิจารณาและบรรจุในการประชุมวิปสนช. และพวกเราที่เสนอจะไปชี้แจง ซึ่งหากผ่านจะนำบรรจุในการประชุมสนช.เพื่อพิจารณาและส่งต่อให้รัฐบาลนำไปพิจารณาต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี